หลงเวลาพันปีที่...คอเขา

หลงเวลาพันปีที่...คอเขา

ถ้าเอ่ยถึงลำพังแค่ชื่อ เกาะคอเขา คงมีคำถามว่า ที่ไหนๆ ได้มากทีเดียว

แต่ถ้าในบรรดาคนที่สนใจทางด้านโบราณคดี คงคุ้นชินกับชื่อทุ่งตึกมากกว่า ก่อนจะไปไกลผมขอแนะนำเกาะคอเขาให้ท่านผู้อ่านรู้จักก่อนดีกว่า


ถ้าท่านผู้อ่านกางแผนที่ภาคใต้ของไทย ดูทางฝั่งอันดามัน ตรง อ.ตะกั่วป่า ของ จ.พังงา จะเห็นเกาะเล็กๆ ใต้เกาะพระทอง นั่นแหละครับเกาะคอเขา เกาะนี้เป็นเกาะขนาดเล็กยาวประมาณ 15 กิโลเมตร กว้างราว 5 กิโลเมตร จะเห็นว่าอยู่ตรงปากแม่น้ำตะกั่วป่าพอดี โดยรวมแล้วเป็นเกาะราบๆ คล้ายเกาะพระทอง แต่มีภูเขาเตี้ยๆ อยู่ด้วย ทางด้านเหนือและทางตะวันออกที่หันเข้าหาฝั่ง จะเป็นป่าโกงกาง ส่วนทางด้านตะวันตกนั้นจะเป็นด้านที่หันออกสู่ทะเลของมหาสมุทรอินเดีย


เส้นทางการค้าขายทางทะเลสมัยโบราณพันๆ ปีมานั้นรู้จักเกาะนี้ในนามเมืองท่า “ตะโกลา” (ซึ่งอาจเพี้ยนมาเป็นตะกั่วป่าในปัจจุบัน) นักโบราณคดีเขาขุดค้นพบโบราณวัตถุหลายอย่างที่มาจากต่างถิ่น มากมายจนอาจเรียกได้ว่าเป็น สินค้า รวมทั้งโบราณสถานที่เป็นอาคารสิ่งปลูกสร้างที่ดูคล้ายตึก เขาจึงเรียกทุ่งตึก ซึ่งโบราณสถานเหล่านี้ เป็นตัวบ่งบอกถึงความเป็นเมืองท่าของตะโกลา ซึ่งร่วมสมัยกับแหลมโพธิ์ที่ไชยา เขาก็ขุดค้นได้โบราณวัตถุที่ร่วมสมัยกัน ประกอบกับมีการขุดค้นโบราณวัตถุหลายอย่าง ตามเส้นทางจากเกาะคอเขาไปตามแม่น้ำตะกั่วป่า แม่น้ำตาปี ไปจนถึงแหลมโพธิ์ ไชยา


นักโบราณคดีจึงสันนิษฐานว่านี่เป็นเส้นทางค้าขายทางทะเลของโลกยุคโบราณ ระหว่างดินแดนด้านทิศตะวันตกที่มีกลุ่มประเทศอาหรับ อินเดีย และอาจรวมไปถึงดินแดนบางส่วนของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วยกับดินแดนด้านทิศตะวันออกที่มีจีนเป็นตลาดการค้าที่สำคัญ สินค้ามาจากทางอาหรับ ครั้นจะอ้อมแหลมมลายูก็เสียเวลา รวมทั้งโจรสลัด เขาก็เลยมาใช้เกาะคอเขาเป็นเมืองท่า แล้วล่องสินค้าไปตามแม่น้ำตะกั่วป่า ไปแม่น้ำตาปี พุมดวง แล้วไปเมืองท่าแหลมโพธิ์ ไชยาออกทะเลจีน รวมทั้งใช้เป็นที่ใช้จอดเรือหลบคลื่นลมมรสุมด้วย จริงๆ มีรายละเอียดมากครับ การขุดค้นพบโบราณวัตถุและรูปเคารพในหลายพื้นที่ที่คาดว่าเป็นสถานีพักระหว่างเดินทางไปสู่เมืองไชยา รวมทั้ง “ลูกปัด” ที่ผมเคยเขียนไปแล้ว นักวิชาการจึงสันนิษฐานอย่างที่บอกไป


เดี๋ยวนี้โบราณสถานที่เรียกว่า “ทุ่งตึก” นั้น ถ้าไม่ใช่คอโบราณคดีจริงๆ อาจจะไปดูแล้วไม่เห็นมีอะไร เพราะเหลือเพียงร่องรอยการขุดค้น และฐานของอาคารเก่าสมัยที่ทุ่งตึกยังเป็นตะโกลา กับป้ายคำอธิบายความซึ่งอาจต้องใช้จินตนาการประกอบสักหน่อย แล้วมองตามพื้นดีๆ อาจจะเห็นลูกปัด หรือเหรียญสมัยโบราณซุกซ่อนอยู่ใต้ดินก็ได้ โดยเฉพาะเมื่อหลังฝนตกใหม่ๆ นี่สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองและมั่งคั่งของเมืองตะโกลานี้ได้เป็นอย่างดี


ปัจจุบันเกาะคอเขาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สงบ เงียบ มีการจัดการที่ยังสอดคล้องกับวิถีชุมชน มีรีสอร์ทหรือที่พักเล็กๆ บนนั้นไม่กี่แห่ง และมีการพูดคุยตกลงกันระหว่างผู้ประกอบการที่มีอยู่ไม่กี่แห่งบนเกาะในการรับนักท่องเที่ยวเป็นการเฉพาะกลุ่มด้วย เช่น ถ้าเป็นคนรัสเซีย ต้องไปพักรีสอร์ทนี้ ถ้าเป็นคนจีน ไปพักรีสอร์ทโน้น ส่วนถ้าเป็นคนไทยที่หรือคนยุโรปจะไปพักที่ซีแอนด์เอ็น คอเขาบีช ผมไปก็ไปพักที่นี่เหมือนกัน เพื่อต้องการควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวและให้แต่ละแห่งบริการและคุ้นชินกับบุคลิกนิสัยของนักท่องเที่ยวแต่ละชาติไปเลย


เกาะเล็กๆ นี้ นอกจากโบราณสถานทุ่งตึกที่ว่าแล้ว ยังมีอะไรต่อมิอะไรให้ได้ไปดูไปชมอยู่พอประมาณทีเดียว ซากขุมเหมืองที่เคยเป็นแหล่งขุดแร่ในอดีต เดี๋ยวนี้กลายเป็นบ่อน้ำไปโดยปริยาย มีบัวบาดอกเล็กๆ ขึ้นอยู่เต็มไปหมด คล้ายๆ กับบนเกาะพระทอง ขุมเหมืองที่ว่านี้ จะกระจายกันอยู่โดยทั่ว มีนกกาน้ำเล็ก นกปากห่าง นกยาง อาศัยเป็นที่หากินไปด้วย


พื้นที่กลางเกาะ ส่วนหนึ่งเป็นสวนมะม่วงหิมพานต์ แต่ก็ดูเหมือนกำลังถูกประกาศขาย หรือให้เช่าอยู่ ช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. ต้นรักทะเลจะออกดอกขาวโพลนไปทั่ว ดูงามสะดุดตาดีเหมือนกัน หรือทุ่งดอกแพงพวยที่เป็นพืชที่เราคุ้นตานี่แหละ แต่ในยามที่มันออกดอกเป็นทุ่งก็ดูสวยงามดีไม่หยอก ยังมีทุ่งควาย ซึ่งจริงๆ คือสนามบินของทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกที่ยังคงเรียบกริบ โล่งเตียน หญ้าขึ้นอุดมจนกลายเป็นที่เลี้ยงควายไปโดยปริยาย ให้ได้ดูบนเกาะด้วย

ทางด้านตะวันออกของเกาะนั้นเป็นป่าโกงกางและภูเขาเตี้ยๆ น่าเสียดายที่สวนยางพารารุกพื้นที่ป่าธรรมชาติเข้าไปแล้ว ป่าถูกถางแล้วเผาเพื่อเอาพื้นที่ปลูกยางพารา เห็นแล้วเศร้าใจ ส่วนป่าโกงกางนั้น เห็นว่าก่อนหน้านั้นเคยถูกตัดเอาไปทำประโยชน์ รวมทั้งมีการตัดเพื่อจะถมที่ แต่พอเกิดสึนามิ เห็นว่าป่าโกงกางมีประโยชน์ก็เลยมีการทำเป็นป่าชุมชน ออกกฎระเบียบของชุมชนขึ้นมารักษาป่าโกงกางที่เหลือไว้ให้เป็นกำแพงกั้นลมกั้นคลื่น ยังดีที่คิดกันได้


หาดทรายของที่นี่ แม้ทรายจะไม่ขาวสะอาด ไม่ละเอียดเท่าหลายที่แต่ความที่การท่องเที่ยวไม่เติบโตมาก หาดที่นี่จึงมีความสงบ มีความเป็นส่วนตัวสูง อย่างชายหาดหน้า C & N Kho Khao Beach ขนาดว่าห่างท่าเรือข้ามฟากไม่เท่าไหร่ ยังมีความสงบเป็นส่วนตัวมากๆ ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงหาดหาปลา ที่ไล่ขึ้นไปทางทิศเหนือของเกาะ ที่นี่ยิ่งแล้วเลย เป็นหาดส่วนตัวจริงๆ เขามีที่พักเล็กๆ ไม่กี่ห้อง กลางดงสนทะเล ฝรั่งนอนอาบแดดกันสบายๆ ยิ่งถ้าขึ้นไปจนจะสุดเกาะทางทิศเหนือ จะเป็นหาดที่เชื่อว่า “เวอร์จิ้น” หาดนี้ยิ่งแล้วเลยครับ ไม่มีคนเลย สงบ เงียบ สนทะเลต้นใหญ่ๆ ชายหาดสีนวลๆ เวลาน้ำลง หาดจะแผ่ยาวด้านหน้าห่างกันไม่ถึง 500 เมตร คือส่วนใต้สุดของเกาะพระทอง หาดเวอร์จิ้นนี้แทบไม่เห็นรอยเท้าคนปรากฏบนชายหาดเลย มิน่าเขาถึงตั้งชื่อหาดแบบนี้


การเดินทางมาบนเกาะคอเขานี้ไม่ยากครับ มีเรือเฟอร์รี่ข้ามฝั่งจากตะกั่วป่า เอารถใส่เรือข้ามมาได้ แต่ก็ต้องรอเป็นรอบๆ ถ้าเราข้ามแต่ตัวจะมีเรือข้ามฟากลำเล็กๆ ไม่กี่คนก็ออก แล้วไปเหมารถปิคอัพบนเกาะให้เขาพาเที่ยวก็ได้ วันเดียวก็น่าจะเที่ยวหมด ยกเว้นว่าถ้าติดใจบรรยากาศเหงาๆ ของพระอาทิตย์ที่ตกลงทางทะเลอันดามัน นั่นก็ค่อยหาทางค้างคืนบนเกาะสักคืนก็แล้วกัน ทุกอย่างที่สงสัยเกี่ยวกับเกาะนี้ให้โทรไปถาม ททท. สำนักงานพังงา โทร. 0 7648 1900-2 มีหน่วยงานให้บริการก็ควรใช้บริการครับ


ในยุคที่บ้านเมืองไม่เจริญ ตะโกลา กลับเจริญรุ่งเรือง มาในยุคที่บ้านเมืองเจริญ เกาะคอเขากลับเงียบสงบราวกับบรรยากาศเมื่อพันปีก่อน คงมีที่เดียว...เกาะคอเขา พังงา