'เวฟ คูเปย จง' ผู้หลงรักการเดินทาง
ชีวิตออกเดินทางมาตั้งแต่เด็ก หนุ่มลูกครึ่งจีน-มาเลเซีย นามว่า เวฟ คูเปย จง สุดท้ายมาปักหลักอยู่ที่เมืองไทย
หลังจากสะพายเป้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก เข้าวงการมาถ่ายโฆษณา ได้โอกาสทำงานด้านพิธีกร จนปัจจุบันกำลังจะมีผลงานภาพยนตร์ที่คาดว่าจะออกฉายในเดือนพฤษภาคมศกนี้
เวฟเป็นคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวมากเลยใช่ไหม อยากให้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเดินทาง
ครับ ผมชอบเดินทางท่องเที่ยวมาก ทีแรกก็กะว่าจะมาเมืองไทยเพื่อเที่ยวเฉยๆ ไม่ได้จะอยู่นานขนาดนี้เลยนะครับ ผมเกิดและโตที่ประเทศมาเลเซียจนวัยรุ่นผมก็จะเดินทางบ่อย ผมทำงานด้านโฆษณา มีโอกาสเดินทางไปสิงคโปร์ ไต้หวัน ทั่วเอเชียเลย ในประเทศมาเลเซียเองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ผมชอบเกาะ อย่างเรดังนี่ผมก็ชอบ ความจริงมาเลเซียผมไม่ค่อยได้เที่ยวสักเท่าไหร่ ส่วนมากตั้งแต่เด็กคุณพ่อก็จะพาไปเยี่ยมญาติที่ฮ่องกง มาเก๊าสิงคโปร์ นี่จะไปบ่อยมาก
ชอบอะไรที่มาเก๊าบ้าง
ชอบบรรยากาศ ชอบสถาปัตยกรรมของเขาดีดูคลาสสิค มีเสน่ห์มากๆ และในเมืองก็มีแสงสีแบบลาสเวกัส มีบ่อนคาสิโนมากมาย เป็นเมืองที่พร้อมในการลงทุน เป็นอะไรที่อเมซิ่งมากๆ สำหรับผม นอกเหนือจากนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของอาหารการกิน อาหารอร่อยมาก ส่วนมากเป็นอาหารกวางตุ้ง เป็นอาหารแบบฮ่องกงอยู่แล้ว เป็นอะไรที่เคยชินอยู่แล้ว ที่ชอบมากๆ ก็คือทาร์ตไข่ ซึ่งผมเคยกินมาตั้งแต่เด็กๆ นึกว่าเป็นของฮ่องกง พอไปที่มาเก๊ารู้ว่าต้นกำเนิดอยู่ที่นี่ก็เลยประทับใจมาก ครั้งหนึ่งกินได้ 4-5 อันเลย อันหนึ่งประมาณ 60 บาท ชิ้นใหญ่มาก กินแล้วอ้วนมาก ผมก็เสียสละที่กินเข้าไป แล้วค่อยมาลดทีหลัง(หัวเราะ)
แล้วธรรมชาติของที่นั่นเป็นยังไงบ้าง ชอบไหม?
ผมว่าเขาจัดแลนด์สเคปได้ดีมากเลยนะครับ ดูสวยงาม มาเก๊าจะเป็นเกาะๆ ถ้าใครเคยไปก็คงจะนึกภาพออก แล้วเขาก็จะสร้างสะพานข้ามเกาะเข้ากับท่าเรือ เขามีธรรมชาติที่สวยงามอยู่แล้ว ส่วนที่ฮ่องกงนี่ผมไปเพื่อกินโดยเฉพาะ เพราะไม่ค่อยมีธรรมชาติอะไรให้ดูแล้ว มีแต่ตึก มีแต่ของแบรนด์เนมต่างๆ ให้ชอปปิง ถือว่าเป็นธรรมชาติของผู้หญิงเลย ช้อปกระจายเลย(หัวเราะ) ผู้ชายอย่างเราก็ได้ไปดูแฟชั่นบ้าง แต่ส่วนใหญ่ไปหาของกิน ไปออกทะเลบ้าง ไปหมู่บ้านชาวประมง เรื่องของเรื่องก็คือไปหาอาหารการกินนี่และ เพราะมีอาหารทะเลสดๆ เยอะมาก
ถ้าไม่นับเมืองไทย เวฟเดินทางมาแล้วกี่ประเทศ ที่ไหนบ้าง
ก็หลายที่อยู่นะครับ มีตั้งแต่ปารีส ฝรั่งเศส ลอนดอน อังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย อาเซียนนี่ไปมาเกือบหมดแล้ว
แล้วทำไมถึงเลือกปักหลักอยู่ที่ประเทศไทย
ผมไม่ได้เลือก แต่โชคดีที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสมากกว่าครับ ผมมาเมืองไทยก็คือมาเที่ยว แบ็คแพคมาคนเดียวอายุประมาณ 20 ต้นๆ คือตั้งแต่เด็กๆ มาเมืองไทยบ่อยมาก เที่ยวทะเล มากับครอบครัวไม่เคยเดินทางมาคนเดียว พอคุณพ่อไม่สบาย แล้วเสียชีวิตไป ผมก็อยากจะออกมารีเฟรชตัวเอง ก็เลยเลือกเดินทางมาประเทศใกล้ๆ ก็คือเมืองไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ผมคุ้นเคย พูดภาษาไทยไม่ได้เพราะเราไม่มีญาติที่นี่ เที่ยวไปเรื่อยเปื่อย ทะเล จตุจักร อยู่ๆ ก็คิดขึ้นมาว่าทำงานในวงการที่เมืองไทยน่าจะดีนะ เพราะตั้งแต่เด็กๆ ผมก็ดูหนังไทย ชอบมาก ถ้าได้ทำอะไรที่นีก็ดีนะ
เราเองก็มีพื้นฐานด้านนี้อยู่แล้ว?
ใช่ครับตอนเด็กๆ ผมก็ถ่ายโฆษณาไทย แต่ไม่เคยอยู่ที่เมืองไทย ไปถ่ายที่สิงคโปร์ มาเลเซีย ก็เคยคิดว่าถ้าเราสามารถทำงานหารายได้เสริมแล้วเที่ยวไปด้วยก็เจ๋งนะ ผมเป็นคนที่ตั้งแต่เด็กมาก็ไม่เคยขอเงินพ่อแม่อยู่แล้ว ทำงานมาด้วยตัวเองตลอด ก็เลยเข้ากูเกิลหาดูว่ามีบริษัทเอเจนซี่ไหนน่าสนใจบ้าง เราก็ส่งรูปไปทุกบริษัทเลย โชคดีมากที่ได้ถ่ายโฆษณาชิ้นแรกกับพอลล่า เทเลอร์ ทางเอเจนซี่บอกว่ายูได้เล่นกับซุปเปอร์สตาร์ของเมืองไทยเลยนะ ซึ่งตอนนั้นผมก็ยังไม่เคยรู้จัก ต่อมาผมก็รู้จักทีมงานคนไทยเยอะขึ้นก็เลยเรียนภาษาไทยเพิ่มเติม
เวฟไปเรียนภาษาไทยจากที่ไหน
ผมไม่เคยเข้าคลาส เรียนจากกูเกิลนี่แหละ เข้าไปในเว็ปไซต์ต่างๆ ต้องออกเสียงยังไง เพื่อนๆ คนไทยก็คอยสอนเรา เพื่อนๆ วัยรุ่นก็จะสอนเราหยาบๆ เขาก็มีความสุขหัวเราะกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะเรียกเพื่อนที่สนิทกันมากๆ ต้องเรียกว่า ไอ้สัตว์ (หัวเราะ) พอเราพูดเขาก็หัวเราะเราก็นึกว่าเขาคงชมว่าเราพูดชัดพูดเก่ง เราก็ดีใจไปด้วย
ทุกวันนี้ผมยังต้องเรียนรู้อีกเยอะเพราะภาษาไทยเป็นภาษาที่สวยงาม คำพูดหนึ่งมีหลายความหมาย การใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องเราต้องเรียนอีกเยอะ ตอนนี้แค่พอสื่อสารได้ อยู่เมืองไทย 3 เดือนผมพอจะบอกคนอื่นได้ว่าผมหิวข้าวนะ ไปซื้อของต่อราคา ลดราคาได้ไหม อะไรอย่างนี้ หลังจากนั้นเข้าแกรมมี่เข้าไปออร์ดิชั่นเป็นนักร้อง ค่ายพี่เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ถูกคัดเลือกเข้าไปในวงปริ๊นซ์ เรียนเต้น เรียนแอคติ้ง เรียนร้องเพลง ใช้ชีวิตกับคนไทยทุกวันทำให้เราเรียนภาษาไทยได้เร็วขึ้น
แล้วงานพิธีกรนี่มายังไง
หลังจากผมได้เป็นสมาชิกวงปริ๊นซ์ ก็ได้ออกไปเดินสายให้สัมภาษณ์ เรียนรู้ภาษามากขึ้น มีประสบการณ์จากคำถามต่างๆ ผู้ใหญ่เห็นว่าเราเองตอนอยู่ที่มาเลเซียทำงานด้านพิธีกรมาก่อน ก็เลยให้โอกาสผมทำช่วงสกู๊ปเล็กๆ ในรายการเวคคลับ ออกอากาศทางช่อง 5 อันไหนที่พูดไม่ชัดก็เทค ทีมงานตอนนั้นก็ลำบากมากเพราะพูดไม่ชัดซักคำหนึ่ง ผมเครียดมากต้องทำการบ้านเยอะ เป็นพิธีกรต้องสื่อสารกับคนดู ผมต้องจำเยอะมาก มีศัพท์ยากสำหรับผมอย่าง เช่น ทัศนศึกษา สถานที่โบราณสถาน ฯลฯ เป็นศัพท์ที่เราไม่ค่อยได้พูด ก็เลยเป็นอะไรที่ยากมาก แต่ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้เราฝึกภาษาไทยได้ดีขึ้น ซึ่งผ่านมา 6 ปีแล้ว
มาถึงเรื่องการท่องเที่ยวในเมืองไทย ชอบที่ไหนเป็นพิเศษ?
ผมชอบทะเลทางใต้ แถวๆ เกาะพีพี ผมเป็นคนที่ชอบดำน้ำมาก ชอบโลกใต้ทะเล ทำกิจกรรมลุยๆ ทั้งดำน้ำลึกและน้ำตื้น ตอนเด็กๆ ผมเป็นนักว่ายน้ำ ผมไปสอบไดร์ฟการ์ดมาด้วยนะ ชอบทะเลมากกระบี่ นี่ผมก็ไปหลายครั้งมากตั้งแต่เด็กๆ ผมก็ไปกับพ่อแม่ เกาะพีพี 3-4 ครั้ง ไปเที่ยวตามเกาะเช่นเสม็ดก็ไป ผมเป็นคนที่ชอบใช้เวลาอยู่ใต้ท้องทะเล ชอบโลกใต้น้ำเพราะเหมือนเป็นโลกอีกใบ แต่ทุกวันนี้เวลาเราไปดำน้ำตื้นจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วนะ ปะการังตายไปเยอะมาก บางอย่างดูแล้วก็น่าสงสาร สภาพแวดล้อมไม่ดีถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อก่อน อาจจะเป็นเพราะไม่ได้ดูแล หรือเรือต่างๆ จอดแล้วเป็นการทำลาย โดนปะการัง น่าเสียดายมากถ้าไม่รีบช่วยกันรักษา เพราะกว่าปะการังจะเติบโตขึ้นมาได้อันหนึ่งใช้เวลานานมากเหมือนกัน ถ้าเราไม่รักษาไว้อีกหน่อยคนรุ่นหลังก็จะไม่มีโอกาสได้เห็น ได้เห็นความสวยงามแค่รูปเท่านั้น
ล่าสุดเห็นว่าได้ไปเที่ยวเหนือ เพราะว่าไปถ่ายภาพยนตร์?
ได้ไปที่ดอยแม่สลอง ไม่เคยคิดว่าเมืองไทยมีที่เที่ยวแบบนี้ ไปแล้วเหมือนอยู่ต่างประเทศเลย ภูเขาอากาศดี ประทับใจมาก เป็นจุดที่คนอาจจะมองข้ามว่าไม่มีอะไร มีแต่ไร่ชา ผมว่าชุมชนเขามีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เช่นมีป้ายต่างๆ เป็น 2 ภาษา คือ ไทยและจีน ชุมชนเขามีที่มาที่ไป ได้เข้าใจว่าทำไมเขาจึงมาใช้ชีวิตที่นี่ เขารักในหลวงมากขนาดไหน เป็นชุมชนที่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ดูมีความสุข ผมอยู่ที่นั่นเกือบ 2 เดือนเพื่อถ่ายหนัง วันไหนไม่ถ่ายหนังก็ออกไปเที่ยว
สิ่งที่เวฟได้กลับมาคืออะไร
ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ในภาพยนตร์เรื่องนี้ผมเล่นเป็นเด็กดอย ผมก็ไปสัมผัสชีวิตเด็กดอยว่าเขาใช้ชีวิตยังไง วันไหนไม่มีคิวผมก็ขอไปศึกษาชีวิตเด็กดอย เช่ามอเตอร์ไซค์ไปอยู่กับชาวบ้าน ไปอยู่กับเด็กๆ ผมขี่มอเตอร์ไซค์เจอเด็กๆ เดินอยู่ถามว่าไปไหน เด็กๆ บอกว่าเขามาหาหน่อไม้ ผมขอไปด้วย ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่สุดยอด เขาเดินเข้าป่าแบบรู้ทางมากเลย ผ่านภูเขา 2 ลูกใช้เวลา 3 ชั่วโมง เด็กๆ ก็มีน้ำใจถามว่าหิวข้าวไหม เขาจะแบ่งให้กิน ห่อมามีแต่ข้าวอย่างเดียวไม่มีกับข้าว เขาเดินไปตักน้ำตกให้เราดื่ม เป็นน้ำเย็นของเรา เพราะเราไม่มีตู้เย็น ได้ไปว่ายน้ำกับเด็กๆ ถอดกางเกงกระโดดลงน้ำ ในที่สุดผมก็โดดลงไปเหมือนกัน น้ำเย็นมาก เป็นครั้งแรกของชีวิตที่ลุยขนาดนี้ เด็กๆ อายุ 6-8 ขวบ เราได้เรียนรู้เห็นมุมมองหลายๆ อย่าง ได้เห็นว่าเขารู้จักเพียงพอ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ต้องมีอะไรมากก็ได้
เป็นเรื่องที่ประทับใจมากเลยใช่ไหม
ใช่ครับ พอลงดอยมาผมก็พาพวกเขาไปเลี้ยงข้าวที่ร้านอาหารซึ่งก็เป็นร้านธรรมดา ไม่มีแอร์ มีแต่พัดลม พอผมเดินเข้าไปนั่ง หันไปอ้าว เด็กๆ ทำไมไม่เข้ามา ยังยืนอยู่หน้าร้านไม่กล้าเข้า เพราะชีวิตประจำวันเขาไม่เคยเข้ามากินอาหารที่ร้านแบบนี้เลย ผมต้องบอกให้พนักงานร้านไปเรียก ให้เขาพูดภาษาเด็กดอย ให้เขาเข้ามาเถอะ แล้วผมก็สั่งขาหมู หมั่นโถว ผัดผัก เห็ดหอมทอด ไก่ทอด กินกันแล้วก็ให้พวกเด็กๆ ห่อกลับบ้านไปด้วย ทุกคนดูมีความสุขมากเลยครับ
ปัจจุบันเวฟมีงานประจำอะไรบ้าง
ผมก็มีร้านอาหารชื่อลิตเติ้ลฮ่องกง และยังเป็นพิธีกรที่แบงแชนแนล และมีอีกงานเพิ่งเข้ามาเมื่อต้นปีคือเป็นพิธีกรรายการอาหารเกาหลี ชื่อ คุ๊กกิ้ง วิท ออมม่า ออกอากาศทางช่องโคเรียน แชนแนล เป็นการทำอาหารเกาหลีแบบโบราณ ดั้งเดิม แล้วเราก็เหมือนกับไปเรียนรู้กับเขา ต้องไปถ่ายทำกันที่ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีครับ
หลังจากนี้มีแพลนจะไปเที่ยวที่ไหนอีก
ล่าสุดผมเพิ่งกลับจาก ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แพลนต่อไปก็คือ เวนิส ประอิตาลี อยากไปล่องเรือกอนโดล่า น่าจะโรแมนติกดีไม่น้อย แต่คต้องรอหลังจากเปิดตัวภาพยนตร์โปรเจ็คท์ Love is… ให้เรียบร้อยก่อน