เรื่องเล่าจากกระบี่

เรื่องเล่าจากกระบี่

กระบี่เป็นไม่กี่จังหวัดที่ผมชอบเดินทางไปอย่างมาก

อาจจะเพราะบ้านเมืองดูหลวมๆ ธรรมชาติมีครบทุกอย่าง ทั้งทะเล ทั้งป่า ถ้ำก็สวยๆ เพราะไปบ่อยเลยมีเรื่องสารพัดสารเพมาเล่าสู่กันฟัง

ลำพังตัวเมืองกระบี่เองมีอะไรให้ดูไม่มาก เพราะเป็นเมืองเล็กๆ เป็นเนินสูงๆ ต่ำๆ ถ้ามีรถรางวิ่งซะหน่อยผมว่ามันคือซานฟรานซิสโกอย่างในหนังเชียวละ ในตัวเมืองเราจะไม่เห็นตึกสูงไม่เกิน 4 ชั้น และอยู่ติดน้ำ กระบี่จึงมีลมโกรกทั้งปี ในตัวเมืองที่ขึ้นชื่อก็คือประติมากรรมทองเหลืองเป็นรูปปูดำและครอบครัวที่บ่งบอกความสมบูรณ์ของธรรมชาติในอดีต

หลักกิโลที่ 0 ที่อยู่ใกล้ท่าเรือเจ้าฟ้า ใต้แท่นนกออกหรืออินทรีย์ทะเลที่แต่ก่อนมีมากย่านนี้ และเป็นหลักเขตเทศบาลกระบี่ด้วย รวมทั้งสี่แยกไฟแดงที่มีรูปนกออก แยกไฟแดงที่เป็นรูปมนุษย์โบราณ เพราะเคยมีการขุดพบฟอสซิลกรามบนด้านขวาพร้อมฟัน 5 ซี่ และกรามด้านล่างขวาพร้อมฟัน 2 ซี่ ที่เหมืองถ่านหินลิกไนท์ อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ เลยสืบค้นจนพบว่ากระบี่เป็นที่อยู่ของมนุษย์โบราณอายุกว่า 35 ล้านปีมาก่อน เป็นการค้นพบครั้งสำคัญของภูมิภาคเอเชีย เลยตั้งชื่อมนุษย์โบราณนี้ว่า “สยามโมพิเทคัส อีโอซีนัส” จัดอยู่ในสายพันธุ์ “โฮมินิดส์ หรือ โฮมินอยด์”

ส่วนสี่แยกเสือเขี้ยวดาบนั้นเพราะเมื่อปี พ.ศ. 2533 มีการขุดพบซากดึกดำบรรพ์ของเสือเขี้ยวดาบ ซึ่งมีอายุอยู่ในช่วง 40-35 ล้านปี เป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่แอ่งกระบี่ แหล่งถ่านหินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ตำบลปกาสัย อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ โดย ดร.วราวุธ สุธีธร นักธรณีวิทยา โดยมีมหาวิทยาลัยมองเปลิเอร์ แห่งประเทศฝรั่งเศสรับรองการขุดพบ

และถ้าสังเกตจะเห็นสี่แยกช้าง รูปช้างเอางวงจับดาบชูขึ้น หรือจะเห็นตามร้านค้าในกระบี่จะเห็นรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เอาพระหัตถ์แตะงวงของช้างเผือก (ช้างสำคัญ) คู่พระบารมี เป็นช้างแรกของรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานนาม ว่า “ พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนวนารถบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกมลาสนวิศทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาติ สยามราษฎรสวัสดิประสิทธิ์ รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรพิตรสารศักดิ์เลิศฟ้า” คนกระบี่เขาถึงภูมิใจนักหนาว่าเป็นถิ่นช้างเผือกคู่บารมีของพระเจ้าแผ่นดิน หน้าศาลากลางหรือหลายๆ ที่จึงมีรูปปั้นช้างยืนอยู่

ในเมืองที่อยากให้ไปดูอีกหนึ่งอย่างคือ วัดแก้วโกวราราม ที่เห็นโบสถ์สีขาวเด่นเป็นสง่าบนเนิน และตลาดสดเมืองกระบี่ที่เดิมเป็นตลาดชาวบ้านเฉอะแฉะ เดี๋ยวนี้ทำใหม่หมดแล้ว สะอาด เรี่ยมเร้เรไร มีทั้งของสดสำหรับประกอบอาหารประจำวัน ของฝาก อาหารทานขณะนั้น ขนมพื้นเมืองปักษ์ใต้ สารพัดสารพัน แล้วมาดูสังคมพุทธ มุสลิมที่อยู่กันอย่างสมานฉันท์ แผงหมูชาวพุทธ แผงปลาชาวมุสลิมก็อยู่ติดกันได้ โอภาปราศรัย นี่แหละคือเสน่ห์ของกระบี่

มีคนบอกว่า ไปเที่ยวกระบี่ค่าใช้จ่ายมากกว่าไปเที่ยวฮ่องกงสิงคโปร์ซะอีก “จริง” ครับ เพราะที่พักตามแหล่งท่องเที่ยวในกระบี่ อ่าวนาง หาดไร่เลย์ แพงๆ ทั้งนั้น อาหารข้าวราดแกงธรรมดา ข้าวหมูแดงในเมืองยังจานละ 40 บาทเลย แต่ถ้าเราเที่ยวอย่างฉลาด มันก็มีทางเลือกมากมายและไม่แพง ที่พักในเมืองถ้าออกไปนอกเมืองนิดหนึ่ง หรือในซอยบ้าง คืนละ 500 บาทนี่อย่างดีเลย อาหารนอกๆ เมืองยังจานละ 30 บาทเหมือนเดิม เรื่องเดินทางไปเที่ยว ใครไม่เอารถไปก็สะดวก เพราะเขามีแพกเกจทัวร์ขายเยอะแยะไปหมด ทางบกก็ไปสระมรกต น้ำตกร้อน อะไรพวกนี้ ส่วนโปรแกรมทางทะเลนั้น ที่ฮิตๆ ก็จะเป็นแพ็กเกจไปเกาะพีพี-อ่าวมาหยา-เกาะไม้ไผ่

โปรแกรมเที่ยวสี่เกาะ (ทะเลแหวก-เกาะไก่-เกาะปอดะ-ถ้ำพระนาง) อีกโปรแกรมก็จะเป็นหมู่เกาะห้อง -เหลายาดิง เกาะผักเบี้ยอะไรพวกนี้ มีบริษัททัวร์ขายแพ็กเกจออกทุกวันครับ โปรแกรมก็คล้ายๆ กัน ส่วนใหญ่ผมไปก็จะใช้บริการของเกาะพีพีทัวร์ เพราะเวลาพักก็พักโรงแรมศรีซาวาลาของเขานั่นแหละ สะดวกเพราะอยู่ในเมือง แล้วระบบท่องเที่ยวในกระบี่นี้เป็นระบบมาก ท่านซื้อแพ็กเกจแล้วเขาไปรับถึงที่พักตอนเช้าเลย ตอนเย็นมาส่งถึงที่พัก ไม่ต้องเอารถมาเองยังได้ แต่ถ้าอยากจะไปพายเรือแคนูที่อ่าวท่าเลน เขากาโรส หรือจะไปดูถ้ำผีหัวโต ก็ให้ลองสอบถาม บริษัทที่ขายแพกเกจต่างๆ ดู หรือจะนั่งรถสองแถวไปเที่ยวหาดนพรัตน์ธารา ไปสุสานหอย ไปอ่าวนาง พวกนี้อยู่ไม่ไกลมากนัก มีรถโดยสารจากในเมืองครับ ราคามาตรฐานไม่ต้องหงุดหงิดแบบรถสองแถวแดงที่เชียงใหม่ด้วย

เพราะมันสะดวกและเราเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ผมย้ำว่าตลอดทั้งปี (ถ้าช่วงหน้าฝน ราคาที่พักจะถูกลงเกือบครึ่ง) กระบี่จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างแท้จริง และอย่าได้รำคาญที่ไปเกาะไหนคนก็มาก เห็นแต่คนเต็มไปหมด นั้นเป็นเพราะหาดเรายังสวย น้ำยังใส ราคาถูก ใครๆ ก็เข้าถึงได้ และดีใจอีกอย่างที่เกาะปอดะนั้น เดี๋ยวนี้ศาลได้ตัดสินให้อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพีแล้ว ไม่ใช่ของเอกชนอย่างแต่ก่อน รั้วลวดหนามที่เคยไม่ให้เราเข้าไป ให้นั่งตากแดดอยู่แค่แถวชายหาด เดี๋ยวนี้อุทยานฯเขาทยอยรื้อออก สามารถเข้าไปนั่งเล่น นอนเล่นใต้ร่มไม้ได้ ต่อไปอุทยานฯเขาจะมาสร้างหน่วยพิทักษ์ฯ อาจมีลานกางเต็นท์หรือห้องน้ำให้บริการสบายๆ แค่เสียค่าธรรมเนียม 30 บาท ทุกคนมีสิทธิเท่ากัน

ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับสองผู้นำการท่องเที่ยวภาคเอกชนคือ “โกจง” ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ และ “โกเลี้ยง” อมฤต ศิริพรจุฑากุล ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ซึ่งทำให้รู้ว่ากระบี่นั้นมียุทธศาสตร์ร่วมกันทั้งจังหวัดคือ จะทำให้เป็นจังหวัดสีเขียว เขาจะไม่ให้มีโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดเลย ถ้ามีก็จะเป็นแค่โรงงานไบโอดีเซลหรือโรงงานขนาดเล็ก รณรงค์ไม่ใช้กล่องโฟมในการบริการท่องเที่ยว การรณรงค์ลดการใช้พลังงานในสถานประกอบการหรือแม้กระทั่งผลิตพลังงานใช้ในสถานประกอบการเอง แต่มาติดขัดบ้างก็ตรงมีเงื่อนไขของการไฟฟ้าว่าถ้าผลิตได้เกินที่เขากำหนดจะต้องขายคืนหรือขออนุญาตในการผลิตไฟฟ้านี่แหละที่ยังเป็นอุปสรรค

แล้วเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาก ตั้งแต่ทางจังหวัด ข้าราชการทุกหน่วยงาน การท่องเที่ยว ภาคธุรกิจเอกชน เขาทำเป็นยุทธศาสตร์จังหวัดระยะยาวเลยว่าจะขับเคลื่อนจังหวัดไปแบบนี้ ซึ่งผมว่าจังหวัดอื่นๆ น่าทำตามมาก และเพราะอย่างนี้ เขาถึงแข็งขืนกับการที่ กฟผ.จะเอาโรงไฟฟ้าถ่านหินมาตั้งในกระบี่ ที่คลองท่อม โดยยกความมั่นคงทางพลังงาน ก็คนกระบี่เขายืนยันว่าเขาจะให้จังหวัดเขาเป็นจังหวัดสีเขียว ปลอดมลพิษ เขาจะขายความเป็นธรรมชาติ ผมว่า กฟผ. ก็ต้องฟังเขา แล้วดูว่าถ้าไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินแบบแม่เมาะ จะมีทางไหนที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานได้ อย่ายัดเยียดแล้วไม่ฟังคนในพื้นที่

ผมเห็นบริษัททัวร์ที่พาไปเที่ยว เขาย้ำทุกครั้งเรื่องห้ามยืนบนปะการังเวลาดำน้ำ เรื่องขยะที่ต้องขนขึ้นฝั่ง แต่ถ้าจะร่วมกันทำกติกาการจอดเรือให้ห่างจากหาด นัดเวลาเข้าไปรับนักท่องเที่ยวก็จะดีมาก ตามทะเลแหวก อ่าวมาหยา อ่าวพระนาง ฯลฯ ให้เห็นแต่คน อย่าให้เห็นแต่เรือเลยครับ ดูไม่งามตา ชื่นชมแล้วก็ฝากบอกมาแค่นี้ละครับ

มาถึงนาทีนี้ ผมก็ยังยืนยันว่า กระบี่ยังน่าเที่ยวเหมือนเดิม และไม่แพงถ้าเที่ยวเป็น...