อวสานบ้านผางาม

อุทยานฯทับลานเตรียมเข้ารื้อถอนรีสอร์ทดัง บ้านผางาม หลังแพ้คดี 3 ศาลรวด เพื่อนำพื้นที่กลับคืนเป็นสมบัติชาติครั้งนี้
ช่วงต้นเดือนมิถุนายน ไปเห็นข่าวนี้มาครับ “อุทยานฯทับลานเตรียมเข้ารื้อถอนรีสอร์ทดัง “บ้านผางาม” หลังแพ้คดี 3 ศาลรวด เพื่อนำพื้นที่กลับคืนเป็นสมบัติชาติครั้งนี้”
โดยข่าวบอกว่า วันที่ 2 มิ.ย. นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน จ.ปราจีนบุรี ได้รับหนังสือแจ้งจากศาลฎีกา แผนกคดีสิ่งแวดล้อม หลังศาลมีคำพิพากษายกฎีกาของผู้ร้อง คือนายศักดา ภิภพศิริรัตน์ และนางปรานี หรือปราณี วุฒิกานากร เจ้าของ “บ้านผางาม รีสอร์ท” (ตั้งอยู่บนในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน เนื้อที่ 125 ไร่ ท้องที่ของ ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี) โดยเขาเรียงเรื่องราวว่า รีสอร์ทแห่งนี้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีฐานบุกรุกพื้นที่เขต อุทยานแห่งชาติ ก็ฟ้องร้องกันจนศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกทั้ง 2 คน คนละ 1 ปี ปรับคนละ 75,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา แล้วให้จำเลยพร้อมหรือบริวารออกจากพื้นที่เขตอุทยานฯนั้น
ต่อมานายศักดาและนางปรานีต่อสู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืนตามศาล ชั้นต้น ทั้ง 2 คนจึงไปร้องต่อศาลฎีกา กระทั่งศาลฎีกา มีคำสั่งยกฎีกาของผู้ร้อง นอกจากนี้ ทั้ง 2 คนยังได้ไปร้องต่อศาลปกครอง เพื่อขอคุ้มครองการรื้อถอน แต่ศาลปกครองมีคำสั่งไม่คุ้มครอง ซึ่งถือว่ากระบวนการยุติธรรมสิ้นสุดแล้ว ทางอุทยานฯทับลานก็เลยทำเรื่องเพื่อรื้อถอนตามคำสั่งศาล เหมือนบ้านทะเลหมอกที่รื้อไปก่อนหน้านี้แล้ว
รีสอร์ทนี้ถือว่าใหญ่โต มีบ้านพักหลายหลัง กิจกรรมปีนผา โหนสลิงอะไรเยอะแยะไปหมดมูลค่าหลายบาทเชียวแหละ สำหรับผมเองรู้จักบ้านผางามก็ตามสื่อโฆษณาต่างๆ ที่ว่าเขามีการไต่หน้าผาน้ำตกเวฬุวัน มีการจัดวาเลนไทน์โรยตัวจากหน้าผา จดทะเบียนสมรสอะไรพวกนี้ ที่สัมผัสตรงๆ ก็คงสัก 2 ปีที่แล้วที่ผมเข้าไปหมายจะไปถ่ายรูปน้ำตกเวฬุวัน น้ำตกที่เขาโรยตัวนี่แหละ ทางเข้ามันต้องผ่านรีสอร์ทบ้านผางาม พอเข้าไปถามพนักงานเขาบอกว่าต้องซื้อแพกเกจโรยตัวถึงจะเข้าไปได้ ผมก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่าน้ำตกเวฬุวันนี้อยู่ในเขตอุทยานฯทับลานไม่ได้เป็นของบ้านผางาม แต่ตอนนั้นผมก็นึกว่าเป็นของเขา ทั้งๆ ที่เราก็รู้นะแหละว่าเขามีคดีฟ้องร้องกันอยู่กับทางอุทยานฯ สรุปผมก็ไม่ได้เข้าถ่ายรูปน้ำตกเวฬุวันตามตั้งใจ และก็ไม่ได้สนใจหรือติดใจอะไรอีก จนกระทั่งมาได้ยินข่าวนี้
มีคนตั้งข้อกังขาว่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯมัวไปทำอะไรอยู่ปล่อยให้เขาสร้างกันจนเสร็จเพิ่งจะมาจับ ผมเพิ่งได้คุยกับผู้เกี่ยวข้อง เขาเล่าว่าจริงๆ ก็คือแจ้งความตั้งแต่ ก.ค.2543 แล้ว กระบวนการก็ดำเนินมาเรื่อย ทางรีสอร์ทเขาก็สร้างมาเรื่อยเช่นกัน ไม่ได้หยุด ก็เหมือนกับขนาดศาลฎีกาให้รื้อก็ยังเปิดบริการนักท่องเที่ยวเหมือนเดิม ประกอบกับช่วงนั้นมีความคิดของผู้ใหญ่ในกรมอุทยานฯเองว่า แทนที่จะไปรื้อทิ้งน่าจะให้เอกชนเช่ามากกว่า ทางผู้ปฏิบัติก็เลยไม่กล้าทำอะไรหวือหวามาก จนเรื่องมาถึงทุกวันนี้
ผมว่าภาคเอกชนเขาไม่ได้ต้องการที่ดินตรงนั้น เขาแค่อยากได้ทำเลตรงนั้นไว้ทำมาหากินมากกว่า ถ้าเราให้เอกชนเช่าทำต่อ เราจะเจอบ้านผางาม 1-2-3-4 ไปเรื่อยๆ เพราะเขารู้ว่าพอเป็นคดีฟ้องร้องเสร็จ แพ้คดีแต่ก็ได้ทำกินต่อ แล้วชาวบ้านตาดำๆ ยากจนไปบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ปลูกงา ปลูกข้าวโพด พอแพ้คดี กรมอุทยานฯจะให้เขาเช่าทำกินต่อบ้างได้ไหม ถ้าได้ เราก็จะได้เตรียมบุกรุกจับจองอุทยานแห่งชาติทั้งประเทศได้เลย ยังไงก็ได้ทำกินต่อแน่ เพราะมีบรรทัดฐานแล้ว แต่นั่นหมายถึงหายนะของป่าไทยทะเลไทยเชียวแหละ
สิ่งที่เราต้องการจากผู้บริหารประเทศทุกยุคทุกสมัยคือท่านทำให้เราร่ำรวยเท่าเทียมกันไม่ได้ทุกเรื่อง แต่ขอเรื่องเดียว ให้กฎหมายนี่มันใช้อย่างเท่าเทียมระหว่างคนรวยและคนจนได้ไหม บ้านเรามันมีกรณีแบบนี้เยอะมาก กรณีเกาะปอดะที่กระบี่ ฟ้องร้องกัน 25 ปี กว่าจะได้กลับคืนมาเป็นของหลวง ของพวกเราทุกคนไม่ใช่ของเอกชนอีกต่อไป วันดีคืนดีพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินารถ ที่ภูเก็ต ก็ดันมี น.ส. 3 ขึ้นมาได้ แล้วจะต้องฟ้องร้องกันอีกกี่ปี กว่าจะพิสูจน์ได้กลับมาเป็นของส่วนรวม ขนาดบ้านผางามรีสอร์ทก็ใช้เวลาฟ้องร้องกัน 14 ปี เข้าไปแล้ว ทำมาหากินได้เงินกันไปเท่าไหร่
ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการฯ) ท่านเห็นข้อติดขัด อุปสรรคในการดำเนินการพวกนี้ เลยมีแนวความคิดอยากปฏิรูปวิธีปฏิบัติ กฎกติกาในการดำเนินการ รวมทั้งการขอเพิ่มโทษต่างๆ ถือโอกาสที่บ้านเมืองกำลังเข้าสู่ยุคของการปฏิรูป อะไรที่มันเคยติดขัดมาตลอดก็รื้อใหม่ ทำใหม่เสียเลย ซึ่งผมเห็นด้วย ไม่เช่นนั้นเราจะเจอชายหาดที่ไม่มีทางลงแบบที่เกาะช้าง รีสอร์ทไปสร้างบนยอดเขาที่เกาะสมุย ฯลฯ แล้วเราก็จะถามกันเองว่าทำได้ยังไง กังขาในความบิดเบี้ยวของการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในบ้านเราก็ถือโอกาสนี้ล้างบ้านเสียเลย
เราช่วยกันได้โดยอย่าไปใช้บริการรีสอร์ทที่ยังมีข้อกังขาถึงที่มาว่าบุกรุกป่าหรือไม่ อย่างที่ทับลานไม่ต้องกลัวว่าไม่มีที่นอน ไปนอนบ้านพักของอุทยานฯ หรือไปกางเต็นท์ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ สวนห้อมก็ได้ เขามีลานกางเต็นท์ ลานชมวิวสวยๆ เหมือนกัน น้ำตกม่านฟ้าไม่ได้น้อยหน้าที่อื่นเลย ส่วนน้ำตกห้วยใหญ่นั้นเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่ถ้าขยันเดินหน่อยคงต้องเดินลงหุบไปดูน้ำตกสวนห้อม นี่แค่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯหน่วยเดียวก็เจอที่เที่ยวมากขนาดแล้ว ถ้าเลยไปถึงผาเก็บตะวันนั่นอีกยิ่งแล้ว ที่ว่ามานี่รถไปถึงที่ ไฟฟ้าถึง เรียกว่าสะดวกสบาย แต่ถ้าหากท่านชอบเดินป่าจะเดินป่าเข้าไปน้ำตกบ่อทอง น้ำตกเหวนกกก หรือจะเดินไปดูทุ่งดอกไม้ที่ทุ่งพันไร่ ทุ่งตู้รถไฟ เขาก็มีให้เราเที่ยวได้ตามที่ชอบ
เพราะอุทยานฯแห่งชาติก็คือของพวกเราทุกคน เรานี่แหละที่ต้องช่วยกันรักษา บรรดาเจ้าหน้าที่อุทยานฯคือคนที่พวกเราจ้างให้เขามาเฝ้าของๆ เรา พอเขาทำหน้าที่ เราก็ต้องให้การสนับสนุน แล้วเขาเก็บไว้ก็เพื่อให้เป็นของเราทุกคน ไม่ใช่กลายไปเป็นของเอกชนแบบน้ำตกเวฬุวันที่ผมเคยเจอมากับตัว เพียงเพราะเราดูดาย วางเฉย คนที่จะเอาเปรียบก็อาศัยช่องทางและศักยภาพมาเอาเปรียบได้ ต่อไปไม่ใช่เราปล่อยเจ้าหน้าที่อุทยานฯทำงานเท่านั้น ต้องติได้ บ่นได้ ชมและให้กำลังใจได้
เพราะบ้านเมืองก็ของเราทุกคน...