ถอดรหัสบ้านดำ

ถอดรหัสบ้านดำ

ทำความเข้าใจ 'บ้านดำ' เชิงสถาปัตยกรรม ผ่านวิทยานิพนธ์ของ ดอยธิเบศร์ ดัชนี

นอกเหนือจากความสามารถทางด้านจิตรกรรมอันเป็นที่ประจักษ์แจ้งกันโดยทั่วกันแล้ว ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ยังมีความสามารถทางด้านสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น

จากการศึกษาระดับปริญญาโททางด้านจิตรกรรมฝาผนัง อนุสาวรีย์ ผังเมือง และปริญญาเอกสาขาอภิปรัชญาและสุนทรียศาสตร์ที่ราชวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติ กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ความรู้ ความชำนาญ ประกอบกับประสบการณ์ เป็นที่มาของการสร้าง บ้านดำ ขึ้นมาในปีพ.ศ.2518 และได้รับรางวัลเกียรติยศเหรียญทองจากสมาคมสถาปนิกสยามแห่งประเทศไทยในปีพ.ศ.2528

พิพิธภัณฑ์บ้านดำ เป็นกลุ่มงานสถาปัตยกรรมกว่า 40 หลัง แต่ละหลังได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบแตกต่างกัน ภายในจัดแสดงสิ่งของที่ศิลปินรวบรวมไว้เพื่อใช้เป็นข้อมูลและสร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบงานศิลปกรรม

ส่วนชื่อ 'บ้านดำ' มาจากสีของบ้านที่ทาด้วยสีดำ จนคนเรียกันติดปากว่า บ้านดำ

บ้านดำเป็นอดีตของ ถวัลย์ ดัชนี ที่มีการจัดระเบียบและเข้ารหัสไว้อย่างดี คงไม่มีใครในโลกที่จะถอดรหัสนี้ได้ดีไปกว่า ดอยธิเบศร์ ดัชนี ทายาทเพียงคนเดียว

'กรุงเทพวันอาทิตย์' ได้รับอนุญาตจากผู้วิจัย ให้ได้มีโอกาสเผยแพร่ส่วนหนึ่งในวิทยานิพนธ์เรื่อง บ้านดำ ภาชนะห่อหุ้มจิตวิญญาณ ของ ถวัลย์ ดัชนี ผู้วิจัย ดอยธิเบศร์ ดัชนี วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (วัฒนธรรมศึกษา) บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ.2552 ซึ่งเนื้อหาต่อไปนี้ จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจความเป็น 'บ้านดำ' จากมุมมองของศิลปิน

5.1 "บ้านดำ" ผลงานของศิลปินในด้านสถาปัตยกรรม (บ้าน) ที่ศิลปินจัดการด้วยตนเอง

บ้านดำในฐานะผลงานศิลปะ

ถวัลย์สร้างบ้านเหมือนการสร้างผลงานศิลปะของตนเอง การสร้างบ้านเกิดขึ้นจากสิ่งของภายในที่เข้าอยู่อาศัย เป็นการสร้างพื้นที่ภายนอกจากโครงร่างภายใน เหมือนกับการขึ้นรูปมนุษย์ในการปั้น ที่ถวัลย์ได้รับการฝึกฝนจากแนวคิดศิลปะแบบ "หลักวิชา"(Academic) ที่เป็นสำนักหนึ่งในยุโรป ที่จะต้องศึกษากระดูก กล้ามเนื้อ และหนังที่ห่อหุ้มร่างกายแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจนและแม่นยำก่อนที่จะสร้างรูปมนุษย์ขึ้นมา

ดังนั้นความสำคัญของบ้านนั้นอยู่ภายในบ้าน และจึงให้ความสำคัญภายนอกบ้านในท้ายที่สุด ดังนั้นภายนอกบ้านจะดูเรียบง่าย และเปิดให้เห็นภายในบางหลัง

แต่สำหรับบ้านที่เป็นวิหารนั้น จึงจะมีลักษณะที่ซับซ้อนภายนอกเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไร ภายในก็ยังเป็นสาระสำคัญที่แสดงถึงเรื่องราวต่างๆ ทางความคิดของศิลปิน

ถ้าเปรียบบ้านดำเป็นภาพเขียน บ้านดำเป็นเหมือนภาพของมหากาพย์ ของวรรณกรรมชีวิต ที่มีองค์ประกอบเป็นไตรภูมิ ที่เริ่มจากบ้านของมนุษย์โลก บ้านของสรรพสัตว์หรือโลกบาดาล และบ้านของเทพหรือโลกสวรรค์ และทั้งหมดนี้เชื่อมโยงกันด้วยมหาสมุทรที่เป็นโลกของชีวิตของศิลปิน ที่เดินทางไปทั่ว 7 คาบสมุทร

ดังนั้น บ้านดำจึงเป็นผลงานศิลปะที่กำลังดำเนินอย่างต่อเนื่องเป็น ผลงานศิลปะทางชีวะสังคม แรงบันดาลใจและความร่วมมือร่วมใจของผู้คนใดบ้างในการสร้างบ้านและวัตถุประยุกต์ในการใช้ประโยชนั้น ก็พบว่าเป็นเรื่อง "ระบบความสัมพันธ์ของถวัลย์ ดัชนี ที่มีต่อสรรพสิ่ง"

ดังนั้น จึงให้ความหมายของการอธิบายเรื่องรูปแบบบ้านดำเป็นเรื่อง "ผลงานศิลปะทางชีวะสังคม ที่อยู่ท่ามกลาง (In Between)" ที่กำลังดำเนินไป กำลังจะกลายเป็น ยังไม่มีที่สิ้นสุดของการนิยาม โดยมีความเป็นต้นแบบของผลงานที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ศิลปะร่วมสมัยของประเทศไทย ที่ถูกสร้างขึ้นโดยศิลปินที่อุทิศตนเพื่อศิลปะและมีบทบาทในการสร้างพื้นที่และเส้นทางศิลปะให้กับผู้ที่จะเดินทางต่อไป

บ้านดำในฐานะมรดกทางวัฒนธรรม

บ้านดำมีความเป็นต้นแบบทางรูปแบบและแนวคิด ที่เริ่มจากคนธรรมดาของสังคมที่ต่อสู้เพื่อให้มีที่ยืนในสังคมในฐานะศิลปิน และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นการส่งต่อให้กับสังคม

กลายเป็นทุนทางสังคม ซึ่งเป็นทุนทางสังคมที่เป็นการพัฒนาขึ้นจากมนุษย์ องค์ความรู้ วัฒนธรรม ก่อให้เกิดการพัฒนา มนุษย์ที่มีความรู้ มีคุณภาพ สร้างสรรค์นวัตกรรมทางสังคม ซึ่งทุนทางสังคมนี้ เป็นเหตุให้เกิดผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมที่มีรสนิยม มีความหมายเชิงวัฒนธรรม ภูมิปัญญาชั้นสูงประกอบอยู่

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้มีการรวบรวมความรู้ ความคิดเห็นจากพื้นที่ต่างๆ เพื่อ

1. ค้นหาทุนทางวัฒนธรรมในพื้นที่

2. สนับสนุนให้มีการวิจัยสร้างฐานข้อมูลภูมิปัญญาส่งเสริมผลิตภัณฑ์วัฒนธรรม

3. สนับสนุนเชิดชูศิลปินผู้แสดงทางวัฒนธรรม รักษาความหลากหลายทางวัฒนธรรม

4. สร้าง Culture Taste โดยเน้นเศรษฐกิจวัฒนธรรม (Cultural Economy)

ในส่วนบ้านดำกับทุนทางวัฒนธรรม ที่เป็นมรดกทางสังคมวัฒนธรรมนั้น จากการศึกษาพบว่า สามารถแบ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ (Tangible Heritage) คือ ตัวบ้าน และวัตถุที่จัดเก็บไว้ในบ้าน

ตัวบ้านเองนั้นเป็นการสร้างสรรค์รูปแบบขึ้นมาใหม่ บนฐานวัฒนธรรมดั่งเดิมของล้านนาและประเทศต่างๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และในส่วนวัตถุที่จัดเก็บนั้น สามารถจัดแบ่งได้เป็นสามส่วน กล่าวคือ

ส่วนที่ 1 เป็นวัตถุทางวัฒนธรรมที่จัดเก็บรวบรวมมาจากแหล่งวัฒนธรรมต่างในลุ่มแม่น้ำโขง เป็นวัตถุทางวัฒนธรรมที่กล่าวได้ว่า เป็นศิลปวัตถุที่มีคุณค่าในลักษณะ "วัตถุจัดเก็บระดับพิพิธภัณฑ์" ที่ทรงคุณค่า หายาก และมีลักษณะพิเศษ ไม่สามารถหาได้อีกในแหล่งวัฒนธรรมอีกแล้ว และไม่สามารถหาได้จากพิพิธภัณฑ์หรือแหล่งสะสมอื่นๆ นับว่าเป็นความพยายามของถวัลย ดัชนีที่พยายาม "ย่อโลกของอารยธรรมแม่น้ำโขง" มาไว้ในพื้นที่ของบ้านดำ

ส่วนที่ 2 เป็นสถาปัตยกรรมและหัตถกรรมสร้างสรรค์ ที่ปรากฎในรูปแบบน้ำบวย งานแกะสลัก และงานสถาปัตยกรรม มีด เก้าอี้ ฯลฯ ที่เป็นการสรุปรวมสังคมทางศิลปหัตถกรรมของถวัลย์ เป็นงานศิลปะที่เป็นต้นแบบ

ส่วนที่ 3 เป็นส่วนผลงานศิลปะที่ถวัลย์ได้สร้างสรรค์ขึ้น งานที่ยังไม่ปรากฎชัดในพื้นที่บ้านดำ แต่เป็นการวางแผนงานที่จะนำมาติดตั้งเมื่ออาคารที่รองรับผลงานนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ทั้งสามส่วนนี้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ แต่สิ่งที่กำกับอยู่เบื้องหลังของวัตถุทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้นั้นคือ รสนิยมทางศิลปะ (Cultural Taste) เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Heritage)

บ้านดำกับการจัดการมรดกทางวัฒนธรรม

การจัดการมรดกทางวัฒนธรรมนั้น อาจเป็นออกเป็นสองส่วนคือ การจัดการพื้นที่ของบ้านดำ และการจัดการองค์ความรู้ในบ้านดำ ในส่วนของการจัดการพื้นที่ของบ้านดำนั้น การศึกษาในครั้งนี้ สามารถวิเคราะห์แยกหมวดหมู่ของบ้านออกตามลักษณะทางวิวัฒนาการและยุคสมัยได้ดังนี้

กลุ่มที่ 1 กลุ่มวัฒนธรรมไม้

กลุ่มที่ 2 กลุ่มวัฒนธรรมดินเผา

กลุ่มที่ 3 กลุ่มวัฒนธรรมคอนกรีต

กลุ่มที่ 4 กลุ่มเรือนบริการและศาลา

ทั้งสามกลุ่มจะเห็นว่ามีการจัดระบบของบ้านไว้เป็นอย่างดี ในกลุ่มแรกนั้น ได้แก่บ้านของกลุ่มวัฒนธรรมไม้ เป็นกลุ่มบ้านในยุคแรกเริ่มในการสร้าง กลุ่มที่สองวัฒนธรรมดินเผาที่มีวิวัฒนาการขึ้นมาตามยุคสมัย และกลุ่มที่สามคือ วัฒนธรรมคอนกรีต ซึ่งเป็นยุคที่มีวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากยุคอื่นๆ และกลุ่มสุดท้าย เป็นกลุ่มของเรือนบริการและศาลา ทั้งหมดเป็นการจัดลำดับชั้น และการให้คุณค่าทางความหมายของถวัลย์ และยังชี้ให้เห็นถึงวิวัฒนาการทางความคิดและวิวัฒนาการของการออกแบบบ้านในแต่ละยุคสมัยตลอดระยะเวลากว่า 35 ปีในการออกแบบและสร้างบ้านในแบบของ ถวัลย์ ดัชนี

บ้านทั้งหมดเป็นพื้นที่พบปะเชื่อมโยงกับผู้คนที่เข้ามาสัมพันธ์กับเจ้าของบ้าน ที่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์กับการจัดการของบ้านดำ ที่เกิดขึ้นจากระบบของศิลปินที่มีกิจวัตรต่อสังคม ให้สามารถที่จะมีชีวิตเป็นของตนเองได้

ดังนั้น บ้านดำมีความเหมาะสมในรูปแบบการจัดการมรดกทางวัฒนธรรมในฐานะบ้านศิลปินที่ศิลปินยังมีชีวิตอยู่ ในฐานะจุดหมายปลายทางของผู้แสวงหาแรงบันดาลใจทางศิลปะ

5.2 ลักษณะเฉพาะของศิลปินเรื่องความสัมพันธ์ของโครงสร้างสังคมกับผลงานบ้านศิลปิน "บ้านดำ"

บ้านดำกับ "โลกของอดีตที่มีการจัดการไว้เป็นอย่างดี"

บ้านดำของถวัลย์ ดัชนี นั้นเป็นเสมือนการบันทึกความรู้ ความคิดของเจ้าของบ้านที่มีการจัดการไว้อย่างเป็นระบบ ที่จะแสดงถึงตัวตนของถวัลย์ ได้เห็นถึงผลของการตกผลึกทางชีวิตที่ผ่านมาของศิลปินที่เกี่ยวพันกับสังคม รัฐ และโลกาภิวัตน์ ในวิถีการต่อสู้ของถวัลย์กับระบบต่างๆ นั้นบางครั้งก็ยอมสยบเชื่องต่ออำนาจ และบางครั้งก็ต่อต้านขัดแย้ง สร้างองค์ความรู้ให้สังคม สร้างมาตรฐานทางวิชาชีพศิลปินที่เป็นอิสระ สร้างต้นแบบของชีวิต

บ้านดำ ที่พบเห็นในรูปแบบปัจจุบันนั้นเป็นผลผลึกจากอดีตที่จัดเรียงไว้เป็นอย่างดี ผ่านระบบความสัมพันธ์ที่เป็นชั้นๆ ตามลำดับของคุณค่าที่ศิลปินได้ให้ความหมายไว้ เป็นการเมืองระหว่างอำนาจของรัฐในเรื่องการผนวกรวมรัฐชาติไว้เป็นหนึ่งเดียวในระยะหนึ่ง กับระบบวาทกรรมการพัฒนาตามแนวตะวันตก และค่านิยมโลกาภิวัตน์ ที่รัฐไทยไม่สามารถที่จะโอบอุ้มหรืออุปถัมภ์และส่งเสริมผลงานศิลปกรรม และเหล่าศิลปินที่เป็นอิสระ ไม่ยอมเป็นข้าราชการ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน และประวัติศาสตร์ศิลป์ของรัฐไทยไม่เคยได้บันทึกความสำเร็จของผู้คนเหล่านั้นไว้ (อาจมีบ้างก็เป็นเพราะว่าทำแบบเสียไม่ได้ หรือมีแบบกดทับไว้ว่าเป็นของพื้นบ้านท้องถิ่นชั้นต่ำ)

ถวัลย์ ดัชนี จึงต้องสร้างพื้นที่ของตนเองที่จะ "เล่าเรื่องอดีต" ของตนเอง และเรื่องเล่าของถวัลย์นั้นเป็นเรื่องเล่าที่ "มีพลานุภาพ" ในรูปแบบของคนธรรมดา สามัญชน คนชายขอบ คนที่ถูกกดทับ หรือจะเรียกอย่างไรก็ตาม ที่กำลังต่อสู้กับ "เรื่องเล่าที่ยิ่งใหญ่ของรัฐ" คือประวัติศาสตร์ศิลปะร่วมสมัยฉบับรัฐไทยสมัยใหม่

ถวัลย์ได้ใช้เรื่องเล่าของตนเองผ่านระบบสื่อสารสมัยใหม่ เช่นบทสัมภาษณ์ทางหนังสือพิมพ์ บทสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ การแสดงงานศิลปะ และการพูดคุยกับผู้คนที่มาเยี่ยมเยือนที่บ้านดำ ที่ถวัลย์ต้องการแสดงให้ผู้คนเห็นว่า การที่คนหนึ่งคนมายืนในจุดที่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงนั้น ผ่านเส้นทางการต่อสู้มาอย่างไร กับอำนาจที่กระทำต่อมนุษย์ให้สยบยอม และถวัลย์ได้รื้อสร้างเรื่องเล่าที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นมาอธิบายอำนาจเหล่านั้นใหม่ผ่านประสบการณ์ตนเอง

การอธิบายใหม่นั้นผ่านบ้านดำที่ใส่รหัสไว้ เช่น การศึกษาศิลปะแบบหลักวิชา(Academic) ที่เป็นเรื่องการฟื้นฟูมนุษย์นิยมแบบกรีกนั้น พบเห็นที่บ้านดำจากซากโครงกระดูกสรรพสัตว์นั้น เป็นสิ่งที่นักเรียนศิลปะในแนวทางหลักวิชาต้องศึกษาอย่างลึกซึ้ง

แต่สำหรับถวัลย์แล้ว คำอธิบายนั้นเป็นเรื่องของอดีตของตระกูลตนเองที่มีความสามารถเรื่องการล่าสัตว์ และการมาศึกษาเรื่องอนาโตมีนั้นเป็นเรื่องที่ครอบครัวและตนเองมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้วจากเชียงราย และการสร้างพื้นที่ของตนเองนั้น ก็เป็นรูปแบบของ "บ้าน" ซึ่งรัฐไม่สามารถมีอำนาจเหนือบ้านผู้คนได้ น้อยมาก เป็นพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวสูงเท่าที่รัฐไทยจะไม่สามารถเอื้อมมือของอำนาจรัฐเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ และบ้านจึงเป็นพื้นที่แห่งอิสระ(ถ้ายังเป็นบ้านหลังเล็กๆ) รูปแบบของบ้านดำจึงเป็นอิสระตามจินตนาการของศิลปิน สามารถเล่าเรื่องและกักเก็บอดีตของตนเองไว้ได้ โดยถ้าเป็นหอศิลป์หรือพิพิธภัณฑ์ ก็จะมีอำนาจทางความรู้ต่างๆ เข้ามาอธิบายและบริหารจัดการ

การสร้างบ้านหลายหลังก็ผ่านเรื่องเล่าที่เคยหลบซ่อนตามซอกมุมของโรงเรียนมาก่อน จึงเป็นเรื่องที่ผู้นำชมจะถูกถามบ่อยๆ ว่า บ้านเหล่านี้ศิลปินอาศัยอยู่จริงหรือไม่ และพักอาศัยอยู่หลังใด จึงสร้างเรื่องเล่าของคนชายขอบที่ต้องถูกผนวกรวมไปยังศูนย์กลางอำนาจรัฐในประวัติของตัวศิลปินเสมอ

ในส่วนของรูปแบบบ้านที่เป็นลักษณะของการสร้างรูปแบบใหม่ที่เป็นต้นแบบ แต่มีลักษณะของสถาปัตยกรรมในลุ่มแม่น้ำโขงนั้น เป็นเรื่องเล่าของถวัลย์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศที่ตนเองพยายามที่จะสู่ศิลปะสมัยใหม่ตามแบบกระแสนิยม แต่ผู้สอนอยากให้ถวัลย์เป็นตัวของตัวเอง และถวัลย์ได้เลือกที่จะเป็นตัวเองแบบใหม่ และหลุดพ้นจากแนวกระแสนิยม จนสามารถมีชื่อเสียงได้

บ้านดำจึงเป็นอดีตของถวัลย์ ดัชนี ที่ถูกจัดไว้อย่างดีและเข้ารหัสไว้ เพื่อให้ซ่อนจากอำนาจของรัฐที่ตัวศิลปินเองพยายามต่อต้านมาโดยตลอด

บ้านดำ "ภาวะทางโลกที่เป็นปัจจุบัน"

บ้านดำในสภาวะปัจจุบัน เป็นพื้นที่ของการศึกษาทางศิลปกรรม เป็นจุดหมายปลายทางของนักเรียนศิลปะ ที่สักครั้งหนึ่งในชีวิตต้องจาริกแสวงหาแรงบันดาลใจ ต้องเดินทางมาเยือน มีรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งยังมีการมาเยือนแบบไม่เป็นทางการ และการเยือนแบบเป็นทางการที่ต้องนัดล่วงหน้า มีการนำชมโดยคนในบ้านที่ได้รับการอบรมไว้ การชมแบบเป็นทางการนี้จะมีเพียงวันละสองคณะเท่านั้น

บ้านดำ ยังเป็นสถานที่รับแขกบ้านแขกเมือง เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินทั้งของไทยและของต่างประเทศมาแล้ว นอกเหนือจากนั้นยังเป็นพื้นที่การฝึกอบรมศิลปะให้แก่ศิลปินและนักเรียนหลากหลายระดับตามแต่โอกาส และกลายเป็นสถาบันทางศิลปกรรมที่สร้างและผลิต "สล่า" ให้กับสังคม ผ่านกระบวนการสร้างบ้านดำในขณะนี้ ปัจจุบันขณะของบ้านดำจึงเป็นประเด็นการใช้สอยและประโยชน์ของบ้านดำกับสังคม....

ข้อความหนึ่งจากหัวข้อ "5.3 ข้อค้นพบในการศึกษา" ระบุว่า..

บ้านดำจึงเป็นภาชนะห่อหุ้มวิญญาณของถวัลย์ที่มีสามขั้นตอน กล่าวคือ อดีตนั้นเปรียบเสมือนเทคนิคการผลิตที่ผสมผสานหยิบยืม แต่ก็ผนวกไปด้วยรสนิยมที่เลือกสรรแล้ว เปรียบได้ดั่งอดีตที่มีพลานุภาพของถวัลย์ เมื่อกลายเป็นภาชนะแล้วเป็นปัจจุบันขณะที่มีประโยชน์ต่อสังคม แต่เมื่อสิ้นกระแสการใช้แล้ว ก็กลายเป็นศิลปวัตถุที่ทรงคุณค่าในบ้านดำ ที่ได้กลายเป็นสถาบันทางสังคมใหม่ ในรัฐสมัยใหม่พึงมี ในที่สุดความเป็นถวัลย์ ดัชนี ก็จะเป็นอมตะตลอดไป

ภาพ : เอกรัตน์ ศักดิ์เพชร