ชีวิตเลอค่าที่ "เอ สตาร์ ภูแล วัลเล่ย์"

ชีวิตเลอค่าที่ "เอ สตาร์ ภูแล วัลเล่ย์"

มนต์เสน่ห์ของเมืองเหนือไม่ได้มีเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น

เพราะความสวยงามของขุนเขาที่ทอดยาวสลับซับซ้อน วิถีวัฒนธรรมอันอ่อนช้อยงดงาม และความตระการตาของศิลปกรรมต่างๆ สามารถชื่นชมและสัมผัสได้ทุกโมงยาม ไม่ว่าจะร้อนผ่าว หนาวสะท้าน หรือเมื่อยามฝนโปรย

เชียงราย เป็นจังหวัดทางภาคเหนือที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวตลอดมา โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นดาวเด่นหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นภูชี้ฟ้า, พระตำหนักดอยตุง, ไร่แม่ฟ้าหลวง, ดอยแม่สลอง, วัดร่องขุ่น ฯลฯ ไม่เพียงเท่านั้น เชียงรายยังพยายามพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ขึ้นมาเสมอ เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกได้ถึงความแตกต่างทุกครั้งที่เดินทางมาเยือน

แน่นอนว่า เมื่อมีมหาชนให้ความสนใจมากๆ ที่พักก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนั้นนักท่องเที่ยวก็อาจจะนิยมที่พักที่อยู่ริมแม่น้ำกก ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของเชียงราย แต่เดี๋ยวนี้มีทั้งโรงแรม รีสอร์ท โฮมสเตย์ ให้เลือกสรรมากมายหลายรูปแบบ

เอ สตาร์ ภูแล วัลเล่ย์ (A-Star Phulare Valley) เป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่น่ารักและน่าพัก ด้วยบรรยากาศของภูเขาสลับซับซ้อนที่โอบล้อม ทั้งยังมีสวนผลไม้หลากหลายชนิดให้ชื่นชม บนเนินสูงๆ คือที่ตั้งของวิลล่าขนาดกะทัดรัดดีไซน์สวย ทำให้ที่นี่เป็นที่พักพิงแห่งใหม่ที่สนใจสำหรับนักท่องเที่ยวผู้หลงรักเชียงรายเลยทีเดียว

ธตรฐ ไชยหมื่น Front Office Supervisor เอ สตาร์ ภูแล วัลเล่ย์ เล่าว่า รีสอร์ทแห่งนี้เพิ่งเปิดตัวให้สาธารณชนได้รู้จักยังไม่ครบขวบปี(เปิด 27 ธันวาคม 2556) แต่ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด คงเป็นเพราะบรรยากาศ การบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทำให้เอ สตาร์ กลายเป็นที่พักน้องใหม่มาแรงของเชียงรายไปแล้ว

"เดิมที่นี่เคยเป็นสวนส้มมาก่อน แล้วมีบ้านอยู่ไม่กี่หลัง สำหรับญาติพี่น้องและคนในครอบครัวของเจ้าของมาพักผ่อน คล้ายๆ บ้านพักตากอากาศของครอบครัว แต่พอเห็นว่าเชียงรายเป็นเมืองท่องเที่ยว ก็เลยสร้างห้องเพิ่มเพื่อเป็นรีสอร์ท"

บนพื้นที่ราว 3,000 ไร่ ถูกจัดสรรอย่างลงตัว คือแบ่งเป็นสวนผลไม้เสียส่วนใหญ่ และมีพื้นที่สำหรับรีสอร์ทราว 100 กว่าไร่ ดังนั้นโครงสร้างของอาคารที่พักจึงไม่แออัดเกินไป โดยที่พักมีลักษณะเป็นวิลล่าขนาดน่ารัก สไตล์คอนเทมโพรารี ทั้งหมด 86 ห้อง แบ่งเป็นห้องแบบชาเล่ต์ 16 ห้อง, พรีเมียร์ ชาเล่ต์ 38 ห้อง, พูลวิลล่า 30 ห้อง และพูลวิลล่า 4 ห้องนอน 2 ห้อง

ห้องพักทุกห้องถูกออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัว และสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบได้แบบเต็มตา นอกจากนี้ภายในรีสอร์ทยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารพิงดอย ที่บริการอาหารพื้นเมือง รวมถึงอาหารนานาชาติ แต่เชฟจะถนัดอาหารยุโรปมาก เพราะฉะนั้นรับประกันความอร่อย ส่วนความสดใหม่นั้นยิ่งต้องการันตี เพราะที่นี่เน้นใช้อาหารที่ปลูกเอง ตามคอนเซ็ปต์ Farn to Table เพื่อความปลอดภัยและได้กระจายรายได้สู่ชุมชนด้วย

"อาหารจะเป็นลักษณะ Farm to Table เป็นผักออแกนิคที่เราปลูกเพื่อส่งห้องอาหาร แล้วก็มีผลไม้ตามฤดูกาล เช่น ส้ม แก้วมังกร เงาะ หรืออย่างในช่วงฤดูหนาวที่บริเวณหน้าล็อบบี้ก็จะมีสวนสตรอว์เบอร์รี่ ที่จะปลูกให้ทันเก็บฤดูหนาวพอดี แล้วที่นี่คือภูแล ขึ้นชื่อเรื่องสับปะรด มีพื้นที่ปลูกสับปะรดเยอะ เราก็เลยปลูกสัปปะรดไว้ใช้ในไลน์บุฟเฟ่ต์ด้วย ส่วนกล้วยเล็บมือนางก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่เราภูมิใจนำเสนอ คือเราเอาพันธุ์มาจากท่าแซะ จังหวัดชุมพร แล้วลองเอาปลูก ปรากฏว่าลูกใหญ่กว่ากล้วยเล็บมือนางท่าแซะ คือจะคล้ายๆ เล็บมือนางปสมกล้วยหอม เราก็จะมีกล้วยเล็บมือนางให้รับประทานกันตลอด"

นอกจากผลไม้แล้ว ดอกไม้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ เอ สตาร์ ภูแล วัลเล่ย์ มีโรงเรือนเพาะปลูกเอง เพื่อนำมาใช้ประดับภายในรีสอร์ท โดยมีไม้เมืองหนาวหลากหลายสายพันธุ์ มองแล้วจะรู้สึกสดชื่นขึ้นท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวครึ้มของป่าเขาลำเนาไพร

"อีกอันที่เราคิดว่าพิเศษคือ welcome drink ที่เป็นน้ำอ้อยดำ คืออ้อยดำเป็นสมุนไพรหายาก มีสรรพคุณเป็นสมุนไพรที่ช่วยดีท็อกซ์ ละลายนิ่ว ที่อื่นก็อาจจะมีนะแต่หายาก เป็นสมุนไพรโบราณที่เจ้าของเราสงวนเอาไว้ จะปลูกไว้อยู่ข้างๆ ผิงดาวบาร์"

เอ่ยถึงผิงดาวบาร์แล้ว บริเวณนี้นอกจากจะเป็นบาร์นั่งชิลล์ๆ ชมบรรยากาศเชียงรายอย่างสงบเงียบแล้ว ในบางช่วงเวลายังมีกิจกรรมสนุกๆ อีกเพียบ ส่วนใกล้ๆ กันเป้นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาทอดยาวสุดตา ส่วนในอนาคตทางรีสอร์ทจะสร้างสปา และออนเซนเพิ่ม รวมถึงกิจกรรม ATV จักรยาน และมีแกะให้เด็กๆ ได้ให้อาหารแบบสนุกสนานเพลิดเพลินด้วย

ในส่วนของห้องประชุมสัมมนา เอ สตาร์ ภูแล วัลเล่ย์ มีห้องประชุมขนาดใหญ่ จุผู้เข้าร่วมประชุมได้ราว 300-350 คน จำนวน 1 ห้อง และห้องประชุมเล็ก จุผู้ประชุมได้ราว 20 คน อีก 2 ห้อง แต่ที่ลานแคมป์ไฟก็เป็นอีกหนึ่งจุดยอดนิยมที่สามารถจัดงานต่างๆ ได้ แน่นอนว่า ณ จุดนี้ไม่เคยว่างเว้นจากการจัดงานแต่งงานแบบสวยสดงดงามเลยสักที

"ต้องถามว่าว่างมั้ยดีกว่าสำหรับลานแคมป์ไฟ(หัวเราะ) เพราะตรงนั้นบรรยากาศดีมาก มีงานเลี้ยงตลอด งานแต่งงานก็เยอะ คือเรามีทีมเวดดิ้งแพลนเนอร์ที่เราทำกันเอง จัดดอกไม้ตามแต่ลูกค้าต้องการ อยากได้แบบไหนเราจัดให้หมด ถึงบอกว่าไม่ค่อยว่างเลยแคมป์ไฟ ยิ่งช่วงฤดูหนาวยิ่งจองกันเยอะ แล้วอีกอย่างคือจะได้ความโรแมนติกด้วย เพราะเราปลูกพญาเสือโคร่งไว้ในรีสอร์ท ฤดูหนาวนี้น่าจะบานพร้อมกัน ซึ่งความสวยงามยืนยันว่าไม่แพ้ดอยตุงแน่ๆ" ธตรฐ บอกอย่างอารมณ์ดี

ได้ยินแบบนี้แล้วเริ่มอยากขยับเท้าออกเดินทางบ้างหรือยัง ถ้าเป้าหมายมีแล้วก็อย่ามัวรีรออยู่เลย ลุกขึ้นแล้วออกไปเที่ยวเมืองไทยกันดีกว่า

..................

ที่ตั้ง : ตำบลท่าสุด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

จุดเด่น : วิวทิวทัศน์ที่งดงาม การตกแต่งร่วมสมัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน

ราคา : ช่วงโลว์ซีซั่น เริ่มต้นที่ 2,000 บาท++ ช่วงไฮซีซั่น เริ่มต้นที่ 3,000 บาท++

ติดต่อ : โทรศัพท์ 0 5202 9924 หรือ www.a-starphularevalley.com