อาลัยราชาเพลงบลูส์ ถวิลหาสุ้มเสียงลูซิลล์

อาลัยราชาเพลงบลูส์ ถวิลหาสุ้มเสียงลูซิลล์

บี.บี.คิง ราชาเพลงบลูส์ ผู้ซึ่งลาโลกไปเมื่อ 15 พฤษภาคม 2015




หากไม่รู้จัก “ลูซิลล์” (Lucille) อย่ามาสะเออะเสนอหน้าว่า รู้จัก บี.บี.คิง (B.B.King 1925-2015)


เพราะทั้งสองผูกพันกันแน่นแฟ้นมาตั้งแต่ฤดูหนาวของปี ค.ศ.1949 โน่นแล้ว ตอนนั้น ไรลีย์ บี. คิง ยังอายุไม่ถึงวัยเบญจเพสด้วยซ้ำ

แถมตอนนั้น ยังไม่มีเพลงฮิตติดอันดับ 1 อย่าง “3 O’Clock Blues” เพลงเก่าของ โลเวลล์ ฟุลสัน ที่หยิบมาร้องใหม่ จนโด่งดังอย่างมากในปี ค.ศ.1952

อีกทั้งช่วงนั้น ละอ่อน ไรลีย์ ได้หนีออกจากความแร้นแค้นในดินแดนไร่ฝ้ายของมิสซิสซิปปีมานานหลายปีแล้ว หลังจากได้กีตาร์ตัวแรกๆ มาฝึกปรือฝีมือ ทั้งที่อาศัยอยู่บ้านนอกคอกนา ในเมืองที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้

การเกิดขึ้นของเครือข่ายวิทยุในช่วงทศวรรษ 1920s ซึ่งกระจายไปทั่วประเทศในทศวรรษถัดมา ทำให้ความฝันของ ไรลีย์ ยาวไกล เขาฟังเพลงสดของนักดนตรีที่บรรเลงผ่านคลื่นวิทยุ แล้วปรารถนาอย่างยิ่งยวดที่จะเป็นคนบรรเลงเพลงออกอากาศทางวิทยุกะเขาบ้าง

ชีวิตของไรลีย์ เปลี่ยนจากเด็กในไร่ฝ้าย ไปขับรถแทร็คเตอร์เลี้ยงชีพอยู่พักหนึ่ง แต่ด้วยฝีมือกีตาร์ที่มุ่งมั่นจากการฝึกฝนด้วยตัวเอง กอปรกับประสบการณ์จากเพลงกอสเปลในโบสถ์ ทำให้เขาได้งานเล่นดนตรีในสถานีวิทยุท้องถิ่น

วันดีคืนดี ชีวิตมีโอกาสไปเล่นแบ็คอัพให้ศิลปินฮาร์พ (ฮาร์โมนิกา) อย่าง ซันนี บอย วิลเลียมสัน ตามมาด้วยงานที่สถานีวิทยุ WDIA ที่เมืองเมมฟิส ทั้งเล่นกีตาร์ ทั้งร้อง บ้างก็เป็นดีเจ เลยได้รับฉายา Beale Street Blues Boy (beale street ชื่อถนนสายหนึ่งในเมืองเมมฟิส) ซึ่งต่อมา Blues Boy นี้ก็ย่อลงเหลือ B.B. อันเป็นที่มาของชื่อ B.B.King ในที่สุด

0 0 0 0 0

ส่วนชื่อ “ลูซิลล์” นั้น ใครๆ ก็รู้ว่า เป็น ชื่อกีตาร์ของ บี.บี.คิง นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นกีตาร์ตัวไหน รุ่น กิ๊บสัน ES-335 หรือไม่ก็ตาม แต่ บี.บี.คิง พึงใจจะเรียกกีตาร์ของเขา เหมือนหญิงสาวสักคนที่อยู่เคียงกายตลอดเวลา

ทั้งนี้ เคยมีหลักฐานที่ บี.บี.คิง เล่าถึงที่มาของชื่อ “ลูซิลล์” ให้ฟัง โดยเจ้าตัวเปิดเผยแก่ โจ สมิธ นักดนตรีวิทยุและผู้บริหารค่ายเพลงว่า

“ผมเคยเล่นดนตรีที่สถานที่แห่งหนึ่งในอาร์คันซอส์ ชื่อว่า ‘ทวิสต์’ เป็นไนท์คลับเล็กๆ ที่เราเล่นกันประจำ หากไม่มีงานเล่นที่ไหน เราก็จะแวะเวียนมาเล่นที่นี่ วันนั้น ภายใน ทวิสต์ ค่อนข้างหนาวทีเดียว (ฤดูหนาวปี ค.ศ.1949) เขามีคล้ายๆ ถังขยะวางอยู่ตรงกลางฟลอร์ ข้างในใส่น้ำมันก๊าดราวๆ ครึ่งหนึ่ง เป็นเชื้อเพลิงที่ให้ความอบอุ่น โดยทั่วไป ใครๆ ก็เต้นรำรอบถังที่ว่านี่ ไม่มีใครไปรบกวนมัน”

“แต่ในคืนนั้น มีคนสองคนทะเลาะวิวาทชกต่อยกัน แล้วใครคนหนึ่งก็น็อกอีกคนลงใส่ถังที่ว่า จนถังมันล้ม แล้วน้ำมันก็ไหลลงบนพื้น มันลุกไหม้ราวกับทะเลเพลิง ตอนนั้น ใครๆ ก็วิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกมาทางด้านหน้า แม้กระทั่งคุณก็เถอะ แต่พอผมออกมาข้างนอกแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมกีตาร์ไว้ข้างใน ผมเลยย้อนกลับเข้าไปอีกครั้ง ตัวอาคารร้านนี้ทำด้วยไม้ ไฟจึงไหม้ลุกลามเร็วมาก ตอนผมไปถึงกีตาร์ ทุกอย่างแทบจะถล่มทลายลงมาบนตัวผมแล้ว ถึงตอนนั้น ผมเกือบจะตายเพราะเข้าไปหยิบกีตาร์ด้วยซ้ำ”

“เช้าวันรุ่งขึ้น เราถึงได้รู้ว่าสาเหตุที่ไอ้สองคนชกต่อยกัน ก็เพราะเรื่องผู้หญิงคนนึง ผมไม่เคยเจอสาวคนที่ว่าหรอกนะ แต่มารู้ว่าเธอชื่อ ลูซิลล์ นับจากนั้น ผมเลยตั้งชื่อกีตาร์ของผมว่า ลูซิลล์ เพื่อเตือนใจไม่ให้ผมทำแบบนั้นอีกต่อไป”

0 0 0 0 0

นับจากมี “ลูซิลล์” อยู่เคียงข้าง ชีวิตของ บี.บี.คิง ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ เขามีโอกาสได้เซ็นสัญญาทำเพลงกับค่ายเพลงหลายแห่ง ถัดจากเพลง "3 O'Clock Blues" ชื่อเสียงของเขาปรากฏบนชาร์ทเพลง อาร์แอนด์บี อีกหลายเพลงด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็น "You Know I Love You", "Woke Up This Morning", "Please Love Me", "When My Heart Beats like a Hammer", "Whole Lotta Love", "You Upset Me Baby", "Every Day I Have the Blues", "Sneakin' Around", "Ten Long Years", "Bad Luck", "Sweet Little Angel", "On My Word of Honor" จนถึง "Please Accept My Love"

ในทศวรรษถัดมา ดูเหมือน บี.บี.คิง จะแก่กล้าขึ้นตามลำดับ โดยหนังสือ 1001 Albums You Must Hear Befor You Die ได้ยกย่องให้อัลบั้มบันทึกการแสดง Live at the Regal ณ โรงหนังเรกัล ในชิคาโก ที่ออกวางขายเมื่อปี ค.ศ.1965 หรือเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เป็นอัลบั้มสำคัญที่สุด เพราะถ่ายทอดทั้งความสดในอารมณ์เพลง น้ำเสียงการร้อง และการเปล่งสำเนียงบลูส์ผ่านกีตาร์ได้อย่างถึงแก่นแท้

เจ้าตัวยังมีอัลบั้มบันทึกการแสดงสดชั้นดีอีกนับไม่ถ้วน ไม่นับรวมอัลบั้มที่รวมงานกับศิลปินรุ่นหลังอีกมากมาย ผลงานเด่นในยุคหลัง อาทิ “Blues Summit” , “Deuces Wild” , “Let the Good Times Roll” รวมถึง Riding with the King ที่ประชันกีตาร์ร่วมกับ เอริค แคลปตัน

0 0 0 0 0

สมัยเป็นวัยรุ่นที่กำลังหมกมุ่นอย่างเข้าไคล้กับเพลงบลูส์ เป็นที่รู้กันในหมู่ชาวเราว่า มี “คิง” อยู่ 3 คน (ไม่นับ คิง อีกมากมายหลายคนในวงการแจ๊ส) ตามที่ฝรั่งเรียกกันว่า Three Kings of the Blues Guitar

คนหนึ่งคือ อัลเบิร์ต คิง (1923-1992) มาจากมิสซิสซิปปี แถมยังเคยทำงานในไร่ฝ้าย เหมือน บี.บี.คิง ความโดดเด่นของ อัลเบิร์ต คิง คือน้ำเสียงกีตาร์ที่ดุดันในสไตล์เท็กซัสบลูส์ เขาเป็นเจ้าของเพลง Blues Power กับกีตาร์ในทรง ฟลายอิง วี และการเล่นกีตาร์มือซ้ายที่ไม่เหมือนใคร

อีกคนหนึ่ง คือ เฟรดดี คิง (1934-1976) อดีตเด็กโรงเหล็กแห่งเท็กซัส แม้จะอายุสั้น ตายด้วยวัยเพียง 42 (ว่ากันว่า เขาตายเพราะจิบค็อกเทล “บลัดดี แมรีส์” จนกระเพาะทะลุ) แต่สุ้มเสียงของการผสมผสานสไตล์บลูส์ในแบบชิคาโกและเท็กซัสเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนนั้น ถือว่าไม่รองใคร

ส่วนที่คนมีชีวิตยืนยาว แถมยังสร้างสรรค์งานเพลงบลูส์ได้หลากหลายกว่าใคร จนก้าวสู่สหัสวรรษใหม่ หนีไม่พ้น บี.บี.คิง ราชาเพลงบลูส์ เจ้าของเสียงร้องที่สุขุมนุ่มนวล ผู้ถ่ายทอดเสียงกีตาร์ผ่านปลายนิ้ว ได้อย่างลื่นไหล และเป็นธรรมชาติยิ่ง

ผู้ซึ่งลาโลกไปเมื่อ 15 พฤษภาคม 2015 ณ บ้านพักในนครลาสเวกัส โดยมีสิริอายุรวม 89 ปี.