'ประวิทย์'ปัดพูดถึงช่อง8ลั่นไม่ใช่คู่แข่ง

"ประวิทย์" แจงขอเวลาคืนจาก "ปัญญา" ช่อง 3 เสียเปรียบ พร้อมปัดพูดถึงช่อง 8 ลั่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ ระบุแข่งช่อง 7 มา 40 ปี ไม่เคยมีปัญหา
นายประวิทย์ มาลีนนท์ ผู้บริหารช่อง 3 กล่าวถึงการขอคืนเวลาจากรายการชิงร้อยชิงล้าน ของเวิร์คพอยท์ว่า ต้องเรียนอย่างนี้ครับว่า ถึงเวลาก็ต้องจาก งานเลี้ยงมันต้องมีวันเลิก ตอนนี้ทั้งสองท่านคือตา (ปัญญา นิรันดิ์กุล) กับคุณบอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) เขามีสถานีของเขา รายการเขาก็คงไม่แช่อยู่ตรงนี้นานๆ หรอก แต่ว่าให้โอกาสเราเถอะ เพราะรายการพวกนี้เราไม่มีไง เราฝากความหวังไว้เมื่อก่อน ก็ไม่นึกว่าวันหนึ่งเขาจะไปมีสถานีเอง ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของสถานีแล้ว เวลานี้ก็ควรคืนให้เรา เราจะได้พัฒนาคนอื่นลงไป แต่จะเป็นต๋อย (ไตรภพ ลิมปพัทธ์) หรือเปล่าต้องไปถามคุณอัมพร(อัมพร มาลีนนท์) เพราะต๋อยเนี่ยเราเรียกมาคุยเยอะมากเลย ส่วนเวลาจะอยู่ตรงไหนต้องไปถามคุณอัมพร รายการอื่นก็ทยอยๆ ออก คงไม่มีแล้ว”
“ส่วนจะผลิตรายการแนวเดิมออกมาไหมก็ไม่จำเป็น มันอาจจะเป็นรายการอะไรก็ได้ แต่มีคนเสนอรายการมาเยอะเลย ก็ต้องให้คุณอัมพรเป็นคนเลือกว่าอะไรเหมาะสมที่สุด แต่ต้องบอกว่าตอนนี้ผมต้องไปปลุกพวกผมเองว่าใครทำอะไรได้ให้ออกมาทำ เพราะว่ารายการเกมส์โชว์เราไม่มี ซิทคอมเราไม่มี ตลกเราก็มีของเป็ด เชิญยิ้มเจ้าเดียวเอง ฉะนั้นใครทำอะไรได้ต้องทำ เพลงผมก็ไม่มี อะไรที่เราไม่มีต้องเริ่มสร้างแล้วล่ะ ผมน่ะแย่กว่านะ เพราะว่าผมต้องเริ่มนับหนึ่ง แต่อย่างกรณีของตา ปัญญาหรือช่องเวิร์คพอยท์เนี่ย เขาเพียงแต่ย้ายรายการออกมา คนดูอาจจะตามไปเลยก็ได้ แต่ผมต้องมาเริ่มนับหนึ่งน่ะ แต่เราก็ดีด้วยกันมาตลอดนะ ต่างคนต่างได้น่ะ มองอย่างนี้ว่าพอถึงวันหนึ่งรายการพวกนี้ก็ต้องย้ายออกไป เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่เราขอความเห็นใจว่าตรงนี้เราขอของเราคืนได้ไหม เพราะเราจะได้เอาคนอื่นลง เราขอนับหนึ่ง”
ส่วนกรณีที่มีปัญหากับช่อง 8 นั้น นายประวิทย์ กล่าวว่า อย่าไปสนใจเลย ในอุตสาหกรรมนี้เราเป็นคู่แข่งขันกัน ไม่ใช่คู่ต่อสู้นะครับ เราแข่งขันกันที่หน้าจอ หลังจอเราก็เป็นเพื่อนกัน เป็นญาติกันซะด้วยซ้ำไป จริงๆ นะครับ อย่างน้อยอายุงานผมน่ะ 40 กว่าปี เราแข่งกับช่อง 7 สีมาตลอดเลยนะ ไม่เคยมีความรุนแรง ไม่เคยต้องทะเลาะกัน วงการนี้เราอยู่กันอย่างนี้ วันนี้ผมก็แข่งไม่ใช่เฉพาะกับตา ปัญญาหรือว่าเฮียฮ้อ (สุรชัย เชษฐ์โชษศักดิ์) นะครับ เราแข่งกับทุกคนอยู่แล้ว แต่ว่าทุกคนเป็นเพื่อนกันได้ อย่างเมื่อกลางเดือนที่แล้วอากู๋ (ไพบูลย์ ดำรงค์ชัยธรรม) ก็ส่งกระเช้ามาให้ผมเป็นวันเกิด ก่อนนั้นผมก็ส่งกระเช้าไปให้แกตอนวันเกิด วงการนี้เราอยู่กันแบบเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อน และผมอยากเน้นตรงนี้จริงๆ ว่าเราเป็นคู่แข่งขันนะครับ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ เราไม่ได้ใช้ความรุนแรงต่อกัน เราแข่งกันหน้าจอนะครับ เราไม่ได้เป็นศัตรูกัน
“เรื่องงานฟุตบอลที่มีปัญหาอันนั้นมันผ่านไปแล้ว เราไม่รู้ว่าเหตุมันเกิดขึ้นมายังไง ป่วยการไปพูด ก็เอาเป็นว่าถ้าเกิดเข้าใจผิดก็ไปปรับความเข้าใจ นี่ไม่ใช่เป็นผู้ใหญ่สั่งนะ ผู้ใหญ่ไม่เคยสั่ง เราไม่ได้ถามทีมงานเวลาเราไปถามเนี่ยเรื่องมันก็จะออกมาอีกเรื่องหนึ่ง ฉะนั้นคนทะเลาะกันต่างคนต่างพูดส่วนของตัวเอง (ดุรุนแรงเพราะผู้บริหารช่อง 8 ออกมาพูดเอง) ไม่หรอก ใครจะออกมาพูดก็แล้วแต่ ผมถือว่าเป็นเรื่องของเด็กๆ พอสุดท้ายต่างคนต่างก็พูดของตัวเอง ทะเลาะกันเนี่ยไม่มีใครผิดหรอก ต่างคนต่างก็ว่าตัวเองถูกทั้งนั้นแหละครับ ไม่มีนโยบายห้าม ผมอยู่อย่างนี้ แข่งกับคนอื่นมา 40 กว่าปีไม่เคยมีปัญหากัน ส่วนมาตรการห้ามดาราไปออกช่องอื่น อันนี้ผมก็ไม่ว่ากัน ก็เห็นของผมไปออกที่ไหนๆ ตั้งเยอะแยะ เคยได้ยินผมพูดสักคำไหม มันไม่เป็นเรื่องนโยบาย บางทีมันเป็นเรื่องความสนิทสนมด้วยซ้ำไป บางคนไปขอได้ บางคนไปขอไม่ได้ เอาอย่างนี้ดีกว่าเราไม่เคยห้ามสักคำ ยกเว้นงานบางประเภทอย่างสมมติดาราของเราที่เซ็นสัญญามาเพื่อแสดงของเราเนี่ย คิวยังไม่พอเลย แล้วคนอื่นจะเอาไปได้ยังไงใช่ไหมครับ เพราะงานเรายังไม่ทันอยู่เลย ไม่ใช่ด้วยเหตุผลอื่น แต่ของเรายังไม่ทันนะ”