ยกคันทรี่มาบางกอก ณ โอเบอร์รี่ รีสอร์ท

ยกคันทรี่มาบางกอก ณ โอเบอร์รี่ รีสอร์ท

แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่า ใจกลางกรุงเทพมหานคร เมืองที่มีแต่ตึกโอบล้อมด้วยห้างสรรพสินค้าและสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืนแบบนี้

จะมีที่พักน่ารักๆ และมีเอกลักษณ์ที่หาไม่ได้ในเมืองกรุงซ่อนตัวอยู่ และหากใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศผ่อนคลายแบบนี้ โอเบอร์รี่ รีสอร์ท (Oberry Resort) จะตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างเหมาะสมที่สุด


โอเบอร์รี่ รีสอร์ท ที่พักสไตล์การตกแต่งแบบยูโรเปียนคันทรี่หรือจะเรียกได้ว่าเป็นแบบกระท่อมชนบท มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ กุลชญา ตั้งคารวคุณ หรือ คุณบี ผู้อำนวยการบริหาร โอเบอร์รี่ รีสอร์ท อยากจะหาที่ดินมาพัฒนา


“เรามีอพาร์ทเม้นต์ที่เราทำงานอยู่ใกล้ตรงนี้ และเห็นว่าตรงนี้มันเป็นพื้นที่โล่ง ประมาณ 200 ตารางวา เราก็อยากจะเอาที่ดินมาพัฒนา เลยดูว่าจะทำอะไรดีให้ธุรกิจใกล้เคียงกับของเรา สุดท้ายก็มาลงเอยที่ทำรีสอร์ท จนถึงทุกวันนี้ก็เข้าปีที่ 5 แล้ว”


หลังจากลงเอยว่าจะทำรีสอร์ท ก็เริ่มคิดหาสไตล์ที่จะมาตกแต่งรีสอร์ทให้ไม่เหมือนใคร โดยอยากให้มีความผ่อนคลายเหมาะแก่การมาพักผ่อนอย่างแท้จริง คิดไปคิดมา ก็จบด้วยสไตล์ยูโรเปียนคันทรี่แบบที่คุณบีชอบ


“ที่เลือกสไตล์ยูโรเปียนคันทรี่ ก็เพราะว่าตัวเองชอบแบบบ้านสไตล์น่ารักๆ มีต้นปลูกไว้เยอะๆ ต้นไม้ต้องมีสีสันสวยงาม อีกอย่างคือเราเคยอยู่เมืองนอกมาก่อน ก็ไปเห็นบ้านของฝรั่ง มันน่ารักมาก ตอนแรกที่คิดจะทำ ก็คิดว่าทำโรงแรมเป็นตึกสูงๆ เลยจะดีไหม แต่คิดว่าตึกสูงๆ มันก็มีเกลื่อนกลาดไปหมดแล้วในกรุงเทพฯ เราอยากได้ในสิ่งที่ชอบที่ฝันมากกว่าว่าอยากได้รีสอร์ทเล็กๆ แบบนี้”


ลักษณะของโอเบอร์รี่ รีสอร์ท เป็นบ้านหลังสีขาวสะอาดตา ขนาดเล็กกะทัดรัดเหมือนหมู่บ้านตามต่างจังหวัดของยุโรป มีระเบียงเป็นไม้ฉลุลวดลายสวยงามยื่นออกมาข้างหน้าตัวบ้าน ทำให้บ้านดูน่ารักอ่อนช้อยมากขึ้น


ส่วนตัวห้องแต่ละห้อง เพื่อความหลากหลาย สีของห้องจึงแตกต่างกันไป ทั้งชมพู ม่วง ฟ้า เขียว เหลืองเป็นสีอ่อนๆ และเสริมด้วยการเพ้นท์ลวดลายต่างๆ ซึ่งลายที่นำมาเพ้นท์ เป็นลายเถาไม้เลื้อยและสัตว์ตัวน้อยๆ เช่น กระรอก นก ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์เป็นแบบวินเทจกลมกลืนไปตามสีของห้องผ้าม่านก็เลือกแบบลายดอก มีสีสัน เป็นการเสริมสร้างบรรยากาศและเติมความอ่อนหวานให้แก่ห้อง


รีสอร์ทแห่งนี้ มีห้องพักให้เลือก 2 แบบ แบบแรกคือซูพีเรีย หรือแบบทั่วไป เป็นบ้านหลังติดๆ กัน ทั้งหมด 8 หลัง ส่วนอีกแบบคือดีลักซ์ มีทั้งหมด 5 หลัง มีขนาดใหญ่กว่าแบบแรก และพิเศษตรงที่มีคอฟฟี่เซ็ทให้ รวมถึง DVD ให้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จอดรถข้างตัวบ้าน ให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า ส่วนสิ่งของภายในบ้านจะเหมือนกัน คือ มีเตียงขนาดใหญ่ ผ้าปูที่นอนเป็นผ้าฝ้ายร้อยเปอร์เซ็นต์ ทีวี แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น ไดร์เป่าผม ผ้าเช็ดตัว สบู่และแชมพู รวมไปถึงสไตล์การตกแต่งบ้านก็เหมือนกันด้วย


สิ่งอำนวยความสะดวกของที่นี่มีไว้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ฟรีไวไฟ บริการรับฝากสัมภาระ มีแม่บ้านทำความสะอาดทุกวัน ระบบความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง บริการอาหารตามสั่ง นวด นำเที่ยวแบบหนึ่งวัน สถานที่ส่วนใหญ่จะเป็นพัทยา หัวหิน กาญจนบุรี ฯลฯ มีรถบริการไปสนามบิน รวมถึงการเช่าสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งอีกด้วย


จุดเด่นของที่นี่นอกจากจะเป็นความน่ารักของบรรยากาศหรือของบ้านแต่ละหลังแล้ว ยังมีต้นไม่ใหญ่ที่อยู่บนที่ดินนี้มานานแล้ว ซึ่งคุณบีอนุรักษ์ไว้และไม่ยอมตัดทิ้ง เป็นสิ่งที่ทำให้รีสอร์ทนี้ดูร่มรื่น เย็นสบาย ด้วยใบไม้ที่แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ


คุณบี บอกว่า กลุ่มลูกค้าของโอเบอร์รี่ รีสอร์ท มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ


“ถ้าเป็นชาวไทย ก็จะเป็นคนที่มาจากต่างจังหวัด หรือไม่ก็เป็นคนประเภทเมาไม่ขับ เนื่องจากละแวกนี้สถานบันเทิงค่อนข้างเยอะ โอเบอร์รี่ รีสอร์ท จึงเป็นทางเลือกที่ดีให้ได้มาพักผ่อนกันก่อนกลับบ้าน ส่วนถ้าเป็นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ จะมีทั้งคนที่มาทำงานอยู่ละแวกนี้ ที่ต้องการหาที่พักใกล้ๆ ไปทำงานสะดวก หรือคนที่มาเรียนนวดกับทางชีวาศรม เขาจะแนะนำให้มาพักกับทางรีสอร์ทของเรา รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่มาทำศัลยกรรมก็มี ตามแถวประตูน้ำหรือเพชรบุรี เขาก็มาพักกัน ลูกค้าชาวต่างชาติมาพักก็จะติดใจ บางทีก็มีบอกว่าครั้งนี้พักห้องสีนี้ ครั้งหน้าขออีกสีนะ ก็น่ารักดี”


หากใครที่อยากมาเที่ยว มาพักผ่อน หรืออยากมาสัมผัสกรุงเทพฯ ในมุมที่ต่างออกไป รีสอร์ทแนวคันทรี่ “โอเบอร์รี่ รีสอร์ท” อาจเป็นคำตอบที่คุณต้องการ


.................


ที่ตั้ง : ซอยเอกมัย 7 ถนนสุขุมวิท 63 คลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
จุดเด่น : ร่มรื่นสบายตา อบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน
ราคา : 1,400-1,600 บาท
ติดต่อ : โทร 08 6475-3199 หรือ www.oberryresort.com