พกน้ำมาด้วยเหรอ!?

พกน้ำมาด้วยเหรอ!?

แล้งไม่แล้ง.. ท่วมไม่ท่วม.. คงไม่เป็นประเด็นสำหรับเด็กๆ นักเรียนบ้านโนนเขวา จ.ขอนแก่น เท่าไรนัก

เพราะอย่างไรทุกวันนี้ ที่โรงเรียนก็ยังไม่มีแม้กระทั่งน้ำจะดื่ม!

เพราะภาพขวดน้ำที่มีน้ำอยู่เกือบเต็มขวดทั้งๆ ที่เข็มนาฬิกาเลยเลข 12 มาแล้ว ถ้าใครได้เห็นก็คงต้องสงสัย ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่า โรงเรียนนี้ขาดแคลนน้ำดื่มจนเด็กนักเรียนบ้านโนนเขวา ต.ดอนหัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ต้องพกขวดน้ำมาเอง

แต่เมื่อพลั้งคำถามออกไป “...ตั้งแต่เช้าหนูไม่ดื่มน้ำเลยหรอ ?”

“หนูจะเก็บไว้ดื่มตอนเย็นช่วงเล่นกีฬาค่ะ เพราะกลัวว่าจะไม่มีน้ำดื่มหากเสียเหงื่อมากๆ” คือ คำตอบกลับมาที่ใครได้ฟังก็อดสะเทือนใจไม่ได้

แม้การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้วจะเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็เคยได้ยิน ในตำราเรียนก็บอกไว้แบบนั้น แต่สำหรับเด็กๆ ที่โรงเรียนนี้ พวกเขาไม่รู้หรอกว่า น้ำที่ดื่มไป ครบปริมาณตามที่ควรได้รับหรือไม่

ที่บอกได้ก็แค่ “หมดขวด” ตามขนาดของขวดที่แต่ละคนพกมาก็เท่านั้นเอง

เมื่อน้ำขาดแคลน

ความเคยชินในการต้องห่อน้ำมาดื่มที่โรงเรียน ทำให้เด็กๆ นักเรียนบ้านโนนเขวา ต.ดอนหัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ไม่รู้สึกลำบากอะไร เพราะบางคนต้องห่อน้ำมาดื่มตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาลจนตอนนี้ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แล้ว อย่าง ด.ญ.ธิดารัตน์ ชินรงค์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่บอกว่า การนำขวดน้ำติดกระเป๋ามาโรงเรียนทุกวันเป็นเรื่องเคยชิน เพราะต้องทำเป็นประจำจนรู้สึกว่า ขวดน้ำกลายเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์การเรียนที่ต้องมีติดกระเป๋ามาโรงเรียนทุกวัน

โดยบางวันก็สามารถจัดสรรให้พอดี แต่ก็มีบ้าง ที่น้ำในขวดหมดตั้งแต่ยังไม่บ่าย ซึ่งเธอก็ต้องอดทนจนเลิกเรียนแล้วกลับไปดื่มน้ำที่บ้าน ก่อนจะกรอกน้ำในกระติกเตรียมไว้สำหรับวันรุ่งขึ้นอีกเช่นเคย

ด.ญ.ธิดารัตน์ ยังบอกอีกว่า ตัวเองและเพื่อนๆ ที่แบกน้ำมาโรงเรียนเพื่อดื่มระหว่างวันนั้นไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ จะห่วงก็แต่น้องๆ ที่เรียนในชั้นเตรียมอนุบาลรวมไปถึงชั้นประถมศึกษาบางคนที่ยังตัวเล็กแต่ต้องหอบหิ้วเอากระติกน้ำที่น้ำหนักมากหากเทียบกับน้ำหนักของน้องๆ ถือเป็นเรื่องค่อนข้างลำบาก แต่หากจะกรอกน้ำมาโดยใช้กระติกหรือขวดน้ำขนาดเล็ก ก็จะไม่พอดื่มระหว่างวัน ซึ่งเธอเห็นว่า น้องๆ คงไม่สามารถอดทนรอกลับไปดื่มน้ำที่บ้านหลังเลิกเรียนเหมือนพี่ๆในชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อย่างเธอได้แน่ๆ

ปัญหาการแอบดื่มน้ำของเพื่อนห้องข้างๆ หรือโต๊ะเรียนที่นั่งข้างกัน จึงเกิดขึ้นประปราย แม้จะรู้ดีว่า ไม่ใช่นิสัยที่ดีนัก แต่เธอเองก็เข้าใจดีว่า อาการหิวน้ำนั้นมันเป็นอย่างไร เพราะหากไม่ได้ดื่มก็จะไม่มีสมาธิเรียนหนังสือ สมองก็จะคิดถึงแต่เรื่องการอยากดื่มน้ำ บางครั้งทำให้การเรียนไม่ไปถึงไหน เรียนไม่ทันเพื่อนบ้างก็มี

อันที่จริง ภาพเด็กๆ หอบหิ้วขวดน้ำมาไว้สำหรับดื่มที่โรงเรียนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรสำหรับ เพราะผู้ปกครองของเด็กๆ เอง ก็เคยพกน้ำมาเองเช่นเดียวกัน จะต่างกันก็คงเป็นเรื่องยุคสมัย ซึ่งใครจะไปคิดว่า ใน พ.ศ.นี้ ยังมีโรงเรียนที่ขาดแคลนน้ำดื่มให้เด็กๆ ซึ่งผู้ปกครองจำนวนไม่น้อย จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดโรงเรียนจึงไม่มีงบประมาณในการจัดการเรื่องน้ำดื่มทั้งที่ น้ำดื่มถือเป็นเรื่องสำคัญในการอุปโภคบริโภคของเด็กๆ

หลังจากที่ศูนย์ประสานงานร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด จังหวัดขอนแก่นได้รับเรื่องขอความช่วยเหลือว่า โรงเรียนโนนเขวา ต.ดอนหัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ขาดแคลนน้ำดื่มเป็นเวลาหลายปีแล้ว เด็กๆ ตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาล ไปจนถึงระดับประถมศึกษา รวม 80 ชีวิต ตลอดจนคุณครูทุกคนต่างก็ต้องนำน้ำดื่มมาจากบ้านโดยกรอกน้ำใส่ขวดมาดื่มที่โรงเรียนทุกวัน

พัฒนพงษ์ พันธโคตร รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนโนนเขวา ต.ดอนหัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งยอมรับว่า นักเรียนทุกคน รวมถึงอาจารย์ ต่างก็ต้องนำน้ำดื่มมาจากที่บ้านเอง เนื่องจากว่า น้ำที่โรงเรียนมีสีเหลืองขุ่น จึงไม่กล้าที่จะนำมาให้นักเรียนใช้ดื่มกิน

เพราะรู้ว่า นี่เป็นปัญหาใหญ่ ทางโรงเรียนก็ได้พยายามแก้ไขด้วยตัวเองแล้ว โดยได้เจาะท่อน้ำเพื่อที่จะทำเป็นที่กรองน้ำไว้ให้นักเรียนใช้อุปโภคบริโภคดื่ม แต่ด้วยเนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอต่อการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องกรองน้ำและปั๊มน้ำได้ จึงไม่มีน้ำเพื่อรองรับไว้ให้เด็กๆได้ดื่ม

ยังไม่ต้องพูดถึงภัยแล้งครั้งใหญ่นี้ เพราะแม้กระทั่งฤดูฝน มีน้ำฝนตกลงมามาก ในถังรองน้ำแต่ก็ไม่สามารถนำน้ำเหล่านั้นมาให้เด็กๆ ได้ดื่ม เพราะยังไม่ผ่านการกรอง และทำความสะอาด เนื่องจากน้ำฝนในสมัยนี้มีสารพิษ หากเด็กๆ นักเรียนดื่มเข้าไปกลัวว่า จะมีอันตราย น้ำฝนสมัยนี้ไม่ได้สะอาดเหมือนสมัยก่อนที่นำถังหรือตุ่มมารองก็สามารถดื่มได้ ซึ่งทางโรงเรียนต้องระวังเรื่องสุขภาพของเด็กๆด้วย

ก่อนจะเสริมโดย สุทธิศักดิ์ ผลคำ ครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ยอมรับว่า เด็กๆ ในห้องเรียนบางคนที่ลืมห่อน้ำมาหรือน้ำหมดกระติกระหว่างวันก็มีแอบดื่มของเพื่อน ซึ่งทางคุณครูก็มีการตักเตือนพร้อมสอนว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และควรจะขออนุญาตจากเจ้าของก่อน ก่อนจะหยิบเอาของที่มีเจ้าของ โดยเฉพาะเรื่องการขโมยดื่มน้ำกันในห้อง หากเป็นชั้นประถมศึกษาที่โตแล้ว ก็จะตักเตือน และฝึกความอดทนให้เด็กๆ ไปในตัว และสอนให้เด็กมีความพร้อมมากกว่านี้ หากรู้ว่า ตัวเองดื่มน้ำเยอะก็ต้องนำกระติกใหญ่มาจากบ้าน

แม้จะสอนเช่นนั้น แต่ครูสุทธิศักดิ์ก็อดที่จะรู้สึกเห็นใจนักเรียนไม่ได้ เพราะไหนจะต้องแบกหนังสือเรียนแล้ว ยังต้องแบกรับเอาน้ำหนักของกระติกน้ำที่บรรจุน้ำเต็มขวด ใส่กระเป๋าเรียนมาด้วย

 

สูบน้ำ (ใจ)

ที่ผ่านมา ทางโรงเรียนได้ขอความช่วยเหลือไปทางศูนย์ประสานงานร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้าน จังหวัดขอนแก่น เพื่อให้ช่วยระดมทุนในการหาซื้อเครื่องกรองน้ำ เครื่องสูบน้ำ เพื่อดึงน้ำขึ้นมารองไว้ในถังให้เด็กนักเรียนได้ดื่มน้ำที่สะอาด ไม่ต้องคอยแบกเอาน้ำหนักที่นอกจากอุปกรณ์การเรียนมาโรงเรียนอีก

ส่วนน้ำที่ใช้อุปโภคนั้น บางส่วนต้องดึงน้ำที่จากคลองที่อยู่ด้านข้างโรงเรียนขึ้นมาใช้ เพราะน้ำประปาที่นี่ บางส่วนใช้น้ำประปาของหมู่บ้าน ซึ่งก็ต้องประหยัดเพราะอีกหลายครอบครัวก็ต้องใช้น้ำเหมือนกัน แต่น้ำที่ดึงขึ้นมาจากคลองด้านข้างโรงเรียนนั้น ก็เริ่มแห้งแล้ว ทำให้ทั้งนักเรียนและคุณครูต้องช่วยกันประหยัด ทั้งน้ำดื่มน้ำใช้

ถังน้ำที่เคยไว้รองรับน้ำดื่มให้กับนักเรียน ถูกทิ้งไว้ด้านหลังของโรงเรียน ภายในมีเพียงเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นตามกาลเวลาที่ถูกปล่อยไว้ ไม่มีน้ำรองก้นถังแม้แต่หยดเดียว สภาพถังน้ำบางถัง กลางเก่ากลางใหม่ หลายใบเหมือนพึ่งถูกใช้งานได้ไม่นาน ก็ต้องนำมาวางทิ้งไว้หลังโรงเรียน เพื่อหวังว่า วันหนึ่งจะไว้รองรับน้ำทั้งจากน้ำฝนเพื่อเข้าสู่ระบบการกรอง ทำความสะอาด เพื่อให้นักเรียนได้ดื่มได้ใช้ แบ่งเบาภาระที่ต้องแบกน้ำมาที่โรงเรียนทุกวัน

แต่ผ่านมาหลานสิบปี จนกลายเป็นความเคยชิน บ่อก็ยังคงแห้งผาก จนกลายเป็นความเคยชินและทำให้เด็กๆที่นี่ ไม่รู้สึกว่าลำบากมากมายอะไร

หลังจากได้รับเรื่องร้องขอความช่วยเหลือเข้ามา ศูนย์ประสานงานร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้าน จังหวัดขอนแก่น จึงได้ลงพื้นที่ไปดู โดยนพรัตน์ กรอนสวัสดิ์ ผู้จัดการศูนย์ฯ ระบุว่า โรงเรียนบ้านโนนเขวาแห่งนี้ เคยได้มีการขุดเจาะบ่อบาดดาลมาแล้ว ในบริเวณโรงเรียน แต่ไม่สามารถดึงน้ำขึ้นมาได้เพราะยังขาดเครื่องสูบน้ำ เครื่องกรองน้ำที่จะทำความสะอาด

หลังจากสำรวจข้อมูลแล้ว ทางศูนย์ฯ จึงได้ประชาสัมพันธ์ในกลุ่มอาสาด้วยกันก่อน แล้วเดินหน้าประชาสัมพันธ์ไปยังหน่วยงานภาคเอกชน เพื่อของบประมาณเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งจากการที่เข้าสำรวจแล้ว อุปกรณ์ที่ยังขาด และจำเป็นต้องใช้นั้น ทั้งหมด ราคาไม่เกิน 20,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการระดมทุนเพื่อซื้ออุปกรณ์ดังกล่าว ซึ่งอาสาทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า ทางโรงเรียนยังรอคอยความหวังที่จะซื้ออุปกรณ์ไปติดตั้งในบ่อบาดาลที่มีอยู่แล้วในโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ใช้น้ำ

ถังน้ำที่ยังรอความหวังว่าจะได้กลับมาทำหน้าที่รองรับน้ำ ก็เริ่มมีความหวังขึ้นมา พร้อมกับนักเรียนอีก 80 คน จะได้มีน้ำดื่มที่สะอาด เริ่มขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะรอมาหลายปีแต่เด็กๆ ที่นี่ก็ยังมีความหวัง.. หวังว่าจะไม่ต้องแบกน้ำใส่กระเป๋านักเรียนที่มีหน้าที่รองรับหนังสือแบบเรียนเพียงอย่างเดียว

รังสรรค์ มีแสง หนึ่งในอาสาสมัคร สมาชิกศูนย์ประสานงานร่วมด้วยช่วยกันฯ ที่ได้ลงพื้นที่สัมผัสภายในโรงเรียนบอกว่า จากที่สำรวจข้อมูลในโรงเรียน แม้แต่แม่ครัวที่ทำกับข้าวขายในโรงเรียนก็ต้องซื้อน้ำถังมาไว้ใช้ปรุงอาหาร เพราะไม่สามารถใช้น้ำประปามาปรุงอาหารให้นักเรียนได้อย่างเด็ดขาด เพราะสุขภาพนักเรียนเป็นสำคัญ จึงต้องยอมซื้อน้ำดื่มที่เป็นถังมาไว้ติดครัว

สิ่งที่น่าเป็นห่วงตอนนี้คือ ถึงแม้จะมีน้ำฝนตกลงมามากแค่ไหน เด็กๆ ก็ไม่สามารถดื่มได้ ไม่เพียงแค่เด็กนักเรียนเท่านั้น มองไปถึง ผู้ปกครองหรือ ชาวบ้านโนนเขวาเอง ก็ยังต้องซื้อน้ำดื่มเป็นถัง ตกถังละ 10 บาท มีพอสำหรับใช้ดื่มกินได้วันต่อวัน และก็น้ำในถังนี่แหละที่ผู้ปกครองใช้กรอกลงขวดให้ลูกหลานพกมาไว้ดื่มที่โรงเรียน

นอกจากนี้ ที่น่าห่วงอีกอย่างก็คือ ขวดน้ำที่เด็กๆ บรรจุน้ำไปนั้นค่อนข้างเก่ามาก จนบางขวดมีรอยสีขาวเป็นจุดๆ ซึ่งเด็กๆ ก็ยังคงใช้อยู่ตลอด ผู้ปกครองบางคนก็ไม่มีความรู้เรื่องการใช้ขวดน้ำซ้ำ เพราะเด็กๆ ที่นี่ไม่ได้ใช้ขวดน้ำราคาแพง แต่จะใช้ขวดพลาสติกที่ใช้แล้วและนำกลับมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่ทราบถึงอันตราย ถึงแม้บางครั้งเด็กจะถูกเตือนเรื่องขวดน้ำ เด็กนักเรียนบางคนก็ไม่มีเงินซื้อขวดที่มีคุณภาพดี จึงต้องยอมใช้ขวดพลาสติกเก่าที่ซ้ำเดิมทุกๆวัน

ไม่ว่าคุณภาพน้ำจะสะอาดแค่ไหน การใช้ขวดซ้ำจะเป็นภัยหรือไม่ เหล่านี้อาจไม่ได้อยู่ในความกังวลของเด็กๆ เท่ากับว่า น้ำที่พกมาจะพอไหม และใครจะมาขโมยดื่มบ้างหรือเปล่า ?!!