บาหลีก็มี “มรดกโลก”

บาหลีก็มี “มรดกโลก”

ในบรรดามรดกโลกทั้ง 4 แห่งของอินโดนีเซีย “ภูมิทัศน์วัฒนธรรมเขตบาหลีฯ” ดูจะมีความแตกต่างกว่าที่อื่นใด

เพราะที่นี่เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่เป็น “นวัตกรรม” จากยุคโบราณโน่นเลยทีเดียว


องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนให้บาหลีเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี พ.ศ.2555 โดยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ภูมิทัศน์วัฒนธรรมเขตบาหลี : ระบบสุบัก หลักการตามปรัชญาไตรหิตครณะ” มีลักษณะเป็นภูมิทัศน์วัฒนธรรมของนาข้าวแบบขั้นบันได 5 ชั้นของบาหลี โดยมีวัดทำหน้าที่ในการควบคุมและบริหารจัดการการจ่ายน้ำ ใช้คลองส่งน้ำและคันกั้นน้ำ (ฝาย) หรือระบบชลประทานเก่าแก่ ซึ่งเป็นรู้จักกันในชื่อ “สุบัก” (Subak) สามารถทำการบริหารจัดการน้ำครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 195 ตารางกิโลเมตร ภูมิทัศน์ที่รวมอยู่ด้วยกันคืออารามหลวงปูระ ตามัน อายุน แห่งพุทธศตวรรษที่ 23 ซึ่งเป็นอาคารสถาปัตยกรรมขนาดมหึมาที่สุดในรูปแบบนี้บนเกาะบาหลี


สำหรับระบบ "สุบัก" เป็นวิธีชลประทานแบบดั้งเดิมบนเกาะบาหลีที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 13 โดยใช้ระบบการบริหารจัดการในการแจกจ่ายน้ำด้วยลำคลองและฝายไปตามนาแบบขั้นบันได โดยกำหนดให้มีพื้นที่ที่มีขอบเขตคล้ายหมู่บ้าน ปกครองโดยคนในพื้นที่และมี “อุทกอาราม” หรือ “วัดน้ำ” เป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการในการแจกจ่ายน้ำ เพื่อการเพาะปลูกอย่างเสมอภาคและเป็นกันเองแบบประชาธิปไตย เห็นได้จากการให้สิทธิ์ออกเสียงสูงสุดแก่เจ้าของนาที่อยู่ต่ำสุด เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดจากการตัดสินใจของสมาชิก ทำให้ชาวบาหลีกลายเป็นผู้ปลูกข้าวที่มีผลผลิตสูงที่สุดในแถบหมู่เกาะ


หลักการสำคัญที่สุดของระบบสุบักคือ แนวคิดทางปรัชญา "ไตรหิตครณะ" ซึ่งเป็นหลักปรัชญาตามความเชื่อแบบฮินดูที่แพร่หลายในชาวบาหลี มีต้นกำเนิดจากการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างบาหลีกับอินเดียมากว่า 2,000 ปีแล้ว มีลักษณะเป็นสถาบันทางสังคมที่ผนวกศาสนา ความเชื่อ เทคโนโลยีการเกษตร วัฒนธรรม และการเมืองท้องถิ่นไว้ด้วยกัน โดยใช้หลักความสมดุลกลมกลืน 3 ประการ อันเป็นหลักการสร้างความสงบสุขแก่ชีวิต ประกอบด้วย ความสมดุลและความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า มนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับธรรมชาติ


ส่วนประกอบที่สำคัญของระบบสุบัก คือ เครือข่ายทางขนส่งน้ำที่ซับซ้อนและอุโมงค์ที่สร้างโดยการเจาะหินและต่อไม้ไผ่เพื่อส่งน้ำซึ่งบางสายยาวกว่ากิโลเมตร ต้องสร้างและดูแลโดยช่างฝีมือในการนำน้ำเข้าไปสู่นาขั้นบันไดชั้นบนสุดของเนินเขาก่อนปล่อยให้ไหลลงสู่นาข้าวเบื้องล่าง จนก่อให้เกิดรูปแบบกสิกรรมขั้นบันไดอันยั่งยืนและเกิดเป็นภูมิประเทศอันโดดเด่นสวยงาม ที่สุดก็คือมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ชาวบาหลีภาคภูมิใจ

........................
ข้อมูลจาก http://aseannotes.blogspot.com/