'บุรีรัมย์' ไม่ธรรมดา

ไม่มีจังหวัดไหนที่จะ “รื่นรมย์” ไปกว่าจังหวัดที่มีชื่อว่า “บุรีรัมย์” อีกแล้ว
เวลามีคนถาม “ท่องเที่ยวและกีฬาเกี่ยวข้องกันยังไง?” ยอมรับว่าหาคำตอบยากจริงๆ และทุกครั้งก็มักเลี่ยงไปด้วยคำตอบที่ว่า “เป็นกิจกรรมนันทนาการเหมือนกัน” เสมอๆ
อาจไม่ใช่คำตอบที่ทำให้คนถามพอใจ แต่ฉันยังไม่พบคำอธิบายที่ง่ายหรือชวนให้เข้าใจชัดเจนกว่าคำว่า “นันทนาการ” จนกระทั่งได้มาเยือน บุรีรัมย์
ราว 10 ปีก่อนย้อนไป ใครๆ ก็รู้จักบุรีรัมย์ในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่รุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมและปราสาทขอมโบราณ จนทุกคนต่างเรียกขานเมืองนี้อย่างพร้อมใจกันว่า “เมืองปราสาทหิน”
ทว่า ปัจจุบันไม่เพียงแค่ปราสาทโบราณอันงดงามด้วยสถาปัตยกรรมและความสำคัญทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่บุรีรัมย์ยังพัฒนาตัวเองให้เป็นศูนย์กลางของการกีฬาหรือที่เรียกว่า “สปอร์ตซิตี้” ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแม่เหล็กชิ้นใหญ่ที่ดึงดูดให้ใครต่อใครตกหลุมรักบุรีรัมย์อย่างว่าง่ายไปหมดแล้ว
ตอนแรกก็ไม่เชื่อว่าบุรีรัมย์จะทำได้ จนถึงวินาทีที่พยายามพาตัวเองตะกายขึ้นจากหลุมรัก(บุรีรัมย์)นั่นแหละ จึงเชื่อสนิทใจ
1.
“ความร้อน” คือสิ่งแรกที่ฉันคิดถึงเมื่อเอ่ยชื่อบุรีรัมย์ จากนั้นก็ตามมาด้วยคำว่า ปราสาทหิน, ภูเขาไฟ, ผ้าไหม, ชายแดน, ความยากจน จนตอนหลังนี้ก็มีคำว่า “ฟุตบอล” ตามมาติดๆ และก็เพราะฟุตบอลนี้เองที่ทำให้บุรีรัมย์มีความคึกคักด้านเศรษฐกิจ นับเฉพาะครึ่งแรกของปี 2558 พบว่าบุรีรัมย์มีรายได้จากการท่องเที่ยวมากถึง 3,600 ล้านบาทเลยทีเดียว
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความดีความชอบนี้เกิดจากผู้ชายที่ชื่อ “เนวิน ชิดชอบ” ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ที่ใช้ “กีฬา” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับบุรีรัมย์ ทั้งยังตั้งเป้าหมายให้เมืองนี้เป็น 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ “ต้องมา” ภายในระยะเวลา 5 ปี
ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะทำได้ เพราะเท่าที่ใช้เวลาอยู่ในบุรีรัมย์ 3 วัน ฉันมองเห็นความคึกคักของผู้คน การขยายตัวของธุรกิจด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ นั่นพอจะทำให้เชื่อได้ว่า บุรีรัมย์กำลังโต
เสื้อฟุตบอลตัวแล้วตัวเล่าถูกนำมาสกรีนด้านหลังด้วยคำว่า GU 12 ที่หมายถึง “แฟนบอล” หรือผู้เล่นคนที่ 12 องค์ประกอบสำคัญของทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ดที่จะขาดไม่ได้ นับเป็นกุศโลบายอันแยบยลที่สามารถใช้ “เชื่อมใจ” และ “รวมพลัง” ให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วทีมฟุตบอลฉายา “ปราสาทสายฟ้า”(The Thunder Castle) ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง
และความสำคัญของการเป็นเมืองแห่งปราสาทนี้เองที่ทำให้ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ดนำภาพ “ปราสาทหินพนมรุ้ง” มาเป็นพื้นหลังตราสัญลักษณ์ของสโมสร
2.
ว่ากันถึงเรื่องปราสาท ทุกคนรู้ดีว่าบุรีรัมย์เป็นมืองที่มีความรุ่งเรืองมากในอดีต โดยเฉพาะสมัยทวาราวดี(พุทธศตวรรษที่12-16) ต่อเนื่องมาในสมัยลพบุรี(พุทธศตวรรษที่ 12-18) โดยพบหลักฐานทางโบราณคดีทั้งปราสาทหิน ปราสาทอิฐ แหล่งเตาเผาโบราณ ภาชนะดินเผา และเครื่องถ้วยสมัยโบราณอยู่มากมาย
นับเฉพาะปราสาทขอมโบราณก็พบมากกว่า 60 แห่ง แต่ที่หลายคนรู้จักกันดีในฐานะแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญคือ ปราสาทหินพนมรุ้ง
ปราสาทหินพนมรุ้ง หรือ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง เป็นหนึ่งในปราสาทหินกลุ่มราชมรรคา ตั้งอยู่ที่บ้านดอนหนองแหน ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ โดยอยู่ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ไปทางทิศใต้ประมาณ 77 กิโลเมตร ตัวปราสาทตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้ง ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว และด้วยความที่เป็นปราสาทขอมโบราณ คำว่า “พนมรุ้ง” จึงมีที่มาจำคำเขมรว่า “วนรุง” ที่หมายถึง “ภูเขาใหญ่” นั่นเอง
ความสำคัญของปราสาทหินพนมรุ้งคือเป็นโบสถ์พราหมณ์ลัทธิไศวะ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 15-18 ด้วยหินทรายสีชมพูที่มีการสลักลวดลายไว้อย่างสวยงาม จนในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อาณาจักรขอมหันมานับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน เทวสถานแห่งนี้จึงได้รับการดัดแปลงให้เป็นวัดมหายาน
ไม่เพียงแค่ความสวยงามอลังการของโบราณสถานรูปแบบขอมเท่านั้นที่ชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสปราสาทแห่งนี้กันอย่างใกล้ชิด แต่ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เป็นปรากฏการณ์แสงอาทิตย์ลอดผ่านประตูทั้ง 15 จะเกิดขึ้นปีละ 4 ครั้ง แบ่งเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้น 2 ครั้ง และพระอาทิตย์ตก 2 ครั้ง และนั่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ปราสาทเมืองต่ำ เป็นอีกหนึ่งโบราณสถานที่อยู่ไม่ไกลกัน และมีความสวยงามไม่แพ้กันด้วย ที่นี่เป็นหนึ่งในกลุ่มปราสาทมรรคโค เป็นศาสนสถานที่สร้างตามคติความเชื่อทางศาสนาฮินดู สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อถวายพระศิวะ เป็นศาสนสถานประจำเมืองหรือประจำชุมชน ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดปราสาทบูรพาราม ตำบลจระเข้มาก อำเภอประโคนชัย จุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือสระน้ำ 4 สระ ที่ก่อสร้างเป็นรูปตัวแอล (L) ล้อมรอบระเบียงคดไว้ ถือเป็นปราสาทที่มีสภาพสมบูรณ์และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
3.
ชื่อ “บุรีรัมย์” หมายถึงเมืองที่มีความรื่นรมย์ ฉันไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าไม่เป็นความจริง เพราะสิ่งที่ยืนยันได้ดีคือฉันรู้สึกว่าตัวเองฉีกยิ้มได้อย่างเป็นธรรมชาติตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่
อย่างที่บอกไว้แต่แรกว่า บุรีรัมย์กำลังโต สังเกตได้จากธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะที่พัก ซึ่งมีให้เลือกหลากรูปแบบหลายราคา ฉันเลือกเช็คอินที่โรงแรมอมารี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ด้วยเหตุผลเดียวคือ อยู่ใกล้กับสนาม i-mobile stadium
ไอ-โมบาย สเตเดียม มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Thunder Castle Stadium เป็นสนามกีฬาที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สามารถจุผู้ชมได้ถึง 32,600 ที่นั่ง เป็นสนามฟุตบอลที่ผ่านมาตรฐานระดับโลกมาแล้ว ทั้งยังถูกบันทึกลงกินเนสบุ๊คว่า เป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าแห่งเดียวในโลกที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดในโลกคือ 256 วัน
ที่นี่เป็นสนามที่นักฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ดใช้อยู่เป็นประจำ และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้วย ในวันที่ฉันไปเป็นช่วงเวลาที่นักฟุตบอลลงซ้อมในสนามพอดี แน่นอนว่า พอเห็นนักฟุตบอลตัวเป็นๆ ไม่ได้เล่นผ่านจอแก้วอย่างที่เคยดูแล้ว มันช่างรู้สึกตื่นเต้นดีจริงๆ
ทั้งนักกีฬา ผู้ฝึกสอน แพทย์สนาม ดูขยันขันแข็งและซ้อมกันอย่างจริงจังมาก ฉันเหลือบไปเห็น “เนวิน ชิดชอบ” ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ดนั่งเก้าอี้เล็กๆ ชมอยู่ที่ขอบสนาม ไม่ไกลกันคือประธานกองเชียร์ทีมบุรีรัมย์ “กรุณา ชิดชอบ” ที่นั่งให้กำลังใจพร้อมบันทึกภาพนักกีฬาไว้คอยอัพเดทในโลกโซเชียล
สนามที่ได้มาตรฐานระดับโลกแห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแบบที่สนามระดับโลกมี รวมถึงห้องสื่อมวลชนด้วย นอกจากนี้ยังมีห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ และถ้าใครจะจัดงานปาร์ตี้ในสนามก็สามารถทำได้ ที่สำคัญสนาม i-mobile stadium ยังเป็นโลเคชั่นที่ใช้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตและกิจกรรมรื่นเริงใหญ่ๆ ของจังหวัดบุรีรัมย์หลายครั้ง และประธานสโมสรฟุตบอลฯ ก็วางแผนว่าจะให้ i-mobile stadium เป็นสถานที่ที่มีการจัดงานอีเว้นท์มากที่สุดในประเทศไทย
4.
หลายคนมาบุรีรัมย์ตามแพลนที่วางไว้ แต่สำหรับทริปนี้ของฉัน แม้จะวางแผนไว้บ้างคร่าวๆ แต่ก็สลับสับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อเจอกับเจ้าถิ่นที่มีแต่คำแนะนำดีๆ
เย็นวันที่เข้าไปชมสนาม i-mobile stadium ฉันมีโอกาสได้พบกับ พี่มด-ประมูลชัย นพสุวรรณวงศ์ ผู้จัดการสนาม i-mobile stadium พอดี พี่มดชวนปั่นจักรยานในเช้าวันรุ่งขึ้น แม้จะเหนื่อยจากการเดินทางในวันนี้ แต่โอกาสดีๆ หาไม่ได้ง่ายๆ แล้วยิ่งฟังเส้นทางที่พี่มดจะพาไป ฉันยิ่งปฏิเสธไม่ได้จริงๆ
เช้าตรู่วันนั้น ผู้จัดการสนาม i-mobile stadium ขี่จักรยานมารอรับเราแต่เช้า เมื่อสวมอุปกรณ์ป้องกันเพื่อความปลอดภัยทุกอย่างพร้อมก็ได้เวลาออกเดินทาง
จริงๆ ควรจะวนซ้ายไปชม พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางไปอำเภอประโคนชัยก่อน เพราะที่นั่นเป็นพระบรมราชานุสาวรียที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ผู้ทรงก่อตั้งเมืองบุรีรัมย์ แต่พี่มดตัดสินใจพาเราขี่จักรยานเลี้ยวขวาเพราะเวลาจำกัด แล้วเลาะถนนไปชมโครงการ Bike Park แห่งใหม่ที่อยู่ใกล้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นสวนสาธารณะที่กว้างขวาง และมีสภาพเหมาะแก่การขี่จักรยานที่สุด
ออกจาก Bike Park มาที่สนามกีฬาประจำจังหวัดบุรีรัมย์ หรือ สนามเขากระโดง อดีตสนาม i-mobile ของทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ แต่ปัจจุบันก็มีโอกาสได้ใช้งานในระดับอำเภอและระดับจังหวัด และที่ไม่ไกลกันนักคือ วนอุทยานเขากระโดง
วนอุทยานเขากระโดง ชาวบ้านเรียกว่า “พนมกระดอง” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ภูเขากระดอง (เต่า)” เพราะมีรูปลักษณ์คล้ายกระดองเต่า ต่อมาเพี้ยนเป็น “กระโดง” ด้านบนภูเขาเป็นปากปล่องภูเขาไฟกระโดงที่ดับสนิทไปแล้ว แต่ยังมีร่องรอยให้เห็น ส่วนอีกด้านหนึ่งของภูเขาเป็นที่ประดิษฐาน “พระสุภัทรบพิตร” พระพุทธรูปองค์ใหญ่คู่เมืองบุรีรัมย์ มีปรางค์กู่โบราณ ภายในประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง จากจุดนี้สามารถมองเห็นสนาม i-mobile stadium ได้อย่างถนัดตา
ลงจากเขาที่สูงชัน เราปั่นต่อไปยังแคมป์ที่พักนักกีฬา แล้วผ่านไปจนถึงสนามแข่งรถ Chang International Circuit ที่อยู่ติดกับสนาม i-mobile stadium สนามแข่งรถแห่งนี้ผ่านมาตรฐานระดับโลกแล้วเช่นกัน แน่นอนว่า สามารถจัดแข่งรถรายการดังๆ อย่าง ฟอร์มูล่าวัน และโมโตจีพีได้อย่างสบายๆ
................
มาถึงตรงนี้แล้ว ฉันออกจะชื่นชม “เนวิน ชิดชอบ” จริงๆ ที่พยายามผลักดันให้บุรีรัมย์เป็น “สปอร์ตทัวริสซึ่ม” คือใช้การกีฬามาดึงดูดนักท่องเที่ยว และยิ่งเป็นกีฬาในกลุ่มมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เศรษฐกิจของบุรีรัมย์จะสูงขึ้นได้อย่างก้าวกระโดด
การที่บุรีรัมย์จะเป็น 1 ใน 5 destinations ที่ทุกคน “ต้องมา” นั้นคงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะขนาดทีมฟุตบอลเล็กๆ ที่หลายคนมองว่า “เซาะกราว” หรือ “บ้านนอก” เนวิน ชิดชอบ ก็ยังสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทยได้ เพราะ “บุรีรัมย์ยูไนเต็ด” เป็นทีมฟุตบอลแรกและทีมเดียวที่คว้าแชมป์ 4 รายการในฤดูกาลเดียว
ตลอดเวลาที่ได้เดินทางท่องเที่ยวอยู่ในบุรีรัมย์ เมืองแห่งการกีฬานี้ทำให้ฉันค้นพบคำตอบของความสัมพันธ์กันระหว่างการท่องเที่ยวและกีฬา นั่นก็คือ ...กิจกรรมที่มี “คุณค่า” และมี “มูลค่า” มหาศาล
...................
การเดินทาง
เดี๋ยวนี้ไปบุรีรัมย์ได้ง่ายๆ สายการบินแอร์เอเชีย มีเที่ยวบินให้บริการทุกวัน ดูเพิ่มเติมที่ www.airasia.com ส่วนสายการบินนกแอรืก็มีเที่ยวบินให้บริการทุกวันเช่นกัน รายละเอียดที่ www.nokair.com
แต่ถ้าใครจะขับรถมาก็สะดวกสบาย ระยะทางห่างจากกรุงเทพฯ ราว 410 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชั่วโมงก็ถึง คือจากกรุงเทพฯ ให้ขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ถึงสระบุรีเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 224 และทางหลวงหมายเลข 24 (โชคชัย-เดชอุดม) ผ่านอำเภอหนองกี่ อำเภอนางรอง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ตัวจังหวัดบุรีรัมย์
สำหรับรถโดยสารประจำทางมีทั้งของบริษัท ขนส่ง จำกัด และบริษัทเอกชน ออกจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 หรือ www.transport.co.th