ติดไฟรัก : จาก ปูซาน ถึง กรุงโซล

สวนโรมัน โรแมนติกบนเกาะ ถึง ท่งุ กุหลาบ (หลอด)ไฟ เกาหลีใต้พัฒนาเมืองด้วยแผนสร้างสรรค์เน้นบรรยากาศแห่งรัก ให้คนมาเยือนได้หวามใจได้เสมอ
จากสวนโรมัน โรแมนติกบนเกาะ ถึง ท่งุ กุหลาบ (หลอด)ไฟ LED ในอาร์ตสเปซแห่งใหม่กลางเมือง หมู่บ้านบนไหล่เขายุคสงครามเกาหลีที่ถูกระบายด้วยไอเดียศิลปะ เกาหลีใต้พัฒนาเมืองด้วยแผนสร้างสรรค์เน้นบรรยากาศแห่งรัก ให้คนมาเยือนได้หวามใจได้เสมอ
อากาศหนาว ลมแรง ฟ้ามืดเร็ว แต่แสงวิบวับของความทันสมัย และการรักษา “สมบัติเก่า” ของเมืองให้มีอัตลักษณ์ของปูซาน จากเมืองท่าเรือที่ใหญ่ที่สุด ของเกาหลีใต้ และเป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ และจากภูมิศาสตร์เมืองเต็มไปด้วยภูเขา ชื่อเมืองตามภาษาเกาหลีแปลตรงตัวว่าเมืองแห่งภูเขา ที่กลายมาเป็นเมืองทันสมัย จากแสงสปอตไลท์ในเดือนตุลาคมรับกับพรมแดงของงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน หาดแฮอึนแดกลายเป็น ริเวียร่าหรือคานส์แห่งเอเชียตะวันออก งานที่ปูซานจัดมาแค่สิบปีเศษๆ แต่ความนิยมและการยกระดับความทันสมัยของเมืองล้ำใครๆต่อใครในภูมิภาคนี้
สิบปีที่ผ่านมาปูซานพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งการพัฒนาล่าสุดที่ยกระดับของปูซาน จากเมืองตลาดสดขายปลาหมึกดุ๊กดิ๊ก (ไปชิมได้ทุกวันที่ตลาดของทะเลสด Jagulchi Market) มาเป็นเมืองแห่งศิลปะและความทันสมัย
มรดกจากยุคสงคราม ถึงศิลปะสีสดใส :Gamcheon Cultural Village
นอกจากตึกสูงระฟ้า สนามบินนานาชาติปูซานที่ทันสมัย และมีเที่ยวบินภายในประเทศโดยสายการบิน Air Busan บินตรงจากสนามบินอินชอน นอกกรุงโซล มายังปูซาน
และ หาดแฮอึนแด ย่านทันสมัยจากการเกิดเทศกาลหนังแล้ว เมืองนี้ยังมี หมู่บ้านวัฒนธรรมกัมจน (Gamcheon Cultural Village)หมู่บ้านของคนบนเขาที่มาตั้งหลักอาศัยอยู่ใกล้
แหล่งน้ำระหว่างสงครามเกาหลี (Korean War)ในทศวรรษ 1950-60 ที่กลายเป็น มรดกทางวัฒนธรรมและพื้นที่อนุรักษ์งานสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม
ณ หมู่บ้านกัมจน หรือ กัมจน-ดง(Gamcheon-dong) เดิมเป็นที่อยู่ของกลุ่มคนที่แตกต่างจากคนในเมืองปูซานอื่นๆ
และยังมีเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรม วางผังของการก่อสร้างที่อยู่อาศัย แบบขั้นบันไดให้ไล่ระดับบนไหล่เขา เพื่อให้ทุกบ้านได้มองเห็นวิว ฝั่งทะเล และหันหลังชนภูเขา หมู่บ้านนี้มีมาตั้งแต่ยุคสงครามเกาหลี ปัจจุบันคนท้องถิ่น
ยังอาศัยอยู่
เมื่อปี 2009 เริ่มมีอาสาสมัคร นักศึกษาและคนทำงานศิลปะมาอาสาช่วยปรับปรุงภูมิทัศน์ด้วยการวาดภาพและมีคนทำศิลปะหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานเพนท์ งานปั้น เซรามิค แบบจบครบกระบวนการ งานศิลปะมีทั้งสื่อสาร
จินตนาการโรแมนติก และภาพวาดบนผนังตึก จำลองภูมิสถาปัตย์อันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนไว้ ต่อมาทางการเมืองปูซาน (BusanMetropolitan City) และสมาคมชุมชนท้องถิ่น
กัมชน และหน่วยพัฒนาเมืองสร้างสรรค์ในซาฮากู หรือ Saha-gu-Creative PlaningCity Group ได้ร่วมกันพัฒนาและเปิดให้พื้นที่หมู่บ้านกัมจนนี้เป็น จุดท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของปูซาน
ตรอกซอกซอยที่แทรกตัวระหว่างช่องตึกอาคารที่อยู่อาศัยภายในหมู่บ้านเป็นบันไดวนสูงชันและแคบ ซอกแซกลงไปเหมือนเขาวงกต
กับถนนสายหลักของหมู่บ้านที่ไต่เขาเป็นรูปครึ่งวงพระจันทร์เลาะเลียบตามระดับความสูงกลายเป็นเส้นทางจินตนาการ(เดินทางสู่ดวงดาว)งานศิลปะที่มาเสริมสร้างภาพนั้น ทั้งรูปปั้นนกเป็นหลังคาตึก และภาพวาดส่งเสริม
จินตนาการอยู่บนพื้นที่ลอยฟ้าขณะที่สีสันของอาคารบ้านแต่ละหลังดั้งเดิมที่เป็นพาสเทลสีสดหลากสี กลายเป็นภาพประทับใจของผู้มาเยือน
ศิลปะสมัยใหม่เข้ามาตกแต่งหมู่บ้านแห่งนี้ เริ่มตั้งแต่ ศิลปะโมเสคหลากสีประกอบร่างเป็นรูปปลาบนกำแพงระหว่างทางลาดจากจุดจอดรถ ไปสู่ประตูทางเข้าอาณาเขตหมู่บ้านวัฒนธรรมฯ เกริ่นนำบรรยากาศของพื้นที่
ที่กลายเป็น ปลายทางของคนฮิปๆ ที่อยากจิบกาแฟ หรือจะแค่ไปเซลฟี่ รับลมเย็นบนเนินเขาและเห็นวิวเมืองปูซานที่ตึกสีหวาน พาสเทลเรียงรายอยู่อีกฝั่ง ทอดลงไปสู่ทิวเขาวาดเส้นหยักตัดขอบฟ้าตีกรอบอ่าวกัมจน (Gamcheon bay)
การเข้าไปเสพศิลป์ ทั้ง ชิมขนม ซึ่งมีทั้งร้านรวงของเอกชนเล็กๆเรียงรายตามเส้นทาง ที่ไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ตามชื่อ Stairway to Stars แล้ว ยังมีร้านชื่อ Gamheh-Matjipตึกสองชั้นๆ ล่างขายอาหารสตรีทฟู้ดอย่าง
ดกบ๊อกกี หรือลูกชิ้นสารพัดแบบ แป้งทอดทั้งหลาย และชั้นสองเป็นร้านอาหารเสิร์ฟบิบิมบับบริหารงานโดยชุมชน (Gamcheon Cultural Village Association) เช่นเดียว ร้านกาแฟเก๋ไก๋ที่มีทั้งของเอกชน และร้านของชุมชนอย่าง
Gamneh Café (กัมเน คาเฟ่ ตั้งตามชื่อดั้งเดิมของหมู่บ้าน) ที่ผลกำไรนำไปสมทบทุนการพัฒนาชุมชน Gamcheon ต่อไป
ถ้าอยากได้วิวหรือฉากถ่ายภาพมีให้เลือกทั้งสไตล์หวานๆล้อลมทะเลอย่าง Café La Mer ที่มีแผ่นกระเบื้องรูปประการัง ปลาดาวแปะผนังด้านนอกหรือภาพวาดเจ้าชายน้อยบนผนังหน้าร้าน
กิฟช็อป นอกจากนั้น ร้านขายงานศิลปะ ของที่ระลึก ไปจนถึงมีคอร์สเวิร์คชอปศิลปะต่างๆรวมถึงพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่จัดแสดง ข้าวของเครื่องใช้ดั้งเดิมของคนในหมู่บ้าน ภาพเก่าและโมเดลหมุ่บ้านย่อส่วน เป็นต้น
หมู่บ้านวัฒนธรรมกัมจน (GamcheonCultural Village) ตั้งอยู่ในเขตซาฮากุ (Saha-Gu)ของเมืองปูซาน มีรถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่งปูซานไปถึง Yangseong Supermarket
หรือโดยสารรถไฟใต้ดิน
เสพศิลป์ที่หมู่บ้านกัมจน และไปชิมปลาหมึกสดดิ้นคลุกน้ำมันงา (กันลื่นติดคอ)จิ้มวาซาบิ ชมบรรยากาศและดูสัตว์ทะเลหน้าตาแปลกทั้งวางขายในตู้และวางขายแบกะดินที่ตลาดอาหารทะเลสด Jagalchi Market แล้ว ถึงเวลาออกไปนอกเมืองบ้าง
สวนรัก บนเกาะแวโด
ไกลออกไปจากตัวเมืองปูซาน นั่งรถผ่าน อุโมงค์ใต้ทะเลลึก มุ่งหน้าสู่เมืองแห่งหมู่เกาะกอแจโด (Geojedo) ไปลงเรือรอบสาย 09.30 น.ออกไปในทะเลอีก 2 ชั่วโมง เพื่อแวะเยี่ยมชมเกาะแวโด (Oedo)
เกาะแวโด (Oedo) เป็นหนึ่งในเกาะเล็กเกาะน้อยในหมู่เกาะ กอแจโด Goejae-Do(โด แปลว่า เกาะ) บนเกาะ มีจุดให้แวะชม ชื่อสวนพฤกษศาสตร์แวโด หรือ Oedo Botania
ระหว่างทางในเรือเฟอร์รี่ลำใหญ่ที่บรรจุคนได้ราว 50-60 คน มีจุดแวะชมวิว เกาะหินปูนรูปทรงเรียวสูงและมีช่องเขาเห็นเวิ้งน้ำทะเลสีเขียวเรียกว่า แฮกึมกัง ให้นักท่องเที่ยวบนเรือได้ถ่ายรูปราวสิบนาที ก่อนจะมุ่งตรงไปสู่เกาะที่
มีสวนสวยให้ชมการเดินทางมายังท่าเรือข้ามสู่เกาะแวโดยังต้องใช้บริการเช่ารถตู้จากบริษัททัวร์ หรือมีบริการรถโค้ชนำทัวร์มายังท่าเรือได้ หากมาทางรถโดยสารสาธารณะที่จอดท่าขนส่งในเมืองกอแจโด ต้องหารถเช่ามาที่ท่าเรือด้วยตัวเอง
ค่าเข้าชมเกาะ Oedo (แวโด) ค่าเรือข้ามฟากไป-กลับ 17,000 วอน บวกกับค่าเข้าชมเกาะ 11,000วอน รวมเป็น 28,000 วอนต่อคน
นายทุนซื้อเกาะแวโดไว้เป็นทรัพย์สินส่วนตัวและจัดสวนให้สวยโรแมนติกในสไตล์สวนยุโรป Oedo Batania ตกแต่งด้วยรูปปั้นโรมันที่เน้นอารมณ์โรแมนติก บนจุดสูงสุดเนินเขามองเห็นวิวทะเล เป็นจุดที่ผู้คนทัวร์จีนและทัวร์ไทย
ได้ไปเยือน นั่งเรือออกไปเกือบสี่สิบนาที และมีเวลาเดินชมสวน 1 ชั่วโมง 30 นาที ถ้าติดใจกับพุ่มไม้ใดมากเกินไปอาจจะทำให้ชมไม่ทั่วสวน
ไกด์ท้องถิ่น ตัวแทนจากการท่องเที่ยวเกาหลี(KTO) เล่าว่า เมื่อ 30 ปีที่แล้วนายทุนคนนี้เป็นสามีที่รักภรรยามาก จึงซื้อเกาะแห่งนี้จากรัฐบาล(เกาะอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติ) ภายในบริเวณใกล้ประตูทางเข้า มีร้านขายของที่ระลึก และมี
ห้องแสดงภาพและข้อมูลเกี่ยวกับสวนบนเกาะคร่าวๆ พร้อมภาพเหมือนเป็นศิลปะภาพโมเสคของเจ้าของเกาะที่ชื่อมิสเตอร์ อีชางโฮ ซึ่งข่าวลือว่าเป็นเครือญาติกับเจ้าของเกาะนามิ แหล่งท่องเที่ยว
ชื่อดังด้วย
มิสเตอร์อีชางโฮได้ตกแต่งสวนดอกไม้ในสไตล์สวนยุโรป มีรูปปั้นปูนปลาสเตอร์ที่เป็นชายงาม เทพธิดาและกามเทพน้อย มีวงเวียนน้ำพุ รวมถึงรูปปั้นทันสมัยในหลากหลายแนวตามจุดต่างๆ มีไม้ประดับหลากหลายพันธุ์ตั้งแต่ต้นสน
ยืนแนวที่ทางเข้า จนถึง สวนแคคตัส และดอกไม้เมืองหนาวหลากสีสัน และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมครั้งละ 1 ชั่วโมง 30 นาที ช่วงเดือนเมษายนเป็นช่วงไฮซีซั่น ดอกไม้บานและตุลาคม-พฤศจิกายน เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
สวนสาธารณะแบบนี้ เป็นสิ่งที่ดึงดูดชาวเกาหลีใต้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่คุ้นเคยกับการมีสวนสาธารณะใหญ่ๆมากนัก เสาร์อาทิตย์จึงมีคนท้องถิ่นมาเที่ยวที่นี่เยอะมากพอสมควร
บนเกาะแห่งนี้ยังมีจุดดึงดูด บ้านทรงโมเดิร์นหลบเร้นหลังพุ่มไม้ อยู่บนชะง่อนผาของเนินเขาฝั่งตรงขวาของสวนโรมัน ที่เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ดังที่เป็นคลื่นลูกแรกของบันเทิงเกาหลีครองโลก Winter Sonata (เพลงรักในสายลมหนาว) ที่นำแสดงโดย แบยองจุน และ ชเวจีวู ออกฉายครั้งแรกเมื่อปี 2002 ตามเนื้อเรื่องบอกว่าพระเอกสร้างบ้านให้นางเอก เป็นตัวแทนแห่งความรักบนเกาะสวยงามแห่งนี้
โรแมนติกต่อที่โซล
โบกมือลาลมแรงที่ปูซาน ด้วยการโดยสารรถไฟสายด่วน KTX (Korea Trians eXpress)จากปูซานถึงสถานีกลางกรุงโซล ที่นั่งในโซนราคากลางๆ มีโต๊ะพับติดหลังพนักเก้าอี้ให้วางอาหารหรือนั่งเขียนหนังสือในเวลาเดินทางราวสองชั่วโมง
ครึ่ง เพราะในรถไฟโดยสารสาธารณะ ห้ามการคุยโทรศัพท์หรือพูดคุยเสียงดังที่มหานครของเอเชียตะวันออกแห่งนี้ การท่องเที่ยวเกาหลีใต้จัดแพ็คเกจแนะนำอย่างเป็นทางการ กับการเที่ยวตามเส้นทาง โรแมนติก
อ้างอิง ฉากหนัง และสถานที่ถ่ายทำซีรีส์รักน้ำตาเล็ดที่โด่งดังไปทั่วโลก จากเกาะแวโดกับเพลงรักในสายลมหนาว มาถึงเมืองหลวงกรุงโซล ที่ยุคนี้ไม่มีเรื่องใดฮ็อตเท่า My Love From the Star ซีรีส์ที่ จวอนจีฮยอน นางเอก
ซูเปอร์สตาร์เกาหลีกลับมาอีกครั้งในเรื่องราวรักข้ามยุคข้ามสมัยออกฉายเมื่อปี 2013และหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำและถูกปั้นให้เป็น“ปลายทางของคนมีความรัก” คือ หอคอยกรุงโซล N Soul Tower (N หมายถึง New จากการบูรณะ
ครั้งล่าสุดเดือนธันวาคม ปี 2005) บนยอดเขานัมซาน (Numsan) ซึ่งมีทั้งสะพานให้คล้องกุญแจล็อคความรัก แผ่นโมเสคเขียนข้อความประดับภาพถ่ายโพลารอยด์ประกาศความรัก นอกเหนือการขึ้นไปชมวิวของกรุงโซลบน
ยอดหอคอย ด้วยความสูง 236.7 เมตร ตั้งอยู่บนยอดเขานัมซาน ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 243 เมตร ถ้าจะขึ้นไปชมหอคอยจ่ายตังค์ 9,000 วอนบนชั้น Observatory ชมวิวยังมีร้านอาหารหรูที่แฟนตามรอยซีรีส์ สามารถ
แวะไปชิมเมนูเด็ดจากเชฟระดับมิชลินสตาร์
ติดกุหลาบไฟในหน้าหนาว
จากฉากหลังในซีรีส์เกาหลี My Love Fromthe Star ตอนที่ 14 ดงแดมุน ดีไซน์ พลาซ่าแอนด์ปาร์ค (Dongdaemun Design Plaza &Parkหรือ DDP) เป็นพื้นที่ “สร้างสรรค์” สำหรับคนเมือง แห่งมหานครกรุงโซล ยุคมิลเลนเนียม
ที่หน้าตาทันสมัย และยังคงบรรยากาศแห่งความโรแมนติกสไตล์เกาหลี
DDP คือ อาคารศูนย์ศิลปะแห่งใหม่ในรูปทรงฟรีฟอร์มเป็นโลหะผิวเมทัลลิกสีเงินสะท้อนแสงไฟ มองมุมไกลเหมือนยานอวกาศอาคารออกแบบโดยสถาปนิกซื่อดังระดับโลก ซาฮา ฮาดิด (Zaha Hadid) มีทั้งหมด 6 ชั้นใต้ดิน 3 ชั้น บนดิน 3 ชั้น ใช้เวลาสร้างถึง 4 ปี
ตามแผนพัฒนาเมืองของมหานครโซล เริ่มเปิดบริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2014 พื้นที่ของ DDP อยู่คนละฟากฝั่งถนนกับอาคารดงแดมุนพลาซ่า แหล่งชอปปิงย่านดงแดมุน ภายในและนอกอาคาร มีพื้นที่แสดงงานศิลปะ
และพื้นที่ส่งเสริมตลาด อาร์ตมาร์เก็ต โดยเฉพาะแบรนด์ท้องถิ่นและการสร้างสรรค์ของคนทำงาน ศิลปะ แฟชั่นและดีไซน์รุ่นใหม่ของเกาหลีใต้เอง ไฮไลต์ในช่วงหน้าหนาวล่าสุดจากเดือน พฤศจิกายน 2015-กุมภาพันธ์ 2016 มีทุ่งกุหลาบ
ติดไฟ LED เป็นฉากหลังให้กับผู้มาเยี่ยมชมบนพื้นที่สาธารณะด้านข้างอาคาร DDP ด้วย
กุหลาบติดไฟ (LED Flowers) ที่ว่านี้ เป็นการนำหลอดไฟ LED ที่มีแสงสว่างนวลตาและเป็นหลอดประหยัดไฟ ถูกติดบนก้านหลอดไฟรูปทรงเป็นก้านดอกกุหลาบ และตัวกลีบดอกเป็นวัสดุผ้าใยสังเคราะห์สีขาวทนความร้อน
กุหลาบติดหลอดไฟ 25,550 ดวง จะเปิดไฟ ให้ชมทุกวัน เฉพาะช่วงเวลา 5-6 โมงเย็นเท่านั้นงานนี้จัดแสดงถึง 29 กุมภาพันธ์ศกนี้เท่านั้น (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ddp.or.kr)
ที่ไหนๆ ใน ปูซานหรือโซล เต็มไปด้วย จุดบอกรัก และเห็นภาพหนุ่มสาวรุ่นใหญ่รุ่นเล็กจับคู่ “ซารังเฮโย” กันทุกจุดชมความงาม และผ่อนคลาย ฉากหลังที่ตกแต่งเพื่อให้คนมีความรักมาสร้างภาพความสุข ความทรงจำ
จึงอยากจะเตือนไว้ว่า ใครจะไปเที่ยวเกาหลีใต้ในฤดูนี้ที่อุณหภูมิต่ำถึงต่ำมาก (13 องศาถึงติดลบ) จากช่วงนี้ถึงเดือนมีนาคม อย่าเดินทางคนเดียว ถ้าไม่อยาก(เหงา)หนาวตาย
ริมทาง
โรแมนติกอ้างอิง ฉากหนัง และสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ น้ำตาเล็ดที่โด่งดังไปทั่วโลก จาก เกาะแวโด กับเพลงรักในสายลมหนาว มาถึงเมืองหลวง กรุงโซล ที่ยุคนี้ไม่มีเรื่องใดฮ็อตเท่า My Love From the Star ซีรีส์ที่ จวอนจีฮยอน นางเอกซูเปอร์สตาร์เกาหลีกลับมาอีกครั้งในเรื่องราวรักข้ามยุคข้ามสมัยออกฉายเมื่อปี 2013และที่ หอคอย N Seoul Tower งานศิลปะที่ยังอ้างอิงความฮิตของซีรีส์
เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาซื้อบริการ “วาดภาพเหมือน” ที่บริเวณทางขึ้นหอคอยด้วย
------------------
เก็บมาฝาก
เจ้าชาย ในหมู่บ้าน
รูปปั้นเจ้าชายน้อย และเพื่อนรักของเขา เจ้าจิ้งจอก(Desert Fox) ตัวละครจากวรรณกรรมเด็กคลาสสิกของฝรั่งเศส เจ้าชายน้อย (The Little Prince) งานเขียนและวาดภาพประกอบต้นฉบับโดย อังตวน แซงเต็ก เดอ ซูปรี ตีพิมพ์ครั้งแรก ร่วมยุคกับประวัติศาสตร์หมู่บ้านกัมจน ซึ่งได้รับการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองอย่างสร้างสรรค์ให้เป็น หมู่บ้านวัฒนธรรมกัมจน Gamcheon Cultural Village
เจ้าชายน้อย และเจ้าจิ้งจอก ในเวอร์ชันนี้ ยังคงใช้สีหลักตามต้นฉบับภาพวาดประกอบหนังสือของแซงเต็ก เดอ ซูปรี (เจ้าชายผมทองกับเสื้อคลุมสีเขียว) แต่รูปหน้าที่ให้คาแรคเตอร์พระเอกเกาหลีตั้งอยู่บนที่สูงชิดขอบไหล่เขา ณ บริเวณเกือบกึ่งกลางของทางเดินวงพระจันทร์เสี้ยวของหมู่บ้าน มองออกไปเหนืออ่าวกัมจน เห็นวิวหมู่บ้านสีพาสเทล ณ ไหล่เขาอีกฟาก
งานศิลปะที่สร้างสรรค์โดยศิลปินรุ่นใหม่ สร้างสีสันให้สถานที่เก่าแก่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวเมืองปูซาน จินตนาการที่อ้างอิงถึงเรื่องราวเจ้าชายกับเพื่อนยากของเขา เจ้าจิ้งจอกทะเลทราย ที่เดินทางผ่านดวงดาวต่างๆ และได้แวะพักมาชมวิว ณ หมู่บ้านกัมจนแห่งนี้ เป็นจุดที่นิยมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เพราะได้ทั้งทิวทัศน์ทั้งหมดของบริเวณหมู่บ้านและอ่าวกัมจน
หมู่บ้าน Gamcheon Cultural Village ตั้งอยู่ที่เขต Saha-gu เมือง Busan เปิดให้เข้าชมฟรี แต่มีค่าแผนที่ ราคา 2,000 วอน
-----
การเดินทาง
จากสนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ ถึงสนามบินนานาชาติอินชอน เมืองอินชอน เกาหลีใต้ ด้วยสายการบิน ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ (www.airasia.com) มีเที่ยว 4 เที่ยวบิน (ถึงเดือนมีนาคม) มีทุกวันเที่ยวบินเช้าสุดออกจากดอนเมืองเวลา
02.20 น. ถึงอินชอน 09.40 น. การเดินทางจากกรุงโซล-ปูซาน (Busan-Seoul) ด้วย รถไฟความเร็วสูง KTX ซึ่งมีสถานีออกจากสนามบินอินชอน ไปถึงตัวเมืองปูซาน บนรถมี 3 ชั้น คือ Deluxe, ธรรมดา และตั๋วไม่ระบุที่นั่ง ราคาที่นั่ง
ธรรมดา 59,800 วอน (วันหยุดราคาแพงกว่าธรรมดา) รถไฟวิ่งด้วยความเร็ว 360 กม/ชม.ระยะเวลา 2 ชั่วโมง 28 นาที ย่นระยะเวลาจากเดิมเดินทางด้วยรถยนต์ต้องใช้เวลา 5 ชั่วโมง ซื้อบัตรโดยสารได้ผ่าน www.letskorail.
com หรือ เคาเตอร์บริการ ณ บริเวณสถานี มีตู้ขายบัตรอัตโนมัติ สามารถรูดบัตรเครดิตซื้อได้จองล่วงหน้าก่อนวันเดินทางได้ถึงสองเดือน
-----
หมายเหตุ : เนื้อหาตีพิมพ์ครั้งแรกใน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ เซคชั่น เสาร์สวัสดี ฉบับปีที่ 17 ฉบับที่ 871 วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559