รักษ์โลก สไตล์'รายาวดี'

เป็นรีสอร์ทหรูที่รักษ์โลก รักสิ่งแวดล้อม และรักคนในชุมชน
บ่ายแก่ๆ ลิงกำลังกระโดดไปมาระหว่างต้นไม้ ตัวเงินตัวทอง คลานเพ่นพานในร้านอาหารไร่ทะเลเทอเรส บ่ายอีกวัน ชาวต่างชาติเดินทอดน่องถ่ายรูปในรีสอร์ท และอีกหลายเรื่องที่ธรรมชาติเป็นใจให้คนและสัตว์มีความสุข
นี่คือส่วนหนึ่งในรายาวดี รีสอร์ท อ่าวพระนาง จ.กระบี่ ซึ่งหลายคนคงรู้สึกชื่อเสียงเป็นอย่างดี
สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้น หากผู้บริหารไม่มุ่งมั่นตั้่งใจรักษาธรรมชาติเป็นอย่างดี
แม้ยุคนี้เรื่องกรีนๆ จะมาแรง โดยเฉพาะเรื่องที่พักที่ใส่ใจต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ใส่ใจอย่างเดียวไม่พอ ต้องเข้าใจคำว่า เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ไม่เช่นนั้น ฝูงนก ฝูงสัตว์ คงถูกกีดกันออกจากพื้นที่ แต่วิเชียร พงศธร กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ ผู้บริหารรายาวดี ซึ่งมีความสนใจเรื่องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงชุมชนเป็นทุนเดิม และรักต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ ก็เข้าใจดีว่า แท้จริงแล้วมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ และโหยหาธรรมชาติ
เท่านั้นยังไม่พอ ต้องเชื่อมโยงเกื้อกูลกับชุมชนด้วย และนั่นทำให้พนักงานส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่น มีเสน่ห์แบบไทยๆ มีรอยยิ้มและการบริการอยู่ในสายเลือด
จึงไม่แปลกใจที่รายาวดี รีสอร์ท ในอ่าวพระนาง ที่โอบล้อมด้วย 3 หาดทราย อันได้แก่ หาดพระนาง, หาดไร่เลย์ และหาดน้ำเมา จะได้รับรางวัลมากมายจากนิตยสารหลายแห่ง ที่นี่จัดเป็นรีสอร์ทหรูที่คนต่างชาติเลือกมาพัก แม้จะมีราคาแพง ก็มีธรรมชาติที่งดงามโอบล้อมด้วยภูเขาหินปูน ทะเลสีคราม โดยตั้งอยู่บนสวนมะพร้าวกว่า 60 ไร่
กว่า 27 ปีที่รายาวดี ดูแลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี สวนในรีสอร์ทไม่จำเป็นต้องดัดแปลงจนเกินงาม สิ่งสำคัญคือ ธรรมชาติ แม้กระทั่งการออกแบบห้องพักพาวิลเลี่ยน2 ชั้น 96 ห้องและห้องพักแบบวิลล่า 5 หลัง ก็เน้นรูปทรงกลม เนื่องจากง่ายต่อการวางแปลง โดยไม่รบกวนธรรมชาติ ไม่ต้องตัดต้นไม้
"ที่นี่จะไม่ตัดต้นไม้ มีต้นมะม่วงอายุกว่า 70 ปี มีลิง กระรอก บางทีหลงไปในห้องพัก แขกต้องมาเรียกพนักงานไปช่วยต้อนออกไป ซึ่งพิสูจน์ได้ว่า คนอยู่กับธรรมชาติได้ " อภิชาติ ด่านรุ่งดำรงค์กุล ผู้อำนวยการฝายวิศวกรรม รายาวดี เล่า และโยงถึงระบบน้ำเสียว่า จะไม่มีการปล่อยน้ำเสียลงสู่ทะเล หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศและภูมิทัศน์ชายฝั่ง
"เนื่องจากเรามีบ่อบำบัดน้ำเสียส่วนกลาง และน้ำที่ใช้ในไร่เลย์ก็มาจากน้ำบาดาล เรานำมาลดความเค็ม เพื่อใช้อุปโภค เราใส่ใจเรื่องการดูแลธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การออกแบบก่อสร้าง ซึ่งการปล่อยน้ำเสียลงคูคลอง จะไม่มีสารเคมีปนเปื้อน และมีการสูบน้ำบางส่วนมารดต้นไม้ ถ้าไม่จัดการเรื่องน้ำดีๆ จะมีปัญหากับชุมชน"
ด้วยเหตุผลนี่เอง ทำให้รายาวดีเป็นรีสอร์ทที่ดูกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด มีแม้กระทั่งนกเงือก ค่างแว่น ลิงแสม กระรอก ฯลฯ ต้นไทรที่สูงใหญ่ จิกทะเล ต้นน้อยโหน่ง มะขามป้อม ฯลฯ และต้นมะพร้าวหุ่นสูงชลูด "มีใบไม้เยอะ ก็เอาเครื่องย่อยใบไม้มาใช้ เพื่อทำเป็นเศษเล็กๆ นำไปทำปุ๋ย ปกคลุมดิน เพื่อรักษาความชื้น และมีการทำน้ำอีเอ็ม เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้เยอะ " อภิชาติ เล่าถึงสิ่งเล็กๆ ที่หลายคน อาจมองข้ามในรายาวดี
ไม่เว้นแม้กระทั่งขยะมูลฝอย มีทั้งการแยกขยะเปียกและขยะแห้ง ถ้าเป็นขยะเปียก จำพวกำเศษเนื้อ เศษข้าว น้ำมันพืช ก็มีผู้ประมูลนำไปทำอาหารสัตว์ ส่วนขยะแห้ง พวกกระดาษลูกฟูก แกลลอน พลาสติก ก็นำไปขายได้
ส่วนในเรื่องการดูแลอนุรักษ์ต้นไม้พื้นถิ่นให้เหมาะกับภูมิอากาศ จะมีครูต้อ-ธราดล ทันด่วน หมอต้นไม้หรือรุกขกร เป็นที่ปรึกษา ดูแลภาครวม และนั่นทำให้ที่นี่ร่มรื่นคล้ายๆ สวนป่าที่ได้รับการดูแลอย่างดี ต่างจากรีสอร์ทหรูทั่วไป แต่น่าเสียดายที่มีแขกคนไทยไม่มากนัก
“เคยมีศิลปินวาดรูปต่างชาติมาพักที่นี่เกือบสามเดือน กิจวัตรก็ไม่มีอะไรมาก ออกไปวาดรูป พักเงียบๆ เขาคงชอบธรรมชาติ และมาทุกปี " ดาลิน สนิทวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป รายาวดี เล่า และนั่นทำให้นึกถึงการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน
"บริษัทในเครือที่บริหารจัดการที่นี่ จึงได้ตั้งมูลนิธิเอ็นไลฟขึ้นมา เพื่อทำงานด้านสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติอย่างยั่งยืนในพื้่นที่ โดยทำให้คนในชุมชน และผู้ประกอบการธุรกิจ ตระหนักรู้ถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ที่ผ่านมา ทำทั้งเรื่องปะการังเทียม การอนุรักษ์หอยชักตีน และการทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการรีสอร์ทในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และตอนนี้ให้พนักงานและคนในชุมชนลองปลูกข้าวสังข์หยดบนพื้นที่สี่ไร่ ซึ่งผลผลิตยังน้อยอยู่ แต่ก็นำข้าวไปแจกนักเรียนในพื้นที่" สุจิตรา คำปลิว ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัทพรีเมียร์ รีสอร์ทและโรงแรม กล่าว
"ปีแรกเด็กๆ ก็ปลูกข้าวแน่นเกินไป เราได้พนักงานในเครือที่รู้เรื่องนี้ไปแนะนำการปลูกข้าวอินทรีย์ บางทีก็เชิญปราชญ์ชาวบ้านมาให้ความรู้ และบางทีแขกผู้มาพักนึกสนุกก็ไปเกี่ยวข้าวด้วย"
ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการเชื่อมโยงกับชุมชน ก็คือ ดอกผลความยั่งยืน และไม่แปลกที่สถานที่แห่งนี้กลายเป็นรีสอร์ทชั้นนำที่ต่างชาติอยากมาพัก