สกอตที มัวร์ หัวหอกร็อคแอนด์โรลล์

สกอตที มัวร์ หัวหอกร็อคแอนด์โรลล์

นิตยสาร The Rolling Stone จัดให้สกอตที มัวร เป็นนักกีตาร์อันดับที่ 29 ของยอดนักกีตาร์ใน 100 อันดับตลอดกาล

 

  สกอตที มัวร์ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ เอลวิส เพรสลีย์  เสียชีวิตที่บ้านในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี่ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่เพิ่งผ่านมา ปรากฏเป็นข่าวในสื่อชั้นนำของสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ

สกอตที มัวร์ เป็นนักกีตาร์ที่บุกเบิกดนตรีร็อคแอนด์โรลล์ เป็นผู้ออกแบบแนวดนตรี และเป็นผู้จัดการคนแรกของเอลวิส เพรสลีย์ ผู้ได้รับสมญานามว่า “ราชาร็อคแอนด์โรลล์”

ก่อนหน้าที่จะมาเจอเอลวิส ทั้ง สกอตที มัวร์ และ บิลล์ แบล็ค เล่นอยู่ในวง “สตาร์ไลท์แรงเกลอร์ส” ที่มี ดัก พอยน์เด็กซเตอร์ เป็นหัวหน้าวง

แซม ฟิลลิป โปรดิวเซอร์ เจ้าของ “ซันเร็คคอร์ดส” ได้นัดแนะ สกอตที มัวร์, บิลล์ แบล็ค เจอกันที่บ้าน ซึ่งตรงกับวันชาติอเมริกาพอดี โดยต้องการให้นักดนตรีทั้งสองคนเล่น “แบ็คอัพ” ให้เอลวิสร้องนำ โดยสกอตทีเสนอให้เอลวิสดีดคอร์ดเล่นริธึ่มไปด้วย ตัวเขาเองเล่นกีตาร์โซโล บิลล์ แบล็ค เล่นดับเบิลเบส หรืออัปไรท์เบส โดยดีดและตบสาย

5 กรกฏาคม 1954 ทั้งสามคนและแซมเจอกันที่ห้องบันทึกเสียง “ซัน” เริ่มลงมือซ้อมกันตั้งแต่เย็น การซ้อมเป็นไปอย่างไม่ค่อยราบรื่นนัก ยังหาจุดลงตัวไม่ได้ เอลวิสร้องอัดเสียงเพลงแรก I Love You Because แล้วร้องเพลง “คันทรี” อีก 2-3 เพลง แต่ยังไม่สบอารมณ์ ทุกคนเลยหยุดพักการซ้อม

ช่วงที่พัก เอลวิส ทำตลกโปกฮา โดยร้องเพลงบลูส์ That’s All Right Mama ของ อาร์เธอร์ คลัดอัพ ไปด้วย ปกติบิลล์ แบล็ค เป็นคนขี้เล่นอยู่แล้ว จึงเล่นเบสตาม สกอตทีดีดกีตาร์ผสมโรงไปอย่างสนุกสนาน ร้องเล่นเย้าแหย่กันอย่างครึกครื้น ผลออกมาสะดุดหูแซม ฟิลลิป สั่งให้อัดเทปไว้ ผลเป็นที่พอใจของทุกคน

วันรุ่งขึ้น ทั้งสามคนร้องและเล่นอัดเสียงเพิ่มอีก 4 เพลง มีเพลง Blue Moon of Kentucky รวมอยู่ด้วย เพลงนี้ บิลล์ มอนโร ผู้แต่งเป็นทั้งนักแมนโดลินและนักร้อง “คันทรี” ประเภท “บลูแกรสส์” เคยร้องอัดแผ่นเสียงมาก่อน

ต้นฉบับเพลง Blue Moon of Kentucky เป็นจังหวะ 3/4 ลีลา “วอลท์ซ” ค่อนข้างช้า บิลล์ แบล็ค เริ่มตั้งจังหวะเล่นเบสนำมาก่อน เอลวิสและสกอตทีเข้าสวมตาม บิลล์ แบล็ค ตบเบส แล้วร้องเลียนแบบ บิลล์ มอนโร เจ้าตำรับด้วยการบีบเสียงสูงที่เรียกว่า “เสียงแสร้ง” (falsetto) แล้วเปลี่ยนจังหวะเป็น 4/4 พร้อมกับเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น กระชับขึ้น คึกคัก แตกต่างจากต้นฉบับ ฟังเป็นเพลงป๊อปมากขึ้น แซมชอบใจมาก ตัดสินใจสั่งให้อัดลงแผ่นเสียง เพลง That’s All Right โดยตัดคำว่า mama ออกจากชื่อเพลงเดิม เหลือเพียง That’s All Right อีกด้านหนึ่งของแผ่นเป็นเพลง Blue Moon of Kentucky

  แซม ฟิลลิป นำเพลง That’s All Right และ Blue Moon of Kentucky ส่งไปให้นักจัดรายการเปิดออกอากาศทางสถานีวิทยุ WHBQ เริ่มได้รับการตอบรับจากคนฟัง

อีก 3-4 เดือนต่อมา ออกแสดงสดทางรายการวิทยุ “ลุยเซียนา เฮย์ไรด์” ใช้ชื่อว่า เอลวิส เพรสลีย์ แอนด์ “บลูมูน บอยส์” เอลวิส และบลูมูน บอยส์ ออกตระเวนแสดงทางใต้ของสหรัฐหลายเมือง แต่ไม่ค่อยได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงคันทรี ทั้งนี้อาจเป็นเพราะแนวเพลงไม่ได้เป็น “คันทรี” แม้ทุกคนจะมีพื้นฐานจากเพลงคันทรีก็ตาม

โดยเฉพาะแนวการเล่นกีตาร์ของ สกอตที มัวร์ แหวกแนว ถึงแม้จะมีรากฐานจากเพลงคันทรี เขาฟังกีตาร์หลากหลายสไตล์ ออกแนวคันทรี สกอตที ได้รับอิทธิพลจาก เมิร์ล แทรวิส และ เชต แอตกินส์ ได้เทคนิคการใช้นิ้วมือขวาดีดสาย โดยเฉพาะเชต ที่สกอตชอบเป็นพิเศษ แนวการเล่นของเชตใช้เทคนิคแบบกีตาร์คลาสสิก บางครั้งใช้ “พิก” สวมนิ้วมือขวาเล่น Flat picking แบบพวก “บลู แกรสส์” มีความเชี่ยวชาญการเล่นเสียง “ฮาร์มอนิกเทียม” (artificial harmonic) เอกลักษณ์ของเชตในการดีดเบสผสมคอร์ด โดยใช้ด้านในของฝ่ามือปิดลงบนสายเพื่อให้ได้เสียงบอด ส่วนทางแจ๊ส สกอตทีติดตามแนวการเล่นของ ทัล ฟาร์โลว์ ทางบลูส์ เขารับเอาอิทธิพลของ บี.บี.คิง...

ในยุคนั้นต้องถือว่า สกอตที มัวร์ เป็นนักกีตาร์หัวก้าวหน้า มีแนวการเล่นโดดเด่นมาก ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน จนถือเป็นต้นแบบ ริเริ่มการเล่นกีตาร์ “ร็อคแอนด์โรลล์”

สกอตทียังมีความสามารถในด้านการบันทึกเสียงด้วย เมื่อเอลวิสและนักดนตรีที่เล่นแบ็คอัพให้ย้ายไปสังกัดแผ่นเสียง “อาร์ซีเอ วิกเทอร์” โดย พันเอกทอม พาร์กเกอร์ ซื้อสัญญาจาก “ซันเร็คคอร์ด” ทางวงเพิ่ม ดี.เจ. (โดมินิค โจเซฟ) ฟอนแทนา เข้ามาตีกลอง เพื่อเสริมให้วงมีความหนักแน่นขึ้น ทอมยังดูแลด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ขณะเดียวกัน ทั้งเอลวิสและวงก็ได้นำแนวเพลงบลูส์, กอสเปล, อาร์แอนด์บี และ คันทรี มาหลอมรวมเป็นดนตรีแนวใหม่เป็นที่ถูกอกถูกใจแฟนเพลงในสมัยนั้น ซึ่งต่อมาเรียกดนตรีแนวนี้ว่า “ร็อคแอนด์โรลล์”

หลังจาก That’s All Right และ Blue Moon of Kentucky เพลงแนวใหม่ของเอลวิสและบลูมูนบอยส์ เริ่มได้รับความสนใจจากแฟนเพลง ต่อจากนั้น 2 ปี ช่วงที่เอลวิสและวงอยู่ในความดูแลของ ทอม พาร์กเกอร์ สังกัดบริษัท “อาร์ซีเอ วิกเทอร์” เอลวิสได้ออกแผ่นซิงเกิล มีเพลง Heart Break Hotel ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งของแผ่นเสียงเป็นเพลง I Was The One

เพลง Heart Break Hotel ทำให้เอลวิส เพรสลีย์ เกิดในวงการทันที เพลงดี วงดี ดนตรีเล่นมัน ประกอบกับการ พี.อาร์. ดี ชื่อของเอลวิส เพรสลีย์ ดังระเบิด

Heartbreak Hotel เป็นเพลงท่อนเดียว ความยาว 8 ห้อง ย้อนไปย้อนมา 5 เที่ยว ที่แปลกคือ มีเสียงของบลูส์ โดยใช้ “บลูโน้ต” แทรกมาเกือบตลอดทั้งเพลง ปกติเพลงบลูส์มักมีความยาว 12 ห้อง นานๆ จึงจะมี 16 ห้อง สักเพลง เพลงนี้ไม่ได้วางโครงสร้างของเสียงประสานแบบบลูส์ แต้นำเอาสำเนียงของบลูส์มาใช้

Heartbreak Hotel ร่วมแต่งกันสามคนได้แก่ เม บอเรน แอ็กซ์ทัน, ทอมมี เดอร์เดน และ เอลวิส เพรสลีย์ เนื้อร้องได้เค้าโครงมาจากข่าวหนังสือพิมพ์ เป็นเรื่องหนุ่มอกหักโดดหน้าโรงแรมลงมาตายบนถนนสายเปลี่ยว ดนตรีเล่น “สต็อปไทม์” ย้ำอยู่ 2 ครั้ง แล้วเบสเดิน walking bass ความเป็นร็อคแอนด์โรลล์ เริ่มเด่นชัดขึ้น ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา และอันดับสองในอังกฤษ เอลวิสเริ่มดังไปทั่วโลก

หลัง Heartbreak Holet เอลวิส เพรสลีย์ มีเพลงดังออกมาติดๆ เช่น Blue Suede Shoes; I Want You, I Need You, I Love You; Don’t Be Cruel; Hound Dog; Jailhouse Rock…สกอตทีมีบทบาททางดนตรีทุกเพลง ส่วน บิลล์ แบล็ก มักใช้ “ออสตินาโต” ในการเล่นเบสให้ฟัง ตื่นเต้น เร้าใจอย่างได้ผล

สกอตที มัวร์ เล่นกีตาร์กับเอลวิสในภาพยนตร์รวม 4 เรื่อง ได้แก่ Loving You; Jailhouse Rock; King Creole และ G.I.Blues

สกอตที มัวร์ เกิดใกล้เมืองแกดสเดน ในรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา วันที่ 27 ธันวาคม 1931 เรียนเล่นกีตาร์จากครอบครัวและเพื่อนๆ ตั้งแต่อายุ 8 ปี หลังปลดประจำการจากกองทัพเรือ ก็เข้าสู่วงการดนตรีอาชีพ

สกอตที มัวร์ เป็นแรงบันดาลใจให้นักกีตาร์ร็อคหลายคน เช่น คีธ ริชาร์ดส์ แห่งวงโรลลิงสโตนส์, จิมมี เพจ แห่งวง เลดเซปปลิน เจฟฟ์ เบค...นิตยสาร The Rolling Stone จัดให้สกอตที มัวร เป็นนักกีตาร์อันดับที่ 29 ของยอดนักกีตาร์ใน 100 อันดับตลอดกาล

 เรื่อง : ประทักษ์ ใฝ่ศุภการ 

ตีพิมพ์ครั้งแรกในส่วนจุดประกาย นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันพุธที่ 13 กรกฎาคม 2559