สำรวจโลกกับ "กื๋อซ์" นักผจญภัยมืออาชีพ

สำรวจโลกกับ "กื๋อซ์" นักผจญภัยมืออาชีพ

สัญชาตญาณแห่งการผจญภัยมีอยู่ในตัวทุกคน แต่น้อยคนนักจะฝ่าออกมา พร้อมลุยกับความไม่แน่นอนอันน่าตื่นเต้นในโลกกว้างใบนี้

คนทุกคนมีสัญชาตญาณในการสำรวจอยู่แล้ว แต่วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้สัญชาตญาณนั้นถูกกดทับไว้ บางคนก็ยินดีอยู่ในโซนแสนสบาย แต่หลายคนก็ฉีกกรอบออกผจญภัยในโลกกว้าง หนึ่งในนั้นก็คือ กื๋อซ์ - อนุกูล สอนเอก กูรูด้านการผจญภัย ผู้สะสมประสบการณ์ ผ่านการอบรม และบ่มทักษะการผจญภัยกลางแจ้งมาหลายแขนง อนุกูลคือครูฝึก Outdoor Professional ที่คนในวงการรู้จักกันดี

เพราะชื่นชอบสารคดีเชิงสำรวจของต่างประเทศมาตั้งแต่เด็ก อนุกูลจึงใฝ่ฝันที่จะเป็นนักวิจัยธรรมชาติ หลังจากจบปริญญาตรีด้านภูมิศาสตร์ เขาก็ได้ทำงานเป็นผู้ช่วยวิจัยในโครงการสำรวจถ้ำของกรมป่าไม้ 3 ปีในโครงการนั้นทำให้เขาได้เรียนรู้มาก แต่ทุนวิจัยด้านนี้ในเมืองไทยมีน้อย จึงไม่อาจยึดเป็นอาชีพได้ อนุกูลจึงเลือกสำรวจถ้ำเป็นงานอดิเรก แต่ต้องทำอย่างมีความรู้และปลอดภัย

“เราทำได้ระดับหนึ่ง พอไปเองสำรวจเอง ก็เจอความเสี่ยงหลายทริปเกือบตายก็มี เลยคิดว่าต้องฝึกจริงจัง ผมก็หาคอร์สฝึกที่ต่างประเทศ แล้วเริ่มสำรวจถ้ำ จากนั้นก็ปีนผา เดินป่า พายคายัค ค่อยๆ เล่นไปทีละสาย แล้วแต่ช่วง หน้าฝนเราสำรวจถ้ำไม่ได้ ก็ปรับกิจกรรมเป็นล่องแก่ง พายคายัค เล่น White Water”

“ถ้ำ” ลิ้นชักแห่งธรรมชาติ

นักสำรวจถ้ำอย่างอนุกูลบอกว่า “ถ้ำเหมือนกับลิ้นชัก เราเปิดลิ้นชัก เก็บของ แล้วปิดลิ้นชัก วันหนึ่งมาเปิดดู ทุกอย่างจะอยู่เหมือนเดิม ถ้ำเป็นอย่างนั้น” หน้าที่ของถ้ำคือเป็นสต็อกของธรรมชาติ สิ่งที่อยู่ในถ้ำเหมือนจะถูกหยุดเวลาไว้ เพราะสภาพแวดล้อมในถ้ำเปลี่ยนแปลงช้ามาก ถ้ำที่ไม่มีมนุษย์เข้าไป ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ทุกอย่างก็ยังคงอยู่เช่นนั้น สต็อกของธรรมชาติในอดีตที่ค้นพบในถ้ำสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ในรูปแบบต่างๆ

อนุกูลยกตัวอย่างการค้นพบในต่างประเทศ เคยมีนักวิจัยแบคทีเรียค้นพบแบคทีเรียโบราณในถ้ำ ซึ่งเมื่อเก็บมาทดลองแล้วพบว่าแบคทีเรียนี้สามารถกินมะเร็งได้ จึงนำมาพัฒนาเป็นยารักษาโรคมะเร็งต่อ

สิ่งมีชีวิตที่หลุดเข้าไปอยู่ในถ้ำแล้ววิวัฒนาการมาได้ก็มีความน่าสนใจ เช่น  ปลาถ้ำ ซึ่งเป็นปลาภายนอกที่หลงเข้าไปอยู่ในถ้ำแล้วปรับตัวจนกลายเป็นปลาที่ไม่มีตา หรือเหลือแค่ Spot Eyes แต่มองไม่เห็นแล้วก็มี

สิ่งที่เราไม่รู้ก็คือเมืองไทยเป็นพื้นที่ที่มีถ้ำที่หลากหลายที่สุดในโลก

“ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศเคยประเมินไว้ว่าน่าจะมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 30,000 ถ้ำ ตอนนี้ที่ผมและเพื่อนที่ต่างประเทศ เคยทำบัญชีเอาไว้ได้แค่ 2,000 กว่าถ้ำ ยังเหลืออีกกว่า 20,000 กว่าถ้ำที่ยังหลุดการสำรวจ และเราไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร”

ความพิเศษอย่างหนึ่งของถ้ำในเมืองไทยซึ่งมีความสำคัญระดับโลกเลยก็คือ

“เราเจอปลาถ้ำ 3 สปีชี่ส์ อยู่ในระบบนิเวศเดียวกัน ทั่วโลกจะมีแค่ ‘ถ้ำนี้’ ถ้ำเดียว ปกติสิ่งมีชีวิตในถ้ำ เช่น ปลาถ้ำ จะเหลือรอดแค่ 1 สปีชี่ส์ ต่อ 1 ระบบนิเวศเท่านั้น จะไม่มีที่ไหนที่มี 2 หรือ 3 สปีชี่ส์ ทั้งโลกเราเจอปลาถ้าทั้งหมด 9 ถ้ำ ในเมืองไทยที่มี 2 สปีชี่ในระบบนิเวศเดียวกัน 4 ถ้ำ และมี 3 สปีชี่ส์ที่หากินในระบบนิเวศเดียวกันแค่ 1 ถ้ำเท่านั้น นี่เป็นข้อมูลที่สำคัญมาก”

ในมุมมองของนักสำรวจถ้ำ การที่มนุษย์เข้าไปในถ้ำเปรียบเหมือนดาบ 2 คม ถ้าสำรวจด้วยความรู้ที่มีมาตรฐาน ระวังรักษาสภาพแวดล้อมของถ้ำไม่ให้มีการเปลี่ยนแปลง ก็จะนำประโยชน์ออกมาสู่โลกได้ ถ้าไม่ระวัง ก็จะทำให้สภาพแวดล้อมของถ้ำเสียหายแบบที่เยียวยายาก จึงควรมีทั้งถ้ำที่จำกัดการเข้าถึง และถ้ำที่เปิดให้สาธารณะเข้าชม (อย่างมีกฏเกณฑ์) เพราะการได้เห็นของจริงก็นำไปสู่แรงบันดาลใจของนักสำรวจเช่นกัน

ธุรกิจเฉพาะสำหรับผู้ชอบความเสี่ยง

ทัวร์เดินป่ามีอยู่มากมาย ระดับความยากง่ายก็มีหลากหลาย เมื่อความต้องการที่จะผจญภัยแบบเข้มข้นเกิดขึ้นในตลาด ทำให้อนุกูลปรับความชำนาญของเขามาเป็นธุรกิจ

“จากนั้นก็เริ่มทำธุรกิจเกี่ยวกับการผจญภัย เป็น Adventure Guide คือพาคนไป แต่เขาต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เราฝึกทักษะบางอย่างให้เขาสามารถดูแลตัวเองได้ ถ้าไปที่ที่ยากมากก็ต้องทดสอบทางเทคนิค จำลองสภาพว่าถ้าคุณมีปัญหาอย่างนี้ เราจะสอนวิธีการแก้ปัญหาให้ ถ้าแก้ไม่ได้ เรามีสตาฟไปช่วยเหลือ”

การท่องเที่ยวแบบนี้เป็นประเภท Expedition Tourism ซึ่งมีช่องว่างในตลาดอยู่ แต่เป็นกลุ่มที่เฉพาะมาก เพราะคนที่ไปต้องพร้อม มีการเตรียมตัวอย่างดี ไกด์มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัย และช่วยเหลือในกรณีที่คาดไม่ถึงเท่านั้น

แต่งานของอนุกูลไม่ได้มีเพียงด้านนี้ ความสนใจการผจญภัยทุกรูปแบบทำให้เขามีความชำนาญทั้งเดินป่า ปีนหน้าผา ปีนภูเขาสูง พายคายัค ยิงธนู ขี่จักรยานเสือภูเขา การใช้แผนที่เข็มทิศ การกู้ภัยทางน้ำ การกู้ภัยในระบบเชือก ฯลฯ เขาจึงเป็นที่ปรึกษาและครูฝึกให้กับการผจญภัยที่เกี่ยวข้องเกือบทุกแขนงด้วย

นักผจญภัยกับงานระบบเชือก

การผจญภัยในธรรมชาติต้องเจอกับสภาพภูมิประเทศหลากหลาย โดยเฉพาะที่ที่เข้าถึงยาก ทั้งการปีนผาขึ้นไปในแนวดิ่ง หรือการโรยตัวลงมาจากที่สูง การทำงานในระบบเชือกจึงมีบทบาทมาก และไม่เพียงแต่การผจญธรรมชาติเท่านั้น งานระบบเชือกยังทำงานกับหลากสาขาอาชีพ เช่น งานของรุกขกรที่ต้องปีนต้นไม่ใหญ่ งานกู้ภัยทางน้ำ ทางอากาศ การทำความสะอาดหรือติดตั้งอุปกรณ์บนอาคารสูง ความเชี่ยวชาญในงานระบบเชือกของอนุกูล จึงมีทั้งบริการทำงานและการฝึกสอนให้แก่องค์กรต่างๆ เขาเปิดบริษัท Good Attitude Consulting เพื่อรองรับงานเกี่ยวกับระบบเชือก รวมถึงการผจญภัยกลางแจ้งแบบอื่นๆ ด้วย

ฝันต่อไปของนักผจญภัย

นอกจากการสำรวจถ้ำ งานระบบเชือก และงานฝึกต่างๆ อนุกูลยังติดใจการปีนภูเขาสูงเขาเคยเป็นหัวหน้าทีมด้านเทคนิคในทีมปีนเอเวอร์เรสต์ของ TITV เมื่อปี 2007 แม้พายุและอุปสรรคหลายอย่างทำให้ทีมไม่สามารถซัมมิทยอดเอเวอร์เรสต์ได้ แต่งานนั้นก็ทำให้เขาชอบการปีนเขา และอยากกลับไปอีกครั้ง แต่คราวนี้อยากไปโดยไม่ผ่านระบบธุรกิจ เขาจึงไปเข้าคอร์สที่เนปาล

“เป็นหลักสูตรสำหรับเตรียมไกด์ของ Nepal Mountaineering ทุนคนที่จะเป็นไกด์ปีนเขาในเนปาลต้องผ่านคอร์สนี้ก่อน ผมไปอยู่เนปาลประมาณ 2 เดือน ฝึกทั้งหมด 45 วัน มี การฝึกก็สนุก ต้องไปปีนซูลูฟาอีสซึ่งอยู่ด้านหลังเทือกเขาอันนะปุรณะ แถวจังหวัดมานัง เขาสอนทุกอย่าง ตั้งแต่เทคนิคการปีน ไปจนถึงการจัดการลูกค้า”

เมื่อมีใบอนุญาตไกด์ของเนปาลแล้ว การไปปีนภูเขาสูงในเนปาลก็เป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่ในความฝันลึกๆ อนุกูลอยากจะเป็นไกด์ปีนภูเขาสูงในระดับนานาชาติ ซึ่งสามารถเป็นไกด์ปีนภูเขาสูงได้ทั่วโลก นี่คือเป้าหมายที่วางไว้ในอนาคตอันไกล

DNA ของนักผจญภัยมักสนุกกับความไม่แน่นอน ตื่นเต้นกับสิ่งที่ไม่เคยพบ ระหว่างทางของเป้าหมายระยะยาวนั้น อาจพาอนุกูลไปเจอสิ่งที่ไม่คาดฝันด้านอื่นอีก ซึ่งนักผจญภัยก็พร้อมเสมอ