'ตูน บอดี้สแลม' สานต่อโปรเจ็ค 'ก้าวคนละก้าว' กลางปีนี้

'ตูน บอดี้สแลม' สานต่อโปรเจ็ค 'ก้าวคนละก้าว' กลางปีนี้

"ตูน บอดี้สแลม" สานต่อโปรเจ็คโครงการ "ก้าวคนละก้าว" อีกครั้งกลางปีนี้ เผยเหตุที่ต้องวิ่งต่อ เพราะความช่วยเหลือยังรออยู่

สร้างปรากฎการณ์ "ก้าวคนละก้าว" เพื่อช่วยโรงพยาบาลทั่วประเทศมาแล้ว ล่าสุด "ตูน บ อดี้สแลม" ที่มาร่วมส่งมอบหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดสมองตัวแรกของเอเชียแปซิฟิกให้กับโรงพยาบาลมงกุฏเกล้า โดยในงานนี้นักร้องขวัญใจประชาชนได้เปิดเผยว่าเตรียมทำโครงการนี้อีกครั้งในปีนี้

วันนี้มามอบหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดสมอง
ตูน : "วันนี้มาเป็นตัวแทนของคนไทยทุกคนที่ร่วมกันบริจาคในโครงการก้าวคนละก้าวเมื่อปลายปี 2560 ที่ผมวิ่งจากเบตงมาถึงแม่สาย แล้วเราก็ได้กระจายเงินบริจาคไปทั้ง 11 โรงพยาบาล รวมถึงโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ที่เป็นศูนย์กลาง ศูนย์รวมเงินบริจาค แล้วก็วันนี้โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าได้ซื้อเครื่องหมายเครื่องมือหลายเครื่อง รวมถึงมีเครื่องหนึ่งที่ทันสมัยที่สุด เพื่อช่วยรักษาคนไข้ทุกคนได้"

พลตรีนิมิตร์ : เครื่องนี้เป็นเหมือนเครื่องมือผ่าตัดสมอง ในการเข้าไปของเครื่องมือเป็นการนำทางไม่ให้ไปผ่าตัดโดนสมองที่ดี เนื้อสมองจะเหมือนกันหมด ถ้าเราสามารถไปถึงจุดที่เราผ่าตัดได้โดยตรง ไม่ไปทำลายสมองส่วนอื่นๆ ก็จะทำให้คนไข้ฟื้นตัวเร็ว อันนี้ก็ได้ใช้กับคนไข้ไปแล้ว วันนี้คนไข้ก็มาขอแสดงความยินดีและขอบคุณคุณตูนด้วย"

เป็นยังไงบ้างที่ได้เห็นคนไข้ที่เขาได้ใช้เครื่องมือนี้
ตูน : "จริงๆ แล้วมันเป็นเครื่องแรกในเอเชียแปซิฟิก และได้มาอยู่ในรพ. รัฐบาลที่ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ และสามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้ ทุกสิทธิได้หมดกับเครื่องหมายเครื่องมือที่ทันสมัยอันนี้ ซึ่งความภาคภูมิ ความน่าดีใจ ความน่าปลาบปลื้มใจอันนี้ ผมคิดว่าเป็นของพี่ๆ คนไทยทุกคนที่ช่วยกัน ของเด็กน้อยๆ ที่ช่วยกันคนละหมายคนละมือที่ทุบกระปุกออมสินมาบริจาค ทุกๆ คนมีส่วนในเครื่องไม้เครื่องมือเหล่านี้ มีส่วนทำให้พี่คนหนึ่งหายป่วยอย่างเร็ว เข้ามารักษา 7 วันผ่าตัดสมองแล้วกลับบ้านได้เลย ความดีใจเหล่านี้เป็นของทุกคนจริงๆ พี่ๆ สื่อมวลชนด้วยที่ช่วยกระจายข่าวของโครงการที่ผ่านมา"

ได้ขึ้นไปชมข้างบนแล้ว เป็นยังไงบ้าง
ตูน : "ได้มีเครื่องหมายเครื่องมือเยอะแยะ ถ้าสามารถมาช่วยประสิทธิภาพในการรักษาดีขึ้น ทุกอย่างตกมาสู่กับพวกเรานี่แหละ"

รู้สึกยังไงที่โครงการที่เราทำมันส่งผลและเห็นผลได้แบบนี้
ตูน : "จริงๆ ความตั้งใจเราที่ทำโครงการก้าวคนละก้าวมาตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา เราเริ่มจากการที่เราถูกขอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล จากคุณหมอว่าเราเป็นคนที่อยู่สื่อ แล้วพอที่จะมีเสียงเล็กๆ ที่คนได้ยิน และมาขอความช่วยเหลือเราให้มาใช้ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ ซึ่งเรายินดีอยู่แล้ว เราได้ทำต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ เรารู้สึกว่ามันมีความสุข ที่สัมมาอาชีพเรา หรือ ความเป็นเรา มันสามารถที่จะมีประโยชน์ได้มากขึ้นกว่าเรื่องของดนตรี เรื่องของงานหลักของเราอย่างเดียว คิดว่าอยากจะทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็ทำในแบบของเรา ทำในความสุขของเรา วิธีการของเรา โดยที่เราไม่ได้มุ่งเน้นแค่เงินบริจาคอย่างเดียว สุดท้ายเราอยากให้คนไทยเริ่มต้นในการดูแลสุขภาพของตัวเอง เพราะว่ามันเป็นต้นทางที่ดีที่สุด"

พลตรีนิมิตร์ : "มีผลอย่างมากเลย จะเห็นได้ว่าคนออกมาวิ่งกันเยอะมาก ในส่วนของเงินบริจาคทั้งหมด เรายังเก็บไว้ส่วนหนึ่งในยูนิตช่วยชีวิตในอาคารใหม่ อาคารอุบัติเหตุ และยูนิตนั้นเราอาจจะให้เครดิตกับโครงการก้าวคนละก้าวเหมือนกัน โดยยูนิตนี้จะสามารถช่วยคนไข้ได้อย่างทันสมัยและรวดเร็ว"


เห็นว่าปีนี้ก็จะมีโครงการก้าวคนละก้าวอีก
ตูน : "อย่างที่บอกว่าถ้าเราสามรถเป็นประโยชน์กับใครได้ต่อไป เราก็อยากทำต่อไปอีกเรื่อยๆ คิดว่าปีนี้อยากจะลงไปทำในโรงพยาบาลในระดับจังหวัด ในระดับอำเภอ เพราะตลอดทางที่วิ่งไปเบตง-แม่สาย ก็มีคนเข้ามาขอความช่วยเหลือว่าคราวหน้าอย่าลืมคิดถึงเขา มาจัดกิจกรรมให้เขาบ้าง ทีมงานของเราก็เก็บเอามาเป็นข้อมูลว่าตรงนั้น ตรงนี้มีอยากได้ขอความช่วยเหลือ คิดว่าปีนี้เราอยากจะทำต่อไปเรื่อยๆ ในแบบของเรา รูปแบบอาจจะไม่ได้เป็นการวิ่งยาวๆ แบบครั้งที่แล้ว ก็อาจมีการปรับเปลี่ยนไป อยากจะมุ่งเน้นให้คนไปดูแลต้นทางคือดูแลตัวเองมากขึ้น แต่ว่าการรับบริจาคเพื่อส่งผลให้โรงพยาบาลยังจะมีอยู่ เราก็คงจะทำในวิธีการที่แตกต่างกัน"

โปรเจ็คนี้คาดว่าจะมีเมื่อไหร่
ตูน : "คาดว่าน่าจะเริ่มได้ประมาณกลางๆ ปี เพราะว่าพวกผมเองเป็นกลุ่มคนเล็กๆ ทำตัวคนเดียว และกลุ่มคนเหล่านี้ เราอยากลงไปดูทุกๆ โรงพยาบาลจริงๆ และประมวลผลจริงๆ ว่าเขาอยากได้อะไร และเราจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง ด้วยวิธีไหนได้บ้าง และจะส่งต่อบอกทุกคนด้วยวิธีไหนได้บ้าง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพดีที่สุด"

ตั้งใจจะวิ่งช่วยเหลือทุกปีเลยใช่ไหม
ตูน : "ตั้งใจจะวิ่งไหม คงไม่ได้ตั้งใจจะวิ่ง แต่ตั้งใจจะทำโครงการในลักษณะนี้ไปต่อเนื่องเรื่อยๆ เท่าที่แรงจะมี เท่าที่จะเป็นประโยชน์ได้ แต่รูปแบบจะวิ่งไหม หรือจะชวนคนมาวิ่ง ให้คนดูแลตัวเองบ้าง ส่งต่อไปก็แล้วแต่เหตุการณ์ จังหวะ พื้นที่ในโอกาสต่อๆ ไป"

มีการเลือกจังหวัด เลือกสถานที่ไว้บ้างหรือยัง
ตูน : "ก็มีเลือกคร่าวๆ ไว้บ้างแล้วหลายสิบโรงพยาบาลที่อยากให้เราเข้าไปช่วยเหลือ ด้วยตัวเองผมเองอยากที่จะเข้าไปด้วยตัวเอง ไปคุยกับคุณหมอ คุณพยาบาลด้วยตัวเอง ในทุกพื้นที่ เราก็อยากเข้าไปเห็นปัญหาก่อน แล้วกลับมาประมวลว่าเราจะช่วยเขาได้ไหม ช่วยด้วยวิธีการไหน"

แบบนี้ตูนก็จะต้องมีการจัดแจงชีวิตเปลี่ยนไปไหม
ตูน : "ก็สนุกขึ้น และมีความสุขขึ้น เพราะว่าเมื่อก่อนเราก็มีแค่มิติของงานดนตรี ทำคอนเสิร์ตอย่างเดียว ขอใช้คำว่าสนุกขึ้น แล้วก็มีความสุขมากขึ้น"

ต้องรอให้จบคอนเสิร์ตใหญ่ก่อนไหม
ตูน : "ใช่ๆ ตอนนี้ก็ต้อง...อีกสองสัปดาห์เจอกันที่ราชมังคลาฯ ก่อน"