เปิดคำทำนาย ’โหรฟองสนาน' ย้ายหรือขยายเมืองหลวง?
“โหรฟองสนาน” เผยครั้นเมื่อถึงเดือนกรกฎาคม 2565 แล้วหากยืนอยู่ข้างกำแพงพระนคร เราจะถามตัวเองว่าเมืองรัตนโกสินทร์มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
แม่หมอสมัครเล่นตอนที่ 298 โดยฟองสนาน จามรจันทร์
ย้ายหรือขยายเมืองหลวง?
ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์
กำเนิดวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2325 เวลา 06.54 น.ลัคนาสถิตราศีเมษ
มฤตยูจร(0) กำลังเดินอยู่ในราศีเมษระหว่าง 6 มีนาคม 2559-8 กรฎาคม 2565
มฤตยูจร(0) จะย้ายไปเดินอยู่ราศีพฤษภระหว่าง 8 กรกฎาคม 2565-18 กรกฎาคม 2572
“ครั้นเมื่อถึงเดือนกรกฎาคม 2565 แล้ว หากยืนอยู่ข้างกำแพงพระนคร เราจะถามตัวเองว่าเมืองรัตนโกสินทร์มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร” คือข้อความที่ผู้เขียนเพียรบอกให้คนไทยทุกคนรับมือมฤตยู(0)ผู้อาเพศ ที่เข้ามาเดินในราศีเมษทับลัคนาเมือง เป็นรอบที่สามนับตั้งแต่วางเสาหลักเมืองเมื่อ 237 ปีที่ผ่านมา
ตั้งแต่ประมาณมีนาคม 2559 จนถึงขณะนี้ที่มฤตยูจรเดินในราศีเมษได้เพียงเลยครึ่งทาง(ระหว่างมีนาคม 2559-กรกฎาคม 2565) เรื่องโดดเด่นที่เกิดและกระทบชะตาเมืองขนาดแผ่นดินสะเทือนคือการเปลี่ยนรัชกาลและสถานะของบุคคลสำคัญ
ไม่นับรวมสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายส่งผลให้เมือง- วิถีชีวิตคนในเมืองก็พลอยเปลี่ยนไปตามไปด้วย เช่นการเกิดของโครงการขนาดใหญ่ต่างๆเพื่อต่อยอดและเปลี่ยนพื้นฐานโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศที่น้าเปลว สีเงินเปรียบเทียบเหมือนเมืองจะเป็นเงาะถอดรูป ส่วนผู้เขียนก็เคยออกหนังสือชื่อลอกคราบใหม่ประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี2558เตือนก่อนหน้านี้ให้คนไทยรับมือการเปลี่ยนแปลงใหญ่ เช่น
โครงการรถไฟความเร็วสูง- รถไฟรางคู่ -รถไฟฟ้าหลายสายที่ทยอยสร้างและกำลังสร้างทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด- การเกิดของอีอีซี.-รถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อสามสนามบินการซื้อ-ขายของออนไลน์-ตลาดสำคัญในอดีตคนเดินน้อยฯลฯ
แต่แม้มฤตยูจรจะเดินในราศีเมษมาได้จะครึ่งทางแล้ว (มฤตยูจรใช้เวลาเวลาเจ็ดปีในแต่ละราศี) สิ่งที่ต้องจับตาคือการปฏิวัติหรือเปลี่ยนแปลงใหญ่ในเมืองจะยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งขณะนี้เริ่มมีสถานการณ์การก่อตัวอันจะกระทบกับเมืองรัตนโกสินทร์แรงมากพอๆกับการเปลี่ยนรัชกาล คือเรื่องการจะย้าย หรือขยายเมืองหลวง
อันที่จริงความพยายามที่จะย้ายเมืองหลวงมีมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว โดยครั้งล่าสุดนี้เกิดจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไปเปิดสัมนาของคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2562 ที่อิมแพคเมือง เมืองทองธานี แล้วได้ให้นโยบายเพื่อให้เริ่มวางแผนว่ากรุงเทพฯควรจะเป็นอย่างไรในอนาคต พร้อมทั้งเสนอให้คิดกันว่าจะย้ายเมืองหลวงออกไป หรือขยายเมืองหลวงออกไปยังรอบนอกเพื่อแก้ไขปัญหาความแออัด
โดยสรุปจากที่นายกรัฐมนตรีให้นโยบายครั้งนี้คือให้ทางเลือกศึกษาสองทางคือย้ายเมืองหลวง หรือขยายเมืองหลวงออกไปรอบนอก
ส่วนผู้เขียนซึ่งขอออกตัวก่อนว่าเป็นเพียงโหรสมัครเล่นขอเสนอข้อมูลในแง่โหราศาสตร์ดวงเมืองรัตนโกสินทร์เท่าที่ผู้เขียนศึกษามาเพื่อประกอบการพิจารณาดังนี้
ประเด็นแรกการศึกษาเพื่อเตรียมการย้ายหรือขยายเมืองหลวง น่าจะสอดคล้องกับชะตาจรของเมืองที่ส่งสัญญาณจากการมาทับลัคนาเมืองของมฤตยูจร(0) ซึ่งเป็นเจ้าของภัยอาเพศ การปฎิวัติหรือเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในเมืองตามอาการที่ผู้เขียนเคยบอกก่อนหน้านี้เสมอว่าระยะที่มฤตยูจรอยู่ที่ราศีเมษระหว่างมีนาคม 2559-กรกฎาคม 2565
1.หากเป็นคนถ้ารู้สึกอัดอัดควรจะกล้าชิงคิดหรือลงมือเปลี่ยนแปลงอย่าได้ชะล่าใจปล่อยเลยตามเลย เพราะแสดงว่าอากาศของมฤตยูนำมาแล้วคือสะสมพลังของการเปลี่ยนแปลง รอวันระเบิด
ซึ่งกรณีความคิดจะย้ายหรือขยายเมืองนี้เป็นเรื่องที่เริ่มยอมรับกันทั่วไปถึงความแออัดของกรุงเทพฯที่สะสมพลังมานานแล้วชนิดที่น้อยคนจะคัดค้าน
อีกทั้งก่อนหน้านี้ประเทศเพื่อนบ้านก็ย้ายเมืองหลวงเช่นเมียนมาร์ หรือที่เพิ่งประกาศเมื่อเร็วๆนี้คืออินโดนีเซียดูจะเป็นที่ยอมรับกันให้ประเทศไทยทำบ้างคล้ายๆแรงกดดันไร้สภาพอยู่กลายๆให้ต้องลงมือ
2.หากไม่เปลี่ยนแปลงจะเป็นฝ่ายถูกบีบให้เปลี่ยน เพราะอย่างน้อยการชิงศึกษาเพื่อเตรียมการเรื่องนี้ไว้ให้พร้อมก็ยังมีความเคลื่อนไหวว่าจะเปลี่ยน ก็ถูกโฉลกกับอาการของมฤตยูจรที่ทับลัคนาเมืองขณะนี้ แม้การจะลงมือทำต้องใช้เวลานานก็ตาม
ขอยกตัวอย่างการปฏิวัติใหญ่ของคนที่ลัคนาสถิตราศีเมษหลายคนเทียบเคียงกับเมืองที่กำลังหาทางปฏิวัติเมืองหลวงคือ คนที่รู้เท่าทันมฤตยูที่ผู้เขียนเคยบอกอาการไว้ว่าเมื่อรู้สึกอึดอัดพวกเขาจะต้องเปลี่ยนตัวเองเช่น บางคนเริ่มลดน้ำหนักอย่างจริงจัง บางคนที่ทำแต่งานไม่สนใจสุขภาพก็หันมาสนใจตัวเองมากขึ้น บางคนที่แบกภาระกงสีมานานเกิดความคิดแวบมาในสมองคล้ายๆฟ้าแลบเข้ามาว่าหยุด-ขายกิจการแล้วเองเงินมาแบ่งกันระหว่างญาติๆฯลฯซึ่งสิ่งเหล่านี้อาการของมฤตยู
3.แต่หากเมืองไม่ปฏิวัติ-เปลี่ยนแปลงใหญ่ผู้เขียนเกรงว่าอีกหนึ่งอาการของมฤตยูจะรออยู่คือฝืนได้แต่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างเจ็บปวด หรือพูดง่ายๆคือตกสมัย ตกยุคซึ่งอาการนี้ก็คงจะพอจะคาดหมายกันได้ว่าปัญหาต่างๆที่มีอยู่ในเมืองรัตนโกสินทร์ที่ขณะนี้แม้จะเปลี่ยนแปลงแล้วหลายด้านผ่านโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานก็ไม่น่าจะพอ เพราะเป็นเพียงการต่อยอดให้เมือง ไม่ใช่ระดับปฏิวัติคาดว่าปัญหาต่างๆเดิมๆน่าจะรออยู่
กล่าวโดยสรุปย้ำอีกครั้งว่า การเตรียมการ-ศึกษาตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่าจะย้ายหรือขยายเมืองหลวงออกไปนั้นน่าจะถูกโฉลก สอดคล้องกับการที่มฤตยูจรมาทับลัคนาเมืองรอบนี้ เพราะจริงอยู่การศึกษา วางแผนอาจจะใช้เวลานาน แต่หากไม่ทำอะไรหรือเตรียมการไว้ ผู้เขียนเกรงว่าจะไม่ทันการณ์ คล้ายๆเมืองจะถูกทั้งไว้ข้างหลังเจ็บปวดหรือตกสมัย
ส่วนการจะย้าย หรือขยายเมืองออกไปนั้นในทางโหราศาสตร์ดวงเมืองควรจะเลือกทางใดจะได้นำเสนอต่อในตอนต่อไป เพราะหากเลือกทางผิดมีโอกาสที่โครงการนี้จะไปไม่ถึงดวงดาว คือไม่สำเร็จหรือมีปัญหาอุปสรรคเช่นในอดีตที่ทำไม่สำเร็จสักครั้งด้วยดวงเมืองรัตนโกสินทร์นี้อาถรรพ์นัก ถูกออกแบบ-ถือกำเนิดมาโดยเซียนโหรชั้นยอดเพื่อให้เป็นเมืองหลวงของประเทศและรอดทุกสถานการณ์
จึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือปฏิวัติใหญ่ในระดับ“ครั้นเมื่อถึงเดือนกรกฎาคม 2565แล้ว หากเรายืนอยู่ข้างกำแพงพระนคร เราจะถามตัวเองว่าเมืองรัตนโกสินทร์มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร” ก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง
(ยังมีต่อ)
ฟองสนาน จามรจันทร์
1พฤศจิกายน2562