เที่ยว 7 จุดชมไฟประดับรับลมหนาว Light Festival ณ ราชบุรี

ปลายปีแบบนี้ใครกำลังมองหาที่เที่ยวหน้าหนาวใกล้ๆ กรุงเทพฯ แนะนำให้ลองแวะไปเที่ยวราชบุรี หรือเมืองโอ่งที่หลายคนคุ้นเคยกันดี ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่โอ่งมังกรเท่านั้น แต่ยังมีแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่ขาเที่ยวชาวไทยควรไปลองสัมผัสให้ได้สักครั้ง นั่นคือ “ณ​ สัทธา อุทยานไทย” สถานที่ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ของอำเภอบางแพ อีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมที่จะพาคุณย้อนระลึกถึงรากเหง้าแห่งความเป็นไทยเพื่อการอนุรักษ์และสืบสานศิลปะไทยที่งดงาม

นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมชิลๆ ภายในพื้นที่กว่า 42 ไร่ โดยมีเส้นทางศึกษาระยะทางประมาณ 1-2 กิโลเมตรโอบล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่อายุนับสิบปีที่ให้ความร่มรื่นสบายตา ยิ่งไปเที่ยวในหน้าหนาวแบบนี้การเดินเที่ยวชมไฟประดับท่ามกลางป่าขนาดย่อมก็ยิ่งทำให้รู้สึกเย็นฉ่ำมากได้มากขึ้น

อย่างที่บอกไปว่าที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรม ศาสนา และประวัติศาตร์ไทยไทย จึงมีการจัดแสดงหุ่นรูปปั้นของกษัตริย์ไทยในอดีต เหล่าบรรดาคนสำคัญทางประวัติศาสตร์เมืองไทย รวมถึงพระพุทธรูปไทยในสมัยต่างๆ และโซนไฮไลต์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนาพุทธในสมัยสุโขทัย และเรื่องเล่าเกี่ยวกับพุทธชาดก ทั้งหมดนี้จัดแสดงผ่านเทคนิคและวิธีการนำเสนอรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยมาประยุกต์เพื่อให้เกิดความน่าสนใจและสนุกสนานแบบได้ความรู้กลับบ้านไปด้วย

โดยเฉพาะช่วงเดือนธันวาคม 2562 ที่นี่ก็ยิ่งเพิ่มความพิเศษให้น่าเที่ยวมากไปอีกด้วยการจัดกิจกรรม “NaSatta Light Festival : แรงบันดาลใจ 2019” งานจัดแสดงไฟประดับสุดอลังการ นำเสนอความงดงามของการจัดแสดงไฟประดับสีสันต่างๆ กว่าล้านดวง จากนักออกแบบเฉพาะทางที่ชำนาญด้านการจัดแสงด้วยเทคนิค Projector Mapping, Interactive Light Art และ Interactive Display ซึ่งจะทำให้คุณเดินเที่ยวชมไปตามจุดต่างๆ ยามค่ำคืนได้เพลินเพลินมากกว่าที่เคย

เอาเป็นว่าก่อนจะตัดสินใจว่าจะไปดีมั้ย ลองมาดูรีวิว 7 จุดชมไฟประดับแถมมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้คุณได้รู้ก่อนใคร 

- จุดที่ 1 มหาราชกษัตรา เป็นจุดจัดแสดงประติมากรรมพระรูปหล่อ 3 บูรพมหากษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชไทย พร้อมมีการจัดไฟประดับสีทองเหลืองอร่าม เป็นเหมือนทุ่งดอกไม้ด้านหน้าลานประติมากรรม ส่วนฉากหลังก็จัดไฟในสีแดง ขาว น้ำเงิน เพื่อสื่อถึงธงชาติไทย

- จุดที่ 2 ณ สัทธานุสรณ์ เป็นอาคารจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสของบุคคลสำคัญผู้เป็นต้นแบบ หรือที่เรียกว่าคนดีของแผ่นดิน จำนวนกว่า 14 ท่าน เช่น สมเด็จย่า, หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล, ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์, ศ.ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์, ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช, ครูไพบูลย์ บุตรขัน, สืบ นาคะเสถียร ฯลฯ โดยก่อนจะถึงตัวอาคารจะมีทางเดินในสวนป่าขนาดย่อม พร้อมไฟประดับสีน้ำเงิน ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยดวงไฟสีน้ำเงินทั้งบนพื้นและตามต้นไม้ต่างๆ ภายในสวน พร้อมตกแต่งด้วยกระจกเงาริมข้างทางด้านขวามือตลอดเส้นทางเดิน ทำให้แสงไฟสะท้อนกับกระจกสวยงาม

- จุดที่ 3 ระย้าไฟพร้อมปลาสีส้ม หลังจากออกจากอาคารจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสแล้ว ก็จะมีทางเดินที่ตกแต่งด้วยซุ้มไฟระย้าสีขาวและสีน้ำน้ำเงินสายยาวทอดลงมาจากที่สูง เมื่อลอดผ่านซุ้มนั้นให้ความรู้สึกเหมือนกำลังชมดวงดาวนับแสนดวง ขณะเดียวกันข้างๆ ทางเดินก็เป็นบึงน้ำที่มีการจัดไฟสีส้มเป็นรูปปลาอยู่เหนือผิวน้ำ สวยงามอีกเช่นกัน

- จุดที่ 4 ณ สัทธาปฎิมา จัดแสดงประติมากรรมพระพุทธรูป 3 สมัย ซึ่งพระพุทธรูปแต่ละองค์จะจัดแสดงแยกจากกัน แต่ละจุดก็จะมีการประดับไฟแตกต่างกันด้วย เช่น พระพุทธรูปองค์แรกประดับไปด้วยไฟในดอกบัวสีชมพูอร่ามงามตาอยู่ตรงลานหน้าพระพุทธรูป ส่วนพระพุทธรูปองค์ถัดมาเป็นไฟทรงกลมหลากสีสัน ทัง้สีเหลือง สีส้ม สีทอง สีน้ำเงิน เป็นต้น

- จุดที่ 5 วิหารสมัยสุโขทัย ที่นี่เป็นจุดไฮไลต์ของ ณ สัทธา อุทยานไทย ซึ่งตั้งอยู่ในโซน ณ สัทธาปฎิมา ภายในวิหารหลังนี้ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย พร้อมมีการแสดงเรื่องราวการเดินทางของพระพุทธศาสนาสู่ประเทศไทยในสมัยอาณาจักรสุโขทัย ผ่านแสง สี เสียง และแสดงภาพบนผนังโบสถ์และองค์พระพุทธรูปโดยใช้เทคนิค Mapping ช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 10-15 นาที สามารถเล่าเรื่องแบบ Interactive Light Art ได้ดีมาก ไม่น่าเบื่อเลย

- จุดที่ 6 โซนอาหารและไฟประดับน้ำตก เมื่อมาถึงโซนนี้นักท่องเที่ยวจะได้พักให้หายเมื่อย พร้อมรับประทานอาหารมื้อเย็นจากร้านอาหารเด็ดมากมาย เช่น ผัดไทยกุ้งสด, ข้าวต้มแห้ง, ชาบูที่เลือกเนื้อสัตว์และผักได้เอง (เสียบไม้), ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ บะหมี่หมูแดง ไก่ย่าง ฯลฯ มีโต๊ะให้นั่งจำนวนมาก บางมุมสามารถชมไฟประดับที่วิวน้ำตกได้ด้วย

- จุดที่ 7 อุโมงค์ไฟสีทองสุดอลังการ ยาวประมาณ 300-400 เมตร ถือเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลต์ของงานนี้เลยก็ว่าได้ มีนักท่องเที่ยวหลายคนมารุมล้อมยืนถ่ายรูปกับอุโมงค์แห่งนี้หนาแน่นมากกว่าจุดอื่นๆ เลยทีเดียว นอกจากนี้พอเดินลอดผ่านอุโมงค์ไฟออกไปแล้ว ก็ยังจะได้พบกับสวนไฟประดับอีกจุดหนึ่งด้วย สวยงามอลังการและให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในภาพยนตร์ไซไฟเรื่องดัง งดงามจนต้องแชะรูปรัวๆ

ยังไม่หมดแค่นั้น ภายในงานยังเสริมทัพความสนุกด้วยกิจกรรมอีกมากมาย ได้แก่ การจัดดอกไม้ไหว้พระขอพรปีใหม่ ที่โซน ณ สัทธาปฏิมา 3 สมัย, เลือกซื้อสินค้าและชิมอาหาร ของดีของอร่อยราชบุรีที่ไม่ควรพลาด, ชมการแสดงจากศิลปิน คุณบี พีระพัฒน์ในคืนวันที่ 21 ธันวาคม 2562 , คุณก้อง สหรัถ คืนวันที่ 28 ธันวาคม 2562 และคุณศุ บุญเลี้ยง คืนวันที่ 29 ธันวาคม 2562, ฟังเพลงเพราะๆ ชิลๆ จากวง pastel season, กิจกรรมลุ้นโชคมหาสนุกและกิจกรรมรื่นเริงอื่นๆ ลุ้นรับของรางวัลมากมาย

สำหรับกิจกรรมชมไฟประดับยามค่ำคืนนี้ จะเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 – 22.00 น. โดยมีกำหนดจัดกิจกรรมทุกวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ระหว่างวันที่ 7-8, 14-15, 21-22, 28-31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ไปจนถึงวันที่ 1, 4-5 มกราคม พ.ศ.2563 เท่านั้น (แต่ก็ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ในช่วงกลางวันอยู่เช่นเดิม) ส่วนบัตรค่าเข้าชมมีตั้งแต่ราคา 300 - 2,000 บาท (หากซื้อบัตรเหมาราคาสองพันบาท สามารถใช้เข้าชมไฟได้ทุกวันตลอดการจัดงาน รวมชมคอนเสิร์ต)