'เที่ยวญี่ปุ่น' กับ 5 จุดเช็คอินเมือง 'อาคิตะ' วิวสวยอลังการ!
จุดหมายปลายทางยอดนิยมของขาชาวไทย หนีไม่พ้นการไป "เที่ยวญี่ปุ่น" ดินแดนที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ตอบโจทย์สมาชิกในครอบครัวทุกเพศทุกวัย แต่ถ้าอยาก "เที่ยวญี่ปุ่น" ในมุมมองใหม่ ต้องไปที่เมืองอาคิตะ!
ขาเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติที่สวยแปลกตา แนะนำให้ไป "เที่ยวญี่ปุ่น" ให้ได้สักครั้ง เพราะดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้เต็มไปด้วยความหลากหลายของธรรมชาติที่สวยงามสะดุดตา อาหารรสเลิศ แหล่งช้อปปิ้ง ของฝาก เทคโนโลยีสุดล้ำ กิจกรรมสนุกๆ แถมยังมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมต่างๆ ให้ค้นพบอย่างไม่สิ้นสุด
แน่นอนว่าเมืองหลวงอย่าง "โตเกียว" เป็นเมืองที่คนไทยคุ้นเคยและนิยมไป "เที่ยวญี่ปุ่น" ในเมืองนี้มากที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่ขาเที่ยวชาวไทยหลายคนมักจะไปปักหมุด "เที่ยวโตเกียว" เป็นอันดับแรก แต่ถ้าใครเป็นขาลุยและชอบไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติใหม่ๆ แนะนำให้ลองแวะไปเที่ยวในดินแดนทางเหนือของญี่ปุ่นอย่าง "จังหวัดอาคิตะ" ที่มีที่เที่ยวสดใหม่ได้ใจคนชอบ "เที่ยวญี่ปุ่น" แน่นอน
หลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่อ อาคิตะ จากพันธุ์สุนัขขนหนาหน้าตาจิ้มลิ้มตัวบึกบึนที่มีชื่อเดียวกันกับจังหวัดแห่งนี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการ "เที่ยวญี่ปุ่น" อีกอย่างหนึ่งก็ว่าได้ โดยสุนัขสายพันธุ์นี้สะท้อนความเป็นจังหวัดอาคิตะได้เป็นอย่างดี เนื่องด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็นสันเขา เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่านักล่าในอดีต ทำให้อาคิตะเป็นสุนัขที่บ้าพลัง รักสันโดษ และมีความเป็นผู้นำสูง เมื่อเทียบกับพันธุ์ชิบะที่มีขนสีคล้ายๆ กันแล้ว จะมีลักษณะสูงใหญ่และแข็งแรงกว่า
นอกเหนือจากฟาร์มสุนัขที่นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมได้แล้ว เมืองอาคิตะยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย เป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องของสาเก ซามูไร ธรรมชาติอันงดงาม และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ และนี่คือ 5 กิจกรรมที่ห้ามพลาดสำหรับทุกคนในครอบครัวเมื่อมีโอกาสได้มา เที่ยวญี่ปุ่น ที่เมืองอาคิตะแห่งนี้
1. สูดอากาศบริสุทธิ์ที่หุบเขาดาคิกะเอริ
วางแผน "เที่ยวญี่ปุ่น" ครั้งต่อไป ชวนหนีความแออัดของกรุงโตเกียวไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ "หุบเขาดาคิกะเอริ" ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่แสดงถึงความสวยงามของธรรมชาติอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่น เต็มไปด้วยป่าเขาและน้ำตกที่คงความงดงามเอาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไฮไลต์ของที่นี่คือ "สะพานคามิโนะอิวาชิ" เป็นสะพานสีแดงทอดยาวตัดกับสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้ผู้มาเยือนได้ตั้งแต่แรกเห็น ภายในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติแห่งนี้ยังมีหินที่มีลักษณะสวยงามตามธรรมชาติที่แทรกอยู่ตามป่าให้ได้เห็นอีกด้วย
ที่มาภาพ: https://www.tohokukanko.jp/en/attractions/detail_1717.html
2. เก็บแอปเปิ้ลที่สวนซันโระคูเอ็น
สวนซันโระคูเอ็นใกล้ๆ กับทะเลสาบโทวาดะ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม เก็บแอปเปิ้ล และจับจ่ายซื้อของสดได้ในร้านค้าเล็กๆ ในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน เวลา 9.00-16.00 น. และยังสามารถจัดส่งให้ในพื้นที่ที่กำหนดได้อีกด้วย ภายในบริเวณสวนมีบ่อน้ำให้ตกปลาตระกูลแซลมอนอย่างเทร้าต์และชาร์ในช่วงกลางเดือนเมษายน-ต้นพฤศจิกายน สวนซันโระคูเอ็นจะปิดให้บริการในเดือนธันวาคม-เมษายน
3. ย้อนเวลาที่หมู่บ้านซามูไรคะคุโนะดาเตะ
คะคุโนะดาเตะเป็นหมู่บ้านซามูไรที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เพื่อแสดงถึงสถาปัตยกรรมและความเป็นอยู่ของตระกูลซามูไรญี่ปุ่นในยุคเอโดะ หมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัวซามูไรกว่า 30 ตระกูล ปัจจุบันมีบ้านจำนวน 6 หลังเท่านั้นที่ยังเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชม บ้านเด่นๆ ที่น่าสนใจคือบ้านของตระกูลอาโอะยางิและอิชิกูโระ ทางเดินใจกลางหมู่บ้านกว้างขวางโอ่อ่า ปกคลุมไปด้วยร่มเงาของต้นซากุระ สาวๆ ที่อยากได้รูปสวยๆ สามารถเช่ากิโมโนและนั่งรถลากไปรอบๆ หมู่บ้านเพื่อชมทัศนียภาพและดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดคลาสสิกได้ ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ดอกซากุระบาน นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นจะมานั่งปิกนิกชมดอกไม้กันอย่างคึกคัก
ที่มาภาพ: https://www.tohokukanko.jp/en/attractions/detail_1203.html
4. บ่อน้ำพุร้อนสีน้ำนมที่นิวโตะออนเซน
หากใครได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่ลองลงแช่บ่อน้ำพุร้อนจะเหมือนมาไม่ถึง การแช่น้ำแร่แบบนี้มีประโยชน์มากมาย แร่ธาตุในบ่อน้ำพุร้อนบางที่ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย กระชับผิวเพื่อความสวยงาม บางที่ช่วยเยียวยารักษาโรคได้ด้วย นิวโตะออนเซนแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติโทวาดะ ฮาจิมันไต ในย่านนี้จะมีเรียวกังทั้งหมด 7 แห่ง ล้อมรอบไปด้วยทิวทัศน์ของภูเขา คำว่า “นิวโตะ” เลยมาจากรูปทรงของภูเขาที่เหมือนยอดถัน และสีของน้ำแร่ที่เหมือนน้ำนมนั่นเอง เรียวกังแต่ละแห่งจะมีบ่อน้ำพุร้อนและคุณสมบัติของน้ำที่แตกต่างกันไป มีทั้งแบบรวมและแบบแยกหญิง-ชาย ภายในและนอกอาคาร สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นแขกของเรียวกังจะมีบัตรจำหน่ายเพื่อให้เข้าไปใช้บริการได้ เรียวกังที่โด่งดังที่สุดมีชื่อว่า ทซึรุโนยุ
ที่มาภาพ: https://en.japantravel.com/akita/nyuto-onsen-akita/41750
5. ชมวิวทะเลสาบทาซาวะ
ไม่ไกลจากนิวโตะออนเซน เป็นที่ตั้งของทะเลสาบทาซาวะ แหล่งท่องเที่ยวที่โด่งดังที่สุดของจังหวัดอาคิตะ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มีความลึกที่สุดของประเทศ อยู่ที่ 423 เมตร และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติโทวาดะ ฮาจิมันไต นักท่องเที่ยวสามารถเช่าจักรยานขี่ชมวิวรอบๆ ทะเลสาบได้เป็นระยะทาง 20 กิโลเมตร ยังมีรถบัสที่ให้บริการรายวัน หรือหากใครที่อยากชมวิวโดยการล่องเรือก็จะมีเรือให้บริการ 4 รอบต่อวันในช่วงปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤศจิกายน จากท่าเรือชิราฮามะ
บนเรือมีบรรยายประวัติของทะเลสาบทาซาวะให้ฟังด้วย รอบๆ ทะเลสาบจะมีร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ และเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าโกะซะโนะอิชิและรูปปั้นทัตสึโกะสีทองที่อยู่ด้านตะวันตกของทะเลสาบ ซึ่งเป็นที่ที่มีคนมาถ่ายรูปด้วยมากที่สุดเมื่อได้มาเยือน รูปปั้นทัตสึโกะมีที่มาจากเรื่องราวของหญิงสาวรูปงามคนหนึ่งที่อธิษฐานขอให้ความงามของตนคงอยู่ตลอดกาล แต่กลับถูกสาปให้กลายเป็นมังกรจมลงสู่ห้วงลึกของทะเลสาบแห่งนี้
การเดินทาง: จากตัวเมืองอาคิตะ ขึ้นรถไฟความเร็วสูงชินคันเซนขบวนโคมาจิมาลงที่สถานีทาซาวะโกะ ผ่านการจองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้น หากมาด้วยรถจะใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง ระยะทาง 70 กิโลเมตร จากสนามบินอาคิตะจะมีระยะทางประมาณ 58.5 กิโลเมตร
ที่มาภาพ: https://www.tohokukanko.jp/en/attractions/detail_1604.html
เอาเป็นว่าใครวางแผน "เที่ยวญี่ปุ่น" ในปีนี้ก็ลองแวะไปเที่ยวเมืองอาคิตะดูสักครั้ง แม้ว่าจะเป็นเมืองท่องเที่ยวน้องใหม่ที่ขาเที่ยวชาวไทยอาจจะยังไม่รู้จักมากนัก แต่รับรองว่าที่เที่ยวต่างๆ ในเมืองนั้น มีความสวยงามและบรรยากาศดีไม่แพ้เมืองท่องเที่ยวแห่งอื่นๆ เลย
--------------------------
อ้างอิง: เฟลชแมน ฮิลลาร์ด ประเทศไทย, เจแปนแอร์ไลน์