'3 วีรสตรี' ผู้แข็งแกร่งในประวัติศาสตร์
ย้อนอดีตไปรู้จักชีวิตของ "3 วีรสตรี" ผู้แข็งแกร่งใน "ประวัติศาสตร์" ที่มีบทบาทน่าทึ่งไม่แพ้บุรุษ
ถึงตอนนี้ผู้หญิงมายืนอยู่แถวหน้าออกรบ (ในบริบทสังคมปัจจุบัน) อยู่แนวหน้าไม่แพ้ผู้ชาย แต่ในอดีตที่ผู้เขียนประวัติศาสตร์มักบันทึกแต่เรื่องราวของบุรุษผู้กล้า (History ยังเป็น His เลย) เรื่องราวของวีรสตรีจึงปรากฏอยู่ในจำนวนที่น้อยกว่ามาก และเราอยากชวนย้อนอดีตไปรู้จักชีวิตของ 3 วีรสตรีผู้แข็งแกร่งในประวัติศาสตร์ ซึ่งมีบทบาทน่าทึ่งไม่แพ้บุรุษเลย
- Septimia Zenobia ราชินีผู้กล้าแห่งอาณาจักรพัลมีรา
‘ซีโนเบีย’ ราชินีแห่งอาณาจักรพัลมีรา (Palmyra) ในยุคโรมัน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศซีเรีย เป็นอาณาจักรที่เป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโรมันมายาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 กระทั่งกลางศตวรรษที่ 3 ซึ่งอาณาจักรโรมันเกิดอ่อนแอลง ทำให้ประเทศราชรายรอบพากันแข็งข้อกับตีโรมันทุกทิศ ด้านพัลมีราซึ่งอยู่ทิศตะวันออกของโรมัน ก็ได้ยกทัพเข้าตีเมืองแถบนั้น และเอาชนะได้หลายครั้ง โดยการนำทัพของราชินีซีโนเบีย
ราชินีซีโนเบียคือ ชายาของกษัตริย์โอดาเอนาทุส (Septimius Odaenathus) ซึ่งขึ้นครองนครตามการแต่งตั้งของอาณาจักรโรมันในปี ค.ศ. 267 โดยกอบกู้อาณาจักรฝั่งตะวันออกของโรมันมาจากเปอร์เซีย และได้ดูแลอาณาจักรแถบนั้นมา จนกระทั่งกษัตริย์โอดาเอนาทุสและบุตรชายซึ่งเกิดจากราชินีองค์แรกถูกลอบปลงพระชนม์ ราชินีซีโนเบียจึงสถาปนาตัวเองขึ้นครองอาณาจักรพัลมีรา
แต่เธอต่างจากสวามีที่ไม่ได้คิดว่าจะอยู่ใต้อาณัติของโรมันตลอดไป ในช่วงแห่งความอ่อนแอในการรับศึกรอบด้าน ราชินีซีโนเบียนำทัพรุกไล่อาณาจักรทางตะวันออกของโรมันขึ้นไปเรื่อยๆ ในปี 269 ได้ตีเข้ายึดอียิปต์ และอีกหลายอาณาจักรในเอเชียไมเนอร์ จนประกาศอิสรภาพจากโรมัน แต่เธอกลับมาพ่ายแพ้ต่อทัพของจักรพรรดิออเรเลียนแห่งโรมัน ที่นำทัพมายังตะวันออกจนพัลมีราแตกและราชินีซีโนเบียต้องยอมสิโรราบ
แม้จุดจบจะเป็นเช่นนี้ แต่ราชินีซีโนเบียก็ถูกระลึกถึงในฐานะของราชินีผู้แข็งแกร่งที่อาจหาญต่อกรกับอาณาจักรโรมันอันยิ่งใหญ่
- Tomoe Gozen ซามูไรผู้เลอโฉม
โทโมเอ โกเซ็น หนึ่งในวีรสตรีนักรบที่มีชื่อโด่งดังในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เธอมีชื่ออยู่ในตำนานเฮเคะ ซึ่งเล่าถึงสงครามเกมเปย์ (ค.ศ. 1180 – 1185) ในสมัยเฮอัน ศึกใหญ่แย่งชิงอำนาจระหว่างตระกูลไทระหรือเฮเคะ และตระกูลมินาโมโตะ ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ซึ่งมีอำนาจมากในราชสำนัก
ข้อมูลส่วนตัวโทโมเอ โกเซ็น มีไม่มาก ตามตำนานว่าเธอ ได้รับการฝึกฝนวิชาการต่อสู้ทั้งวิชาดาบ การขี่ม้า และการยิงธนูจนมีฝีมือเหนือกว่าผู้ชาย และยังมีบันทึกว่าเธอเป็นหญิงงามที่มีผิวพรรณขาวหมดจด ผมยาวสลวยดำขลับ ต่อมาได้เป็นอนุภรรยาของมินาโมโตะ โยชินากะ และได้เป็นซามูไรหญิงคนแรกของญี่ปุ่นที่ได้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับมินาโมโตะ โยชินากะซึ่งเป็นผู้นำทัพฝ่ายมินาโมโตะตลอดระยะเวลา 5 ปีของสงคราม และถึงขนาดนำทัพออกแนวหน้าหลายครั้ง
เมื่อเธออยู่ในสนามรบเธอจะสวมชุดเกราะไม่ต่างจากนักรบชาย คาดดาบคาตาคานะ และสะพายธนูลำกว้าง ออกรบอย่างห้าวหาญไม่กลัวความตาย ด้วยทักษะการรบที่แม่นยำและเฉียบขาด ทำให้ชื่อของเธอเป็นที่เกรงขามอย่างมาก
ในช่วงท้ายของสงคราม ซึ่งที่สุดแล้วฝ่ายมินาโมโตะเป็นฝ่ายแพ้ ชีวิตของเธอถูกกล่าวถึงไว้หลายแบบ ทั้งโยชินากะบอกให้เธอหนีไป เพราะเป็นการเสียเกียรติหากผู้หญิงต้องตายในสนามรบ และเพื่อให้เธอกลับบ้านเกิดไปบอกเล่าถึงการรบครั้งนั้น บ้างก็ว่าเธอยืนหยัดรบต่อ จนเปิดทางให้โยชินากะถอยทัพได้ แต่โยชินากะก็ฆ่าตัวตาย (หรือถูกปลิดชีพ) โกเซ็นจึงฆ่าตัวตายตาม บ้างก็ว่าเธอหนีรอดไปได้ และได้พบกับขุนพลใต้สังกัดของโยริโทโมะ ญาติที่มีความขัดแย้งกันกับโยชินากะ จนได้แต่งงานกันในที่สุด แล้วบั้นปลายก็บวชตลอดชีพอุทิศให้สามี
ไม่ว่าเรื่องราวแท้จริงของโทโมเอ โกเซ็นจะจบแบบไหน แต่เธอก็เป็นแรงบันดาลใจในความแข็งแกร่งของผู้หญิง โดยเฉพาะในสังคมปิดที่ผู้ชายเป็นใหญ่อย่างญี่ปุ่น
- Borte Ujin จักรพรรดินีผู้เคียงบ่าเจงกิสข่าน
"บอร์เต" ภรรยาคนแรกของเจงกิสข่าน หนึ่งในจักรพรรดินักรบมองโกลผู้ยิ่งใหญ่ทรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ และจักรพรรดินีบอร์เตแห่งจักรวรรดิมองโกลผู้นี้ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
บอร์เตเป็นบุตรสาวของหัวหน้าเผ่า Konyrat ที่ถูกหมั้นหมายกับเตมูจิน (นามเดิมของเจงกิสข่าน) ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และได้แต่งงานกับเตมูจินตอนอายุ 17 ปี ตามธรรมเนียมของเผ่า นอกจากจะขี่ม้าและยิงธนูเก่งแล้ว จักรพรรดินีบอร์เตยังเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญาหลักแหลม เธอเป็นที่ปรึกษาที่เจงกิสข่านไว้ใจที่สุด ในเรื่องยากๆ ความขัดแย้ง และการตัดสินใจที่สำคัญต่างๆ ของเจงกิสข่านล้วนมีจักรพรรดินีผู้นี้ให้คำแนะนำ
อีกทั้งเธอยังวางตัวเป็นภรรยาที่สุขุมหนักแน่น แม้สวามีจะมีชู้รักหรือภรรยาน้อยอีกมากมายในระหว่างการศึกและชีวิตอันโลดโผน เธอจึงได้รับความไว้วางใจจากเจงกิสข่านมาก
ในช่วงเวลาที่เจงกิสข่านออกศึกพิชิตแผ่นดินและรวบรวมชนเผ่าเร่ร่อนต่างๆ สร้างเป็นอาณาจักรมองโกลที่ยิ่งใหญ่ จักรพรรดินีบอร์เตก็ปักหลักปกครองประชาชนอยู่ที่มองโกเลีย ได้รับความเคารพรักจากประชาชนอย่างมาก
ด้านการอบรมบุตรหลาน จักรพรรดินีบอร์เตก็ส่งต่อภาวะผู้นำไปยังทายาท ทำให้อาณาจักรมองโกลสามารถยืนระยะข้ามศตวรรษมาได้จากศตวรรษที่ 13 – 14 และกุบไลข่าน พระราชนัดดาของพระนางและเจงกิสข่านก็ได้เป็นทั้งข่านแห่งจักรวรรดิมองโกล เอาชนะราชวงศ์ซ่งของจีน และสถาปนาเป็นฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์หยวนด้วย