สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่ง ‘รูป-รส-กลิ่น-เสียง’ ที่เมืองกระบี่

สัมผัสบางเบาจากลมอ่อนๆ ที่ปะทะผิวกายท่ามกลางแดดจ้า อาจพาให้ใครหลายคนรู้สึกได้ว่า ฤดูร้อนกำลังพัดผ่านมาถึง น่าแปลกที่หนึ่งในความต้องการของใครหลายคนอาจไม่ใช่การหมกตัวหลบร้อนอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ แต่กลับเป็นการออกไปปะทะกับสายลมและแสงแดดเจิดจ้า ท่ามกลางธรรมชาติบนเกลียวคลื่นสีเขียวมรกตของ “ทะเล” ที่ไหนสักแห่ง

และเมื่อทะเลกลายเป็นจุดหมายปลายทางของการพักผ่อนในฤดูร้อน สถานที่ท่องเที่ยวทางภาคใต้ของประเทศไทยที่เกือบทุกจังหวัดเป็นแนวชายฝั่ง ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเหลือเกินที่จะนำมาพิจารณา 

ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่สถานที่ท่องเที่ยวอันเปรียบดั่งอัญมณีแห่งท้องทะเลในพื้นที่ของจังหวัดกระบี่ จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกนั้น

กระบี่ จังหวัดท่องเที่ยวที่อุดมไปด้วยขุมทรัพย์ทางธรรมชาติอันโดดเด่นสวยงาม เป็นแลนด์มาร์กในฝันที่ทั้งคนไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้าไปพักผ่อนในช่วงหน้าร้อนของทุกปี จากสถิติล่าสุดพบว่า มีนักท่องเที่ยวจำนวนถึง 6.7 ล้านคนในปี 2561 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 10  ปีก่อนหรือในปี 2552 กว่า 4 ล้านคน โดยนอกจากนี้ กระบี่ยังถูกจัดอันดับในโพลของ ทริปแอดไวเซอร์ เว็บไซต์ท่องเที่ยวระดับโลกให้ชนะรางวัล Travellers’ Choice awards for Destinations on the Rise หรือสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมประจำปี 2558 ในอันดับที่ 4 ของโลก

หลากหลายประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวได้ประสบพบเจอบนจังหวัดเล็กๆ ริมฝั่งทะเลอันดามันนี้ อาจเต็มไปด้วยสิ่งที่ทำให้ยากที่จะลืมได้ลง และหากใครอยากเปิดประสาทสัมผัสรับความงดงามแห่งธรรมชาติ กระบี่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

• ชมรูปลักษณ์งดงามตามหมู่เกาะ

พูดถึงกระบี่ ใครๆ ก็คงนึกถึงหมู่เกาะน้อยใหญ่ที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งถ้าหากใครนึกอยากจะมาเที่ยวชมเกาะต่างๆ ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติให้เห็นกับตาก็รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง เพราะกระบี่มีอุทยานแห่งชาติในจังหวัดมากถึง 4 อุทยานด้วยกัน ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา และอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ที่ยังคงสะอาด สวยงาม แม้จะถูกเปิดให้โชว์ตัวรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มเข้ามาทุกปีอย่างไม่ขาดสาย

กิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากชมวิวทิวทัศน์ตามอุทยานต่างๆ ก็มีตั้งแต่การล่องเรือชมหมู่เกาะ การเที่ยวชมหาด ดำน้ำ ดูปะการัง เที่ยวเส้นทางศึกษาธรรมชาติและชมวิวบนยอดเขา  รวมไปถึงการพายเรือคายัคชมถ้ำและทะเลใน 

3 จุดชมวิวห้ามพลาด!

เกาะห้อง ลากูน: ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ลักษณะเป็น “ห้อง” เหมือนกันกับชื่อ คือมีหมู่เกาะล้อมรอบพื้นที่หาดเล็กๆ เป็นวงกลม ทำให้ดูเหมือนสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ช่วงเวลาที่น้ำลงจะแห้งจนเห็นหาดทรายขาว เรียกได้ว่ามองไปทางไหนก็จะเห็นภูเขาต้นไม้โอบรอบอยู่เกือบ 360 องศา

เขากาโรส บ้านไหนหนัง: กลุ่มภูเขาสูงที่มีทั้งทะเลใน (หรือที่เรียกอีกชื่อว่า ลากูน) ถ้ำ ป่าโกงกาง และป่าชายเลน ผู้ที่มาท่องเที่ยวสามารถพายเรือคายัคชมความหลากหลายทางธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด โดยเขากาโรสนี้ จะมีไฮไลท์อยู่ที่ภาพเขียนสีโบราณที่มีอายุราว 3,000 ปีก่อนประวัติศาสตร์ปรากฎอยู่ตามผนังถ้ำ 

เกาะไก่: การนั่งชมพระอาทิตย์ตกที่ทะเลถือว่าเป็นมิชชั่นอีกอย่างหนึ่งที่หลายคนหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องทำให้ได้เมื่อมาพักผ่อนที่ทะเล และการล่องเรือไปชมพระอาทิตย์ตกที่ เกาะไก่ ก็เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ชาวกระบี่แนะนำ เพราะนอกจากจะได้เห็นท้องฟ้าเปลี่ยนสีไล่เฉดอย่างสวยงามยามที่พระอาทิตย์บอกลาแล้ว นักท่องเที่ยวก็ยังได้ชมความงดงามของเกาะที่มีรูปร่างลักษณะคล้างคลึงกับไก่ รวมถึงเกาะอื่นๆ ที่ตั้งอยู่รอบๆ ไปพร้อมๆ กันอีกด้วย 

• รสชาติแห่งอาหารประจำถิ่น

การเปิดสัมผัสรับรสชาติของพื้นถิ่นที่มีอาณาเขตติดกับท้องทะเล จะชัดเจนได้อย่างไรหากยังไม่ได้ลองชิมอาหารทะเลพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสชาติจัดจ้าน โดยเมนูขึ้นชื่อก็หนีไม่พ้นเมนูจาก “หอยชักตีน” ที่เพียงแค่นำหอยมานึ่งหรือต้มในน้ำเดือดธรรมดา และแคะตัวหอยออกมาจิ้มกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดก็อร่อยอย่าบอกใคร 

ที่มาของชื่อ หอยชักตีน หรือ หอยสังข์กระโดด นั้นมาจากลักษณะพิเศษที่ตัวหอยจะมีใบพายล็กๆ แลบออกมาจากเปลือกหอยเพื่อใช้สำหรับเดินในถิ่นที่อยู่ หอยชนิดนี้มักจะอาศัยอยู่บริเวณหญ้าทะเลที่มีพื้นทรายและพื้นโคลนในเขตน้ำทะเล ลึกลงไปจากชายหาดราว 50 เมตร ใบพายที่ถูกชาวบ้านท้องถิ่นเรียกว่า “ตีน” จะเป็นอวัยวะที่ยื่นโผล่พื้นเปลือก ทำให้สามารถดึงตัวหอยออกมาได้สะดวก

หอยชักตีนสามารถพบได้ตามชายฝั่งทั่วประเทศไทย แต่มักไม่ใช่อาหารเด่นของพื้นที่อื่นเท่ากับที่กระบี่ ตัวเนื้อหอยชักตีนจะมีลักษณะเด้ง เนื้อหวาน นอกจากถูกเสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด ยังสามารถนำไปทำอาหารในเมนูอื่นได้อีก เช่น ผัดกะเพรา ผัดฉ่า หรือผัดกินกับอย่างอื่นได้ อร่อยไม่แพ้กัน

ส่วนอาหารอย่างอื่นนอกเหนือจากหอยชักตีน จังหวัดกระบี่ยังมีอาหารใต้น่าลิ้มลองอีกหลายอย่าง เช่น ขนมจีนน้ำยา ที่ยังคงจุดเด่นของขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ คือ มีน้ำยาหลายแบบให้เลือก กินกับไก่ทอดและห่อหมก หรือจะเป็นข้าวสวยร้อนๆ กับแกงรสจัดต่างๆ เช่น แกงส้ม ต้มยำปลากระบอก ผัดสะตอ และคั่วกลิ้ง 

• กลิ่นทะเล หาดทราย และกลิ่นไอดิน  

กลิ่นแดดแผดเผาบนพื้นทราย ผสมกับกลิ่นไออ่อนๆ ที่ลอยออกมาจากทะเลยามต้องกับแสงอาทิตย์ เป็นความรู้สึกที่น่าอภิรมย์เหลือเกินสำหรับเหล่านักท่องเที่ยวที่หลงรักท้องทะเล เพราะการนอนแช่อยู่บนหาดที่เต็มไปด้วยทรายนุ่มละเอียด รับลมที่พัดผ่านและสูดเอากลิ่นไอแดดอุ่นๆ จะช่วยเพิ่มความตื่นตัวและความสดชื่นเสมือนได้รับการบำบัดจากธรรมชาติ นั่นจึงอาจเป็นเหตุที่ทำให้ชาวต่างชาติยอมข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อพักผ่อนรับเอาไอแดดจากทะเลกระบี่ 

มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์อธิบายไว้ว่า กลิ่นไอเค็มๆ ของทะเลนอกจากจะมาจากเกลือที่ระเหยขึ้นไปในอากาศแล้ว ยังเป็นกลิ่นของสาหร่ายและแพลงก์ตอนพืช ที่ลอยขึ้นไปปะทะกับลม ทำให้กลายเป็นกลิ่นไอทะเลที่ไม่มีกลิ่นสังเคราะห์กลิ่นไหนจะทัดเทียมได้ และด้วยความเป็นอุทยาน ก็ยิ่งทำให้กระบี่ยังคงรักษาความอุดมสมบูรณ์ทางทะเลได้อย่างแทบจะไร้ที่ติ

หาดที่ชาวบ้านแนะนำให้ไปนอนพักผ่อนอาบแดดรับเอากลิ่นหาดทรายและไอทะเลก็คือ หาดทรายบน เกาะเหลาลาดิง ที่แม้จะเป็นเกาะเล็กๆ แต่ก็มีข้อดีคือเมื่อนอนอาบแดดจะรู้สึกเหมือนนอนอยู่บนเกาะส่วนตัว และมีวิวทิวทัศน์สวยงามสมชื่อ “เหลาลาดิง” ที่ในภาษามลายูแปลได้ว่า เกาะสวรรค์ 

อีกหาดคือหาดทรายบนเกาะผักเบี้ย ที่จะมีทะเลแหวกเป็นสันทรายเล็กๆ แยกออกจากกันระหว่างเกาะสองเกาะ นั่นทำให้บนเกาะมีพื้นที่ให้สามารถนอนอาบแดดพักผ่อนได้หลายมุมเกือบรอบบริเวณด้วยวิวทิวทัศน์ที่ต่างกัน

และหาดยอดฮิตที่สุดอีกหาดหนึ่งคือหาดทรายบนเกาะห้อง ด้วยพื้นที่ตัวเกาะที่ใหญ่กว้างขวาง ทำให้มีหาดทรายละเอียดปูผ่านเป็นแนวได้ยาวที่สุด ตัวเกาะที่ยืนออกไปในทะเลจะทำหน้าที่บังแดดให้ได้เป็นอย่างดีสำหรับใครที่อยากสัมผัสลมทะเลแบบไม่ต้องการอาบแดด นอกจากนี้ พืชทะเลและปะการังที่อยู่บริเวณชายหาด ยังทำให้ลมพัดเอากลิ่นทะเลและสิ่งมีชีวิตใต้ผิวน้ำมาให้สัมผัสได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

• ฟังดนตรีจากศิลปินริมทะเล

จะมีอะไรดีไปกว่าการละเลียดอาหาร และจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ใช้โสตประสาทสัมผัสถึงเสียงของทะเลกับธรรมชาติที่โอบล้อมอยู่รอบกายในยามพลบค่ำ  ซึ่งนอกจากเสียงบรรยากาศธรรมชาติรอบๆ ตัวแล้ว การได้ยินเสียงดนตรีคลอเบาๆ ริมทะเล ก็ยิ่งเป็น “การฟัง” ที่สุนทรีย์มากขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับการฟังเพลงปกติ  

อีกหนึ่งจุดเด่นของการมาสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งเสียงที่เมืองกระบี่ นั่นคือในทุกๆ ปีจะมีเทศกาลดนตรีริมทะเลอย่าง “กระบี่ นาคา เฟสติวัล” มาขับกล่อมบรรยากาศด้วยดนตรีสุดคลาสสิค พร้อมขนทัพศิลปินหลากหลายแนวมาร้องเพลงและเล่นดนตรีให้ฟังแบบสดๆ ท่ามกลางร้านรวงที่จัดตั้งเป็นซุ้มๆ เพื่อสร้างความโรแมนติก ซึ่งนอกจากนี้ ยังมีการออกร้านสินค้าโอท็อป ของขึ้นชื่อของจังหวัดกระบี่อีกหลายสิบร้าน

กระบี่ นาคา เฟสติวัล หรือ กระบี่นาคาเฟส จะจัดขึ้นในช่วงต้นฤดูร้อนของทุกปีเพื่อที่จะบ่งบอกว่า ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนซัมเมอร์นั้นกำลังเริ่มต้น เทศกาลดนตรีนี้จะจัดขึ้นระหว่างปลายเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงต้นเดือนมีนาคมเป็นระยะเวลา 3 วันตลอดสุดสัปดาห์ตั้งแต่หัวค่ำ นักท่องเที่ยวสามารถมานั่งจิบเครื่องดื่ม เดินชมงานแฟร์ที่อยู่บริเวณชายหาด ดื่มด่ำกับบรรยากาศท่ามกลางเสียงเพลงได้ไปตลอดค่อนคืน

ความสวยงามริมทะเลบนชายฝั่งอันดามันที่กระบี่ เป็นหนึ่งในมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ ที่จะทำให้ใครก็ตามที่เคยไปสัมผัสต้องหวนนึกถึงความงดงามของมันทุกครั้งที่อยากพักผ่อน ไม่จำเป็นต้องตีตั๋วออกไปไหนไกลจากประเทศไทย วิวทิวทัศน์แบบ unseen ที่ชายฝั่งทะเลอันดามันก็ยังรอให้ไปค้นพบอยู่อีกหลายแห่ง และการออกไปค้นพบมันด้วยตัวเอง  ก็เป็นวิธีที่สร้างการรับรู้ได้ดีที่สุดในรูปแบบที่ไม่ว่ารีวิวไหนๆ ก็ไม่สามารถบรรยายออกมาได้หมด

และการหาวันว่างออกไปเที่ยวกระบี่ ก็เป็นแพลนวันหยุดพักร้อนที่น่าสนใจมากทีเดียว