คิดก่อน 'กักตุนสินค้า' เครื่องกรองน้ำ RO ก็เนรมิตน้ำสะอาดได้
รณรงค์คนไทยจับจ่ายแต่พอดี ไม่ต้อง "กักตุนสินค้า" เกินความจำเป็น เพื่อเป็นการกระจายสินค้าให้ทั่วถึงกันทุกคน โดยเฉพาะน้ำดื่มแพ็คบรรจุขวด หากบ้านไหนมีเครื่องกรองน้ำที่เหมาะสมก็มั่นใจได้ว่ามีน้ำดื่มสะอาด
จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมาแถลงว่าสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยนั้น ตอนนี้ยังไม่ต้อง "กักตุนสินค้า" เพราะอาจทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคไม่กระจายไปทั่วถึงทุกคนอย่างเพียงพอ หนึ่งในสินค้าที่พบว่าหมดสต็อคเร็วมากก็คือ น้ำดื่มแบบบรรจุขวด ที่หลายคนคงกังวลว่าหากสถานการณ์แย่ลง (การระบาดโรค "COVID-19" เข้าสู่เฟส 3) อาจจะทำให้ไม่มีน้ำสะอาดไว้สำหรับดื่ม
กรณีนี้อยากให้ทุกคนใจเย็นๆ ลงสักนิด ก่อนจะแห่ไป "กักตุนสินค้า" หรือกักตุนน้ำดื่มแบบบรรจุขวดจนหมดเกลี้ยงทุกห้าง จริงๆ แล้วยังมีอีกหนึ่งทางเลือกในการเนรมิตน้ำดื่มสะอาด นั่นคือ การใช้เครื่องกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพสูงที่สามารถกรองเชื้อโรคอย่าง เชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรียออกไปได้ แม้ว่าอาจจะต้องจ่ายแพงในครั้งแรก แต่เมื่อเทียบกับระยะเวลาการใช้งานแล้วถือว่าคุ้มค่าทีเดียว
อย่ารอช้า...ชวนคนไทยมารู้จักเครื่องกรองน้ำประสิทธิภาพสูงด้วยระบบการกรองแบบ RO ที่จะช่วยเปลี่ยนน้ำก๊อกให้เป็นน้ำสะอาดบริสุทธิ์และดื่มได้อย่างสบายใจ
- เครื่องกรองน้ำระบบ RO คืออะไร?
เครื่องกรองน้ำระบบ RO เป็นการกรองน้ำโดยใช้แรงดันให้น้ำผ่านเยื่อเมมเบรน (Membrane) ที่มีความสามารถในการกรองได้ละเอียดมากว่ากันว่าสามารถกรองเอาสิ่งที่เล็กกว่าเส้นผมถึง 500,000 เท่า (เส้นผม=50 ไมครอน) ออกไปได้ กรองได้ถึงระดับไอออนและโมเลกุลของสารละลายที่อยู่ในน้ำ ไม่ว่าจะเป็นสารตกค้าง และเชื้อโรคออกไปจากน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นน้ำที่ผ่านการกรองด้วยระบบ RO จะเป็นน้ำบริสุทธิ์ สามารถพิสูจน์ได้ด้วยกระบวนการวิเคราะห์ทาง ฟิสิกส์, เคมี, พิษวิทยาและจุลชีววิทยา
มีข้อมูลจากสํานักสุขาภิบาลอาหารและน้ํา กรมอนามัย ระบุว่า เครื่องกรองน้ําระบบ RO (Reverse Osmosis System) มีคุณสมบัติในการกรองให้ความละเอียดสูงถึง 0.0001 ไมครอน และให้คุณภาพน้ำสะอาดบริสุทธิ์ถึง 99.999%
- เครื่องกรองน้ำ RO กำจัดเชื้อไวรัสได้ไหม?
กรมอนามัย ระบุอีกว่าเครื่องกรองน้ําระบบ RO สามารถกรองตะกอนขนาดใหญ่และจุลชีพขนาดเล็กได้ พร้อมช่วยกําจัด สี กลิ่น คลอรีนออกจากน้ำ สามารถลดความกระด้างในน้ำและช่วยดักจับสารโลหะหนัก และสามารถกรองเชื้อไวรัส แบคทีเรีย กำจัดความเค็มของน้ำได้ รวมถึงกำจัดแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำออกไปด้วย
อีกทั้งมีข้อมูลจากหนังสือวิชาการเรื่อง Understanding Pathophysiology โดย Sue E. Huether, Kathryn L. McCance ที่ระบุว่า เชื้อไวรัสป็นจุลชีพที่มีขนาดเล็กมากประมาณ 20-300 นาโนเมตร หรือเท่ากับ 0.02-0.3 ไมครอน ดังนั้นพอจะสรุปได้ว่า หากแหล่งน้ำนั้นมีเชื้อไวรัสปะปนอยู่ เมื่อนำมากรองด้วยระบบ RO ที่มีเยื่อเมมเบรนที่ใช้กรองได้ละเอียดสูงถึง 0.0001 ไมครอน จึงสามารถกรองเอาเชื้อไวรัสออกจากน้ำได้ แต่ทั้งนี้ก็ควรเปลี่ยนไส้กรองตามอายุการใช้งานที่กำหนดไว้ด้วยจะดีที่สุด
เรื่องนี้ แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย ได้เคยให้ข้อมูลผ่านบทความวิชาการเอาไว้ว่า ประชาชนที่ติดตั้งเครื่องกรองน้ำไว้ในบ้านเพื่อกรองน้ำประปาสำหรับการบริโภคภายในครัวเรือน เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำมาบริโภคนั้นถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง การติดเครื่องกรองน้ำประจำบ้านก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้น้ำประปามีความสะอาดและน่าดื่มมากขึ้น แต่ควรศึกษารายละเอียดในการดูแลรักษาเครื่องกรองน้ำจากคู่มือคำแนะนำด้วย โดยเฉพาะการล้างและการเปลี่ยนไส้กรอง ควรทำอย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนด เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปจะทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องกรองน้ำลดลง น้ำที่ได้อาจปนเปื้อนเชื้อโรคและอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้
- การทำงานของเครื่องกรองน้ำระบบ RO
การทำงานของวเครื่องกรองน้ำระบบ RO นั้นน้ำจะผ่านเข้าไส้กรองหลายชั้น รวมทั้งหมด 5 ขั้นตอน ได้แก่
1. น้ำจะไหลผ่านไส้กรองหยาบ หรือ PP UniPure เพื่อกรองเอาตะกอนขนาดใหญ่กว่า 5 ไมครอน เช่น สนิม ทราย กรวด โคลน สาหร่ายและสารแขวนลอยอื่นๆ ออกจากน้ำ ไส้กรองชนิดนี้มีอายุการใช้งาน 3-6 เดือน
2. จากนั้นน้ำจะไหลต่อมาที่ไส้กรองคาร์บอน (Block Carbon) ทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรกและกลิ่นที่ดูดซับสิ่งสกปรกทางเคมี คุณสมบัติของตัวกรองที่มีโพลีอะไมด์ทำให้สามารถสกัดสิ่งสกปรกในน้ำได้อย่างดี ไส้กรองชนิดนี้มีอายุการใช้งาน 6-12 เดือน
3. จากนั้นน้ำจะถูกส่งมาที่ไส้กรองเรซิ่น โดยน้ำจะถูกกรองโดยใช้การแลกเปลี่ยนไอออน (Ion Exchange) เพื่อดูดซับแร่ธาตุทางวเคมีต่างๆ เช่น หินปูน (Ca, Mg) แล้วปล่อยโซเดียม (Na) ลงไปในน้ำ ทำให้ได้น้ำที่บริสุทธิ์มากขึ้น และยังช่วยกำจัดสารที่ทำให้เกิดนิ่วได้ ไส้กรองตัวนี้มีอายุการใช้งาน 6-12 เดือน
4. จากนั้นน้ำจะผ่านการกรองด้วยไส้กรอง RO เครื่องจะเพิ่มความดันน้ำด้วยปั๊มแรงดันสูง (High Presser Pump) เพื่อให้น้ำเข้าสู่ไส้เมมเบรน กรองเอาเชื้อโรคและจุชชีพขนาดเล็กต่างๆ ออกไปให้หมด ไส้กรองนี้มีอายุการใช้งานประมาณ 6-12 เดือน
5. น้ำผ่านการกรองด้วยไส้กรองคาร์บอนอีกครั้งหนึ่งเพื่อช่วยดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ และเพื่อเติมด่างลงไปในน้ำ ช่วยปรับรสชาติ เพื่อให้น้ำที่ได้มีกลิ่นและรสชาติดี ไส้กรองนี้มีอายุการใช้งาน 6-12 เดือน
- ข้อดี VS ข้อเสีย กรองน้ำด้วยระบบ RO
สำหรับข้อดีของการใช้เครื่องกรองน้ำระบบ RO คือ น้ำที่ได้จะมีความสะอาดมาก เชื้อโรค จุลินทรีย์ ไม่มีทางหลุดผ่านเยื่อกรองนี้ได้ และหากนำไปต้มก็จะพบว่าแทบไม่มีขี้ตะกรันอยู่เลย
ส่วนข้อเสียก็มีเหมือนกัน นั่นคือ น้ำรสชาติไม่อร่อย และด้วยความละเอียดในการกรองน้ำที่ค่อนข้างสูง ทำให้แร่ธาตุในน้ำถูกขจัดออกไปด้วย ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารที่มีเกลือแร่และวิตามินให้เพียงพอด้วย ร่างกายจะได้มีแร่ธาตุที่สมดุลอยู่เสมอ
- การเลือกเครื่องกรองน้ํา RO ให้ได้มาตรฐาน
มีข้อมูลจากสํานักสุขาภิบาลอาหารและน้ํา กรมอนามัย ที่ได้แนะนำเรื่องนี้ไว้ด้วยเช่นกัน โดยระบุถึงการพิจารณาเลือกซื้อเครื่องกรองน้ํา RO เอาไว้ว่า ให้เลือกเครื่องกรองน้ำผ่านมาตรฐานผลิตอุตสาหกรรม มอก.2392-2551 และ มอก.1420-2551 และต้องสามารถกรองน้ำได้ปริมาณเพียงพอต่อการบริโภค คือ 2 ลิตรต่อคนต่อวัน สำหรับตัวเครื่องต้องใช้วัสดุที่ได้คุณภาพสูง ได้แก่ พอลิเอไมด์ (นิยมที่สุด), โพลิไวนิลลิดีน, โพลีเอทิลีน, โพลีเอสเตอร์ เป็นต้น
-----------------------
ที่มา:
http://foodsan.anamai.moph.go.th/ewt_dl_link.php?nid=3774&filename=media2018_2
http://foodsan.anamai.moph.go.th/ewt_dl_link.php?nid=3775&filename=media2018_2
https://books.google.co.th/books?id=vyGKCwAAQBAJ&pg=PA177&lpg