3 วิธีกิน ‘ฟ้าทะลายโจร’ ให้ถูกต้องและปลอดภัยช่วยต้านไวรัส

3 วิธีกิน ‘ฟ้าทะลายโจร’ ให้ถูกต้องและปลอดภัยช่วยต้านไวรัส

"ฟ้าทะลายโจร" ไม่ใช่ยารักษา COVID-19 แต่เป็น "สมุนไพร" ฤทธิ์เย็นที่กินแล้วสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ต่อต้านเชื้อไวรัส และช่วยป้องกันหวัดได้

สถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ในเมืองไทยนั้น ล่าสุด..กระทรวงสาธารณสุขแถลงว่าพบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 35 รวมยอดสะสม 212 ราย ไม่แปลกที่ผู้คนจะตื่นตระหนกไปทั่วประเทศ ประชาชนเริ่มมองหาทางป้องกันอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างเช่นการหาซื้อยาสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร" มากินแก้ไข้ แก้ไอ แต่ต้องย้ำกันอีกทีว่า "ฟ้าทะลายโจร" ไม่ใช่ยารักษาโรค COVID-19 แต่สามารถกินเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันป้องกันไม่ให้ป่วยง่าย และช่วยรักษาอาการป่วยไข้ธรรมดาทั่วไปเท่านั้น

แล้วทำไม "ฟ้าทะลายโจร" ถึงสามารถช่วยป้องกันและต่อต้านเชื้อไวรัสได้? เรื่องนี้มีคำตอบจาก ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ นายกสภามหาวิทยาลัยเนชั่น และนายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสาธารณสุข อธิบายว่า ฟ้าทะลายโจรเป็นสมุนไพรที่เมื่อทานเข้าไปแล้วสามารถสร้างความสมดุลให้ร่างกายได้ ไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้โดยตรง แต่จะเป็นยาเย็นที่ช่วยทำให้มีการหลั่งสารคัดหลั่งในทางเดินหายใจที่จะช่วยป้องกันเคลือบให้ไวรัสโจมตีเข้าถึงปอดได้ยากขึ้น ทำให้ร่างกายจะต่อสู้กับเชื้อโรคเหล่านั้นได้และช่วยให้ระบบทางเดินหายใจมีภูมิต้านทานมากขึ้น

สำหรับสรรพคุณหลักๆ ของ "ฟ้าทะลายโจร" ได้แก่ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบ และต้านไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจ อีกทั้งยังมีงานวิจัยจากประเทศชิลี ที่ศึกษาทดลองทางคลินิกในผู้ป่วยเพื่อพิสูจน์ประสิทธิผลของสารสกัด "ฟ้าทะลายโจร" ในการรักษาอาการอันเนื่องจากหวัดทั่วไป (common cold) พบว่าการรับประทานยาสารสกัดใบฟ้าทะลายโจรขนาด 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 3-4 วัน สามารถลดอาการรุนแรงของโรคอันเนื่องจากหวัดได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยพบว่าใน 3 วันแรกของกลุ่มทดลองที่ได้รับฟ้าทะลายโจรขนาดสูง 6 กรัมต่อวัน มีผลช่วยลดอาการไข้และอาการเจ็บคอได้ 80%-90%

ไม่เพียงเท่านั้น ในประเทศไทยยังมีการศึกษาวิจัยด้าน สรรพคุณทางยาจากฟ้าทะลายโจร อีกมากมาย เช่น ค้นพบว่ามีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชรา ช่วยป้องความผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อมาลาเรีย มีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือดและลดความดันเลือดได้ดี เป็นต้น

158453195952

เห็นข้อดีมากมายขนาดนี้หลายคนคงอยากรู้วิธีการใช้หรือการรับประทาน "ฟ้าทะลายโจร" ให้ถูกต้องและปลอดภัยกันแล้ว ซึ่งทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการกินยาฟ้าทะลายโจรให้ปลอดภัย ดังนี้

1. รับประทานเพื่อป้องกัน/กลุ่มเสี่ยง

คนทั่วไปที่ยังไม่ป่วยสามารถรับประทานฟ้าทะลายโจรได้วันละ 1 แคปซูล โดยกินต่อเนื่องกัน 5 วันต่อสัปดาห์หรือวันเว้นวัน ใช้ได้ในระยะเวลา 3 เดือน ในช่วงที่มีไวรัสแพร่ระบาด โดยยาฟ้าทะลายโจร 1 แคปซูล มีสารสำคัญ Andrographalide ปริมาณ 12 มิลลิกรัม (อ้างอิงงานวิจัย ใช้ Andrographolide วันละ 11.2 mg พบว่าช่วยลดการเป็นหวัดลง 2 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มยาหลอก)

2. รับประทานเมื่ออาการไข้ทั่วไป

สำหรับผู้ใหญ่ (อายุ 12 ปีขึ้นไป) รับประทาน 4 ครั้ง ครั้งละ 3 แคปซูล คือ หลังอาหารเช้า หลังมื้อกลางวัน หลังมื้อเย็น และก่อนนอน จนอาการดีขึ้น และควรกินยาฟ้าทะลายโจรติดต่อกันไม่เกิน 7 วัน (ปกติไข้หวัดธรรมดาจะหายใน 1-2 สัปดาห์) ส่วนในเด็กอายุ 4-11 ปี รับประทาน 1-2 แคปซูล ให้กินได้ไม่เกิน 10 วัน (ยังไม่มีการศึกษาในขนาดการป้องกัน)

*หมายเหตุ: การแนะนำรับประทานนี้อ้างอิงจากขนาดยาแคปซูลฟ้าทะลายโจรอภัยภูเบศรเท่านั้น (หากเป็นฟ้าทะลายโจรของแบรนด์อื่นหรือการกินสดจะไม่สามารถใช้ขนาดเดียวนี้ได้ทั้งหมด)

158460932247

3. "ฟ้าทะลายโจร" บางคนก็ไม่ควรกิน!

- ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ฟ้าทะลายโจร

- ห้ามใช้ในผู้มีความผิดปกติของตับและไต

- ไม่ควรใช้ขนาดสูงติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทําให้แขนขาชาหรืออ่อนแรง

- ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร เนื่องจากยามีฤทธิ์เย็น

- กรณีกินเพื่อแก้ไข้เจ็บคอ หากผ่านไป 24 ชั่วโมงแล้วไม่ดีขึ้นควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์

- ระวังการใช้ร่วมกับยาลดความดัน เพราะอาจเสริมฤทธิ์กัน

- ระวังการใช้ร่วมกับสารกันเลือดเป็นลิ่มและยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด เช่น วาฟาร์ริน แอสไพริน

- หลีกเลี่ยงการใช้ในผู้ที่ได้รับยากดภูมิเพราะสมุนไพรจะไปลดฤทธิ์ยา

- ในช่วงที่ COVID-19 ระบาด หากมีอาการ ไข้สูง ไอ เจ็บคอ เหนื่อยหอบ หรือเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง ควรพบแพทย์เพื่อคัดกรองอาการก่อนใช้ฟ้าทะลายโจร

ทั้งนี้ การแนะนำรับประทานนี้อ้างอิงจากขนาดยาแคปซูลฟ้าทะลายโจรอภัยภูเบศร (หากเป็นฟ้าทะลายโจรของแบรนด์อื่นหรือการรับประทานสดจะไม่สามารถใช้ขนาดเดียวกันนี้ได้ทั้งหมด)

สนใจฟ้าทะลายโจร คลิก

---------------------

ที่มา : โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร, สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ (CRI), สถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์ (CGI), ศูนย์ความเป็นเลิศด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมและพิษวิทยา