รวมกันตายหมู่! 'นกน้อย อุไรพร' ร่ำไห้ชีวิตหมอลำ ตกงานทั้งประเทศ พิษโควิด-19
กลายเป็นประเด็นร้อน! "นกน้อย อุไรพร" ร่ำไห้เศร้า รวมกันตายหมู่ สะท้อนชีวิตหมอลำ ตกงานทั้งประเทศ พิษโควิด-19
"นกน้อย อุไรพร" อุไร สีหะวงศ์ เจ้าของคณะเสียงอิสาน และประธานชมรมหมอลำภาคอีสาน ออกมาเปิดใจผ่านการไลฟ์เฟซบุ๊ค กรณีคณะหมอลำในภาคอีสานถูกเจ้าภาพยกเลิกงานและเลื่อนจัดงานอย่างไม่มีกำหนด ตามมติ ครม. เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า โรคโควิค-19
นกน้อย อุไรพร เล่าสู่กันฟัง แรงเสียดทานระหว่างหัวหน้าวงและลูกคณะ ที่ตกงานทุกคณะหมอลำ ถูกเจ้าภาพยกเลิก มีการปรับทุกข์เพราะหมอลำทุกคณะถูกยกเลิกงานตั้งแต่เดือนมีนาคมไปหมดแล้ว เดือนเมษายนก็น่าจะเป็นเหมือนกัน ซึ่งไม่รู้ว่าการแพร่ระบาดอีกกี่เดือน อาจต้องรอถึงปีหน้า
"ในวันนี้ไม่มีปาฏิหาริย์ รวมกันตายหมู่ ไม่ใช่รวมกันเราอยู่ แต่ก็ต้องรวมกันอยู่ เพราะไปกันไม่ถูก ตื่นเช้าขึ้นมาวันนี้ หลังครม.สั่งปิด ควบคุมงาน เจ้าภาพก็โทรมายกเลิกงานจ้าง ทำให้กระทบวิถีชีวิตหมอลำ ไม่ใช่แค่วงแม่วงเดียว แต่โดนทุกวง..งานเปิดฤดูกาลหมอลำถูกเลื่อนไปเป็นช่วงเดือน ต.ค. จนทำให้ตอนนี้สมาชิกในคณะที่มีภาระค่าใช้จ่ายต้องเจอความลำบากกันหมด ส่วนตัวถึงแม้จะมีวิกฤตเรื่องการเงิน แต่จะไม่หนีหนี้หรือโกงแน่นอน โดยอยากขอเจ้าหนี้ให้พักชำระหนี้และดอกเบี้ยในเวลานี้"
เจ้าของคณะเสียงอิสาน ย้ำไม่อยากเสียสัจจะ แต่ไม่มีคำตอบให้เรื่องหยิบยืมเงินมาทำวง และขอบคุณที่ให้กำลังใจ จะยังต้องสู้ตราบทุกลมหายใจ
"นกน้อย อุไรพร" เล่าย้อนหลังทำวงเสียงอิสานช่วงโด่งดัง เงินมากเอาเงินใส่กะละมังไว้ใต้เตียง แต่ตอนนี้เสียงอิสานขาลง เล่าทั้งน้ำตาขอเปิดใจ ให้โอกาสแม่นกน้อยมีงานไปถึงปีหน้า
"..ขอเทวดาได้ยิน.." เสียงจากอดีตราชินีหมอลำ
ทั้งนี้ คณะเสียงอิสาน เมื่อปี 2561 ข่าวคราวหมอลำถังแตกเรื่องหนี้สิน จนแก้ปัญหาและทำวงอีกครั้ง จนมาเจอปัญหาโควิด-19 กล่าวสำหรับ นกน้อย อุไรพร หรือชื่อเดิมสกุลเดิม อุไร สีหะวงศ์ เกิดที่บ้านจอม ต.ยางชุมน้อย อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ เป็นศิลปินลูกทุ่งหมอลำ นกน้อยเริ่มต้นการเข้าสู่วงการบันเทิงโดยเข้าประกวดร้องเพลงที่สถานีวิทยุ เธอกวาดรางวัลชนะเลิศมาทุกเวที จากนั้น นพดล ดวงพร นำมาเป็นนักร้องประจำวงเพชรพิณทอง จนมีชื่อเสียง
ปี 2518 นกน้อยลาออกจากวงเพชรพิณทอง มาสังกัดสำนักงานบ้านพักทัมใจ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของหมอลำกว่าร้อยคณะ ภายใต้การบริหารงานของ “อาทิดหลอด” หรือชื่อจริง มัยกิจ ฉิมหลวง ซึ่งตอนนั้นเป็นนักจัดรายการวิทยุที่ได้รับความนิยมสูงสุดของอุดรธานี
แรกๆ นกน้อยยังเป็นนักร้องรับเชิญตามคณะหมอลำต่างๆ โดยมีอาทิดหลอดเป็นผู้ขับรถและประสานงานในทุกเรื่อง นกน้อยมีหน้าที่ขึ้นร้องเพลงอย่างเดียวเท่านั้น ต่อมาอาทิดหลอด จึงทุ่มทุนตั้งวงดนตรีลูกทุ่งหมอลำ “เสียงอิสาน” ภายใต้การนำของนกน้อย อุไรพร เดินสายรับใช้แฟนทั่วภาคอีสาน แม้ระยะแรกยังไม่โด่งดังมากนัก แต่เมื่อนักร้องดังขึ้นมาวงเสียงอิสานก็ได้รับความนิยมสูงสุดช่วงระหว่างปี 2540-2553
ยุครุ่งเรืองของวงเสียงอิสาน นำทีมโดย นกน้อย อุไรพร, ลูกแพร-ไหมไทย อุไรพร และปอยฝ้าย มาลัยพร พร้อมด้วยทีมตลก นอกจากนั้นลำเรื่องต่อกลอนของคณะเสียงอิสาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฮอยปานดำ, ฮอยปูนแดง และวงเวียนชีวิต ล้วนได้รับความนิยม
วงเสียงอิสานได้รับการโจษขานว่ามีทีมงานมากกว่า 300 ชีวิต และรถราชนิดต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 30 คัน เวลายกวงแสดงที่ไหนไม่ต่างจากคาราวานอภิมหาหมอลำ แต่ช่วง 10 ปีกว่า ตลาดเพลงลูกทุ่งซบเซา ตลาดซีดี-วีซีดีตายสนิท ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการสื่อสาร สื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ได้ทำให้เกิดการพลิกผันในวงการเพลงลูกทุ่งและหมอลำ
ความยิ่งใหญ่ของเสียงอิสานด้านหนึ่งมาจากการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียง เวที ซึ่งบอบช้ำมาจากการทัวร์เดินสาย 8 เดือนเต็ม เมื่อเปิดฤดูกาลใหม่ (เดือนตุลาคมของทุกปี) ก็ต้องลงทุนใหม่ ใช้เงินไม่ต่ำกว่า 5-6 ล้านบาท รวมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย โดยใช้เงินสูงถึง 5 ล้านบาท แต่รายได้ของวงเสียงอิสาน กลับไม่ได้ดีเหมือนในอดีต
นักร้องแม่เหล็กอย่าง ไหมไทย อุไรพร และปอยฝ้าย มาลัยพร แยกตัวออกไป ลูกแพร อุไรพร ก็เลิกรา ประกอบกับสปอนเซอร์หลักถอนตัว จึงทำให้วงเสียงอิสานในช่วง 2-3 ปีมานี้ อยู่ในภาวะประคองตัวให้อยู่รอด!!
ขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ค เสียงอิสาน นกน้อย อุไรพร