ผูกปิ่นโต เที่ยวเอเซีย ยุคโควิด-19
สัมผัสรสชาติแห่งตะวันออก ด้วยเมนูอาหารสุดโปรด รังสรรค์โดย Rise Cafe' ในรูปแบบ "ผูกปิ่นโต"เพราะช่วงนี้เราไม่สามารถเดินทางออกไปท่องเที่ยวได้ แต่สีสันในชีวิตไม่หายไปไหน
ดังที่เห็นโพสในโซเชียลมีเดียช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อนๆในเฟสบุ๊คชวนคิดกันว่าหลังจากกักตัวเฝ้าระวังภัยโรคระบาด จบโควิด-19 แล้วคุณคิดจะทำอะไรเป็นสิ่งแรก หลายคนตอบว่า “ท่องเที่ยว” ทว่าไม่รู้อีกนานแค่ไหนที่จะได้ทำเช่นนั้น คุณอุ้ม-วิภาวี กิตติเธียร เจ้าของร้าน Rise Café (เป็นคาเฟ่ผลไม้ เช่นน้ำปั่นจากผลไม้แท้ๆ รับจากเกษตรกรโดยตรงเสิร์ฟถึงผู้บริโภคภายใต้แนวรักษ์โลก) เกิดไอเดียเสิร์ฟอาหารแบบผูกปิ่นโต จันทร์-ศุกร์ มีคอนเซ็ปต์น่าสนใจ ด้วยการอาสาพาทุกคนออกเดินทางไปท่องเที่ยวโดยเริ่มต้นที่เอเซียใต้ ลิ้มรสชาติแห่งตะวันออก ส่งถึงประตูหน้าบ้านโดยไม่สร้างขยะ
เช่นวันจันทร์พาไปเที่ยวญี่ปุ่น อาหารมื้อกลางวันเป็น “เบนโตะ” มื้อเย็นเสิร์ฟ “ยากิโซบะ”
วันอังคารชวนไปสิงคโปร์ เสิร์ฟ “บักกุ๊กเต๋” และเย็นเป็น “ข้าวมันไก่สิงคโปร์”
วันพุธไปเกาหลีเสิร์ฟ “ต๊อกโบกี” และ “จาจังมย็อน” วันพฤหัสไปไต้หวันกันจึงเสิร์ฟ “เต้าหู้เสฉวน” และ “หลู่โล่วฟั่น” (หมูพะโล้ สไตล์ไต้หวัน) วันศุกร์ไปอินเดียมื้อกลางวันเป็น “Butter Chicen” มื้อเย็นเป็น “ข้าวหมกไก่” ส่วนสัปดาห์ต่อไปจะเสิร์ฟอะไรติดตามกันอาทิตย์ต่ออาทิตย์นะจ๊ะ จะได้ไม่เที่ยวซ้ำจำเจ
คุณอุ้มอธิบายถึงแนวคิดว่า ช่วงนี้ร้านอาหารเปิดบริการไม่ได้ (นั่งรับประทานที่ร้านไม่ได้)ทุกคนต้องปรับตัวหันสู่เส้นทางเดลิเวอรี่ เดิมร้านของเธออยู่ในโฮสเทล(Once Again Hostel)แถวเสาชิงช้า เธอทำงานเกี่ยวกับด้านการพัฒนาเมืองและชุมชนอยู่แล้ว จึงมองเห็นปัญหาเกี่ยวกับขยะล้นเมืองและตระหนักในเรื่องนี้มาก
“ถ้าเราจะต้องทำอาหารแบบเดลิเวอรี่ก็ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหาขยะที่กำลังจะล้นเมือง ช่วงแรกๆก่อนที่เราจะมีปิ่นโต ก็พยายามใช้แพคเกจ เป็นภาชนะที่มาจากธรรมชาติ เช่นข้าวอบสับปะรด เราก็เสิร์ฟในลูกสับปะรด แตงโมสามารถเป็นภาชนะใส่อะไรได้บ้างเราก็พยายามคิด
ถ้าไม่มีจริงๆเราก็นำใบบัวมาใช้ ของเหล่านี้ใช้เสร็จกลับมาเป็นปุ๋ยได้ สุดท้ายถ้าเราจะต้องใช้ภาชนะซ้ำเพื่อไม่ก่อให้เกิดขยะ จะทำยังไง ก็เลยคิดถึงปิ่นโตในสมัยก่อนเรื่องผูกปิ่นโต ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เมื่อก่อนนานมาแล้วเราก็ใช้กัน แล้วเสิร์ฟเมนูที่เหมาะกับยุคสมัย ลองดูว่าตรงนี้จะตอบโจทย์คนที่อยู่บ้านตอนนี้ไหม ปรากฏว่าได้ผลตอบรับค่อนข้างดีเหมือนกันคะ”
ทำอย่างไรให้ในปิ่นโตไม่ใช่แค่อาหารธรรมดา คุณอุ้มและน้องๆช่วยกันคิดเติมสีสันในปิ่นโตมีอาหารที่น่าสนใจ
“ที่เราเลือกธีมเป็นอาหารเอเชียมาก็เพราะว่า ช่วงนี้เราไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้แล้ว สีสันในชีวิตก็แอบหายไปค่อนข้างเยอะ ความสนุกในแง่ต่างๆก็หายไปด้วย เราไม่สามารถเข้าไปนั่งรับประทานอาหารในร้านหลายๆประเภทได้ ต้องอยู่แต่ในบ้าน และขี้เกียจมานั่งไล่ดูว่าเราจะสั่ง Grab Food เราจะสั่งเดลิเวอรี่แต่ละมื้อเป็นอะไรดี เราต้องมานั่งเปิดนั่งเลือกทุกวัน มันก็เบื่อ ดังนั้นเราก็เลยเลือกมาให้ เติมสีสันเหมือนเรากำลังเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศต่างๆ ในทวีปเอเซียของเรา มีทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารจีน อาหารไต้หวัน อาหารสิงคโปร์ อาหารเกาหลี อาหารอินเดีย ทำให้แต่ละมื้อไม่น่าเบื่อ”
เสิร์ฟแบบนี้มา 4 สัปดาห์แล้ว ยอมรับว่าซื้อปิ่นโตไม่ทันจึงรับแค่ สัปดาห์ละ 100 ที่ ส่งอาหารมื้อกลางวันระหว่างเวลา 11.00-12.00 น. และมื้อเย็นเวลา 17.00-18.00 น. อาหารทำสดมื้อต่อมื้อ จะไม่ทำแช่เย็นไว้อุ่น ลูกค้าจะได้ความสดใหม่ของการปรุง ส่งอาหารวันละสองครั้งตามเวลามื้ออาหารเพื่อคุณภาพอาหารที่ดีและมีเวลาเก็บปิ่นโตกลับไปล้างทำความสะอาดอีกด้วย
ช่วงแรกๆมีข้อจำกัดทั้งการผลิต และหาซื้อปิ่นโตเพิ่มไม่ได้ ขอส่งเฉพาะเขตพระนคร ระยะ 15 กิโลเมตร ค่าส่งมื้อละ 30 บาท (คิดเหมา300 บาทต่อ 1 อาทิตย์)เพราะคนส่งอาจจะไปไม่ถึง มีลูกค้าอยู่ไกลๆเช่นลาดพร้าว 101 ต้องการผูกปิ่นโตทว่าเธอขอปฏิเสธเนื่องจากยังไม่มีกำลังส่งไปถึง อนาคตอาจมีการคิดแผนการส่งนอกพื้นที่ และเพิ่มศักยภาพในด้านต่างๆ สนใจติดตามเมนูอาเซียนของเธอได้ สัปดาห์หน้าจะพาไปเที่ยวที่ไหน ไม่ได้ชิมได้ชมก็รื่นรมย์ดีเหมือนกันนะคะ
ผูกปิ่นโต วันจันทร์-ศุกร์ รวม 10 มื้อ ราคาประมาณ 990 บาท ราคาต่อมื้อ 99 บาท ถือว่าไม่แพงเลย สนใจสั่ง Line :@risecafe (มี @ ด้วยนะ) หรือเข้าไปชมได้ที่เฟสบุ๊ค https:www.facebook.com/10422031168722/poste/136734691250609/
ท้ายนี้เธอขอฝากถึงทุกคนเรื่องการใช้พลาสติกที่ผ่านมาเชื่อว่าทุกท่านทราบดีอยู่แล้วว่ามันเป็นวัสดุที่ย่อยสลายยาก ดูเหมือนทุกๆวันในชีวิตประจำวันจะเป็นเรื่องเล็กๆ แค่เราแกะช้อน-ส้อม พลาสติกออกจากห่อพลาสติก ดูเป็นชิ้นเล็กๆ ทว่าชิ้นเล็กๆของหลายๆคนอาจจะสะสมเป็นปัญหาใหญ่ กลายเป็นโจทย์ใหญ่ของเมือง ของโลก ก่อนหน้านี้ 3-4 ปี เราไม่เคยเจอปัญหาฝุ่น PM 2.5 เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ ถ้าเราหักดิบเปลี่ยนวิถีชีวิตไปเลยก็ค่อนข้างยาก แต่ถ้าทุกคนค่อยๆตระหนัก ค่อยๆช่วยกันทำในสิ่งที่พอจะทำได้ ก็คงช่วยให้อะไรหลายๆอย่างค่อยๆดีขึ้นได้