'หม้อทอดไร้น้ำมัน' ดีต่อ 'สุขภาพ' จริงไหม? ชวนรู้ข้อดีข้อเสียก่อนซื้อ!

'หม้อทอดไร้น้ำมัน' ดีต่อ 'สุขภาพ' จริงไหม? ชวนรู้ข้อดีข้อเสียก่อนซื้อ!

ชวนรู้ข้อดีข้อเสียของ “หม้อทอดไร้น้ำมัน” ไอเท็มยอดฮิตของคนยุค COVID-19 ที่สามารถปรุงอาหารโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน ถือเป็นอุปกรณ์ทำครัวทางเลือกของคนรุ่นใหม่ที่อยากกินของทอดแบบสบายใจ ไม่กลัวอ้วน!

ช่วง “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” แบบนี้ หนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยแก้เหงาช่วง “กักตัว” และทำให้อิ่มอร่อยได้ด้วย นั่นคือ การทำอาหาร โดยเฉพาะการปรุงด้วย “หม้อทอดไร้น้ำมัน” ที่กำลังฮอตฮิตอยูในตอนนี้ เพราะเป็นอุปกรณ์ทำอาหารที่คนรุ่นใหม่เชื่อว่าช่วยทำอาหารเพื่อสุขภาพได้ เพราะไม่มีการใช้น้ำมันในการปรุงอาหาร ช่วยลดการบริโภคไขมันตัวการที่ทำให้อ้วน

มีหลายคนนำสูตรเมนูจาก “หม้อทอดไร้น้ำมัน” ของตัวเองมาแชร์บนโลกโซเชียลมากมายหลายเมนู ว่าแต่...การปรุงอาหารด้วยไอเท็มที่ว่านี้จะช่วยให้สุขภาพดีได้จริงหรือ? มีข้อควรรู้อะไรบ้างก่อนจะตัดสินใจซื้อ มาหาคำตอบพร้อมกัน

  • “หม้อทอดไร้น้ำมัน” กินของทอดได้ไม่ต้องใช้น้ำมัน!

มาทำความรู้จักเจ้า “หม้อทอดไร้น้ำมัน” หรือ Air Fryer กันให้มากขึ้นอีกนิด แม้ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะเรียกกันว่า “หม้อทอด” แต่จริงๆ แล้วหลักการการทำงานของมันก็มีความคล้ายๆ กับ “หม้ออบฝาลมร้อน” สมัยก่อนที่เราเคยใช้กัน คือ ระบบภายในตัวเครื่องจะผลิตความร้อน แล้วมีใบพัดใช้ในการพัดลมร้อนให้อบอวลไปมาในหม้อทำให้อาหารสุก แต่ก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย คือ

- หม้อทอดไร้น้ำมัน (Air Fryer) : ให้ความร้อนได้ดี อุณหภูมิคงที่ มีเทคโนโลยีกระจายลมร้อนที่ทำให้อาหารสุกทั่วถึงและสม่ำเสมอได้ดีกว่า ดึงความชื้นและรีดไขมันออกจากวัตถุดิบ ทำให้ผิวสัมผัสด้านนอกของอาหารแห้งและกรอบเหมือนทอดด้วยน้ำมันแต่ไม่ต้องใช้น้ำมัน เหมาะกับการปรุงอาหารประเภทอบและทอด

- หม้ออบฝาลมร้อนโถแก้ว : ให้ความร้อนได้ดีแต่บางครั้งอุณหภูมิไม่คงที่ อากาศและความชื้นจะหมุนเวียนอยู่ภายในทำให้อาหารฉ่ำ ไม่ช่วยรีดไขมัน เหมาะกับการปรุงอาหารประเภทอบ

158860786364

แต่ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่า “หม้อทอดไร้น้ำมัน” จะสามารถทำเมนูทอดให้มีหน้าตาเหมือนการทอดด้วยน้ำมันได้ทุกเมนู ตัวอย่างเมนูที่ทำแล้วออกมาแล้วมีหน้าตาเหมือนของทอดที่ทอดด้วยน้ำมันแบบชัดเจน ได้แก่ เฟรนช์ฟรายทอด, หมูกรอบ,  หนังไก่ทอด เป็นต้น เนื่องจากวัตถุดิบเหล่านี้มีไขมันแทรกอยู่มาก เมื่อนำมาปรุงด้วย “หม้อทอดไร้น้ำมัน” ลมร้อนจากตัวเครื่องก็จะอบอาหารให้สุก ขณะเดียวกันไขมันที่แทรกอยู่นั้นก็เดือดจัดและไหลออกจากวัตถุดิบ ส่งผลให้ผิวด้านนอกของวัตถุดิบแห้งและกรอบเหมือนทอดด้วยน้ำมันจริงๆ (ภายใต้การควบคุมอุณหภูมิและเวลาของหม้อทอดให้เหมาะสม)

แต่ถ้าลองนำเนื้อปลา ปีกไก่ กุ้ง เนื้อหมูไม่ติดมัน หรือวัตถุดิบอื่นๆ ที่มีไขมันแทรกอยู่น้อยไปปรุงใน “หม้อทอดไร้น้ำมัน” หน้าตาก็อาจจะออกมาเหมือนอาหารอบมากกว่าอาหารทอด อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละวัตถุดิบหรือแต่ละเมนูที่เราจะปรุงด้วย

  • ข้อดี VS ข้อเสีย รู้ก่อนซื้อ “หม้อทอดไร้น้ำมัน”

สำหรับข้อดีของการใช้ “หม้อทอดไร้น้ำมัน” เนื่องจากหลักการทำงานของเครื่องช่วยดูดความชื้นออกจากหม้อและช่วยรีดไขมันส่วนเกินออกจากวัตถุดิบได้มาก ข้อดีที่เห็นได้ชัดจึงหนีไม่พ้นเรื่องการลดไขมันในอาหาร ทำให้ได้อาหารที่ไขมันน้อยลง เมื่อกินแล้วก็ทำให้ได้รับไขมันส่วนเกินน้อยลงกว่าเดิม เหมาะสำหรับการลดน้ำหนัก นอกจากนี้ยังมีข้อดีอื่นๆ อีก ได้แก่

- ช่วยให้ลดการกินอาหารที่ไขมันสูงจากการทอดด้วยน้ำมันได้ โดยหากใช้ "หม้อทอดไร้น้ำมัน" ก็จะสามารถลดน้ำมันในอาหารทอดลงได้ถึง 70%-80%

- มีความปลอดภัยขณะปรุง หากทอดด้วยน้ำมันก็อาจจะถูกน้ำมันกระเด็นได้ แต่ถ้าใช้หม้อทอดก็ลดความเสี่ยงตรงนี้ลงไป

- ใช้อุ่นอาหารเหลือเก็บประเภทอบ ปิ้ง ย่าง ให้ออกมาน่ากินเหมือนใหม่ เช่น พิซซ่า ขนมปัง ครัวซองส์ ไก่ทอด ฯลฯ

ส่วนข้อเสียของ “หม้อทอดไร้น้ำมัน” ได้แก่

- ใช้เวลานานกว่าการทอดด้วยน้ำมันจริงๆ และอาจจะไม่กรอบได้เหมือนการทอดด้วยน้ำมัน

- ทำอาหารได้ในปริมาณน้อยต่อครั้ง มีพื้นที่จำกัดในการใส่อาหาร

- การใช้หม้อทอดไร้น้ำมันมาปรุงอาหาร ไม่ได้การันตีว่าช่วยให้เราลดอ้วนได้ 100% เนื่องจากการลดน้ำหนักให้ได้ผลนั้นต้องมีหลายปัจจัยประกอบกัน การกินอาหารทอดที่รีดไขมันออกได้เยอะเป็นเพียงหนึ่งองค์ประกอบเท่านั้นที่ช่วยลดน้ำหนัก นอกจากนี้ยังต้องออกกำลังกาย เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และเลือกกินอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ด้วย

- แม้การใช้หม้อทอดไร้น้ำมันมาปรุงอาหาร จะช่วยรีดน้ำมันส่วนเกินออกได้เยอะ แต่ก็ยังถือว่าเป็นอาหารประเภทอบและทอดที่อาจเกิดเขม่าควันหรืออาหารไหม้เกรียม ซึ่งส่วนที่ไหม้ถือเป็นสารก่อมะเร็งที่อันตรายต่อสุขภาพ ทางที่ดีคือควรกินในปริมาณที่พอดี แล้วสลับหมุนเวียนไปกินอาหารประเภทต้มและนึ่งบ้าง

158860783254

  • แม้จะใช้ “หม้อทอดไร้น้ำมัน” แต่กินอาหารทอด/อบ มากเกินไปก็ไม่ดี!

จริงๆ แล้วการกินของทอดเป็นประจำเกือบทุกวัน (แม้จะใช้หม้อทอดไร้น้ำมันก็ตาม) ก็อาจจะไม่ดีเท่าไหร่นัก มีข้อมูลวิชาการจากเว็บไซต์ Pobpad.com ระบุว่า ไขมันทรานส์ในอาหารทอด อาจส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหารและการสะสมไขมัน ซึ่งเป็นเหตุให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยไขมันทรานซ์ที่ว่านี้เกิดจากกระบวนการที่ไฮโดรเจนเข้าไปเจือปนกับน้ำมันในขณะที่ทอดอาหารด้วยความร้อนสูง ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะทำให้โครงสร้างของน้ำมันเกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อรับประทานเข้าไปร่างกายก็จะสลายไขมันดังกล่าวไม่ได้

เมื่อร่างกายสลายไขมันนั้นไม่ได้ ก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน เป็นต้น อีกทั้งอาหารทอดมักก่อให้เกิดสารอันตรายอย่าง “สารอะคริลาไมด์ (Acrylamide)” เป็นสารเคมีที่เกิดขึ้นในอาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงสุกด้วยความร้อนสูง ซึ่งถือเป็นสารก่อมะเร็ง ดังนั้นหากกินของทอดบ่อยๆ ก็เสี่ยงได้รับสารอะคริลาไมด์มากขึ้นตามไปด้วย

ประกอบกับมีงานวิจัยจากวิทยาลัยสาธารณสุขแห่งฮาร์วาร์ดและมหาวิทยาลัยในสิงคโปร์ ได้ติดตามพฤติกรรมการรับประทานอาหารของชายหญิงจำนวน 100,000 ราย เป็นเวลากว่า 25 ปี พบว่าผู้ที่รับประทานอาหารทอดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานและโรคหัวใจ และยิ่งเสี่ยงมากขึ้นหากรับประทานอาหารทอดถี่ขึ้น

โดยกลุ่มผู้ทดลองที่รับประทานอาหารทอด 4-6 ครั้งต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นถึง 39% ส่วนกลุ่มผู้ทดลองที่รับประทานอาหารทอด 7 ครั้งต่อสัปดาห์ มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นถึง 55% เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานอาหารทอดน้อยกว่า 1 ครั้งต่อสัปดาห์

เอาเป็นว่า.. ใครอยากกินของทอดก็กินได้ไม่ผิด แถมยังมีทางเลือกในการทำอาหารประเภททอดแบบน้ำมันน้อยๆ ด้วยการใช้ “หม้อทอดไร้น้ำมัน” มาเป็นตัวช่วย ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ลดไขมันในอาหารลงไปได้มาก กินได้สบายใจว่าไม่อ้วนเท่าการกินของทอดด้วยน้ำมันแน่นอน แต่ทั้งนี้ก็ควรควบคุมการกินอาหารประเภททอดให้เหมาะสม สลับกับการกินอาหารอื่นๆ ให้หลากหลายเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีได้อย่างยั่งยืน

158860783227

-------------------

อ้างอิง: 

https://www.pobpad.com

https://goodlifeupdate.com

https://www.health5choice.com