ภาพยนตร์บอกเล่า...ให้คุ้มครองโลก (2)

ภาพยนตร์บอกเล่า...ให้คุ้มครองโลก (2)

ภาพยนตร์เกี่ยวกับโลกอนาคตมักไม่สดใสนัก หลายเรื่องเสนอภาพธรรมชาติที่ถูกทำลายล้างจนเหลือแต่ทะเลทราย หรือน้ำท่วมโลก โลกกลับสู่ยุคน้ำแข็ง จนถึงเชื้อโรคระบาด เข้าข่าย 'หนังดิสโทเปีย'

หนังดิสโทเปียส่วนใหญ่มองถึงโลกอนาคตที่ไม่น่าอยู่ ตรงกันข้ามกับโลกในอุดมคติ หรือ ‘ยูโทเปียอย่างสิ้นเชิง

ยูโทเปีย (Utopia) ไม่มีจริงหรือ ก็ไม่ถึงขั้นนั้น อาจเกิดขึ้นในบางชุมชนเล็ก ๆ องค์กรเล็ก ๆ ไม่ใช่โลกอันกว้างใหญ่ไพศาล และคนเขียนเรื่องยูโทเปีย คือ Sir Thomas More ที่ปรึกษาพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แห่งราชวงศ์ทิวดอร์ ตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ.1551 หลังจากที่คนเขียนถูกตัดสินประหารชีวิตไปแล้วถึง 16 ปี คนเขียนบรรยายถึงโลกแห่งความสมบูรณ์แบบ สงบสุข เป็นต้นแบบความฝันของสังคมโลก ในขณะที่โลกดิสโทเปียนั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ในขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ที่จัดให้เป็น Distopian Films ก็เป็นแม่แบบให้คนดู คนสร้าง หวนกลับมาคิดถึงโลก และลงมือดูแลรักษาโลกใบวุ่นให้ดีขึ้น

  159025532768        

       Elysium (ภาพ : Sony Pictures)

เพราะหนังดิสโทเปียนั้นมีหัวข้อเด่นเรื่องสังคม มนุษย์ สิ่งแวดล้อม การเมือง ศาสนา วิทยาศาสตร์ ฯลฯ ที่อยู่ในชีวิตมนุษย์นั่นแหละ และมักเป็นเรื่องอนาคต เมื่อชาวโลกอยู่ ๆ กันไป เวลาเดินไปข้างหน้า เทคโนโลยีทันสมัยขึ้นแต่สังคมมนุษย์กลับแย่ลง และบรรดาหนังซูเปอร์ฮีโร่ หนังแอ็คชั่นไซ-ไฟ ก็ล้วนเป็นเหตุการณ์ในโลกอนาคต เช่น Batman, Blade Runner, The Hunger Games, Matrix, Robocop, The Terminator, Elysium, Avatar  ฯลฯ และหนังไวรัสระบาดใน 12 Monkeys ก็พูดถึงโลกในอีกหลายสิบปีข้างหน้า

159025557354

       A Clockwork Orange (ภาพ : Warner Bros.)

คนสร้างและผู้กำกับเขามีจินตนาการถึงหนังโลกอนาคตที่ไม่ใช่โลกยูโทเปีย แต่เป็นดิสโทเปียมานานแล้ว เช่นหนังคลาสสิก Metropolis สร้างมาตั้งแต่ปี 1927 ของผู้กำกับชาวเยอรมัน Fritz Lang เป็นหนังเงียบ หรือหนังอวกาศของ Stanley Kubrick 2001: A Space Oddysey (1968) โลกที่คอมพิวเตอร์ทำงานและคิดแทนมนุษย์ได้ทุกอย่าง และหนังเสียดสีสังคมกับโลกอนาคตที่บิดเบี้ยวใน A Clockwork Orange (1971)

159025562448

       Geostorm (ภาพ : Warner Bros. Pictures)

ดูหนังดิสโทเปียแล้วคิดว่าโลกไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย แต่ก็ให้แง่คิดช่วยกันดูแลโลก จะมีเครื่องจักรกลก็ต้องรู้วิธีใช้ มีเทคโนโลยีก็ต้องใช้เป็น เช่น หนังแอ็คชั่นวิทยา-ศาสตร์ เมื่อโลกต้องเผชิญสภาวะอากาศแปรปรวนสุดขั้วใน Geostorm (2017) โลกอนาคตที่สภาพอากาศต้องใช้ดาวเทียมทันสมัยควบคุม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อโลก เมื่อดาวเทียมถูกปล่อยไวรัส ผลคือสภาพอากาศโจมตีโลกอย่างฉับพลัน หิมะตกกลางทะเลทราย พายุแรงจัด ฯลฯ หนังทำรายได้ดีเกินคาดจากงบประมาณ 120 ล้านยูเอส ทำเงิน 221.6 ล้านยูเอส จากเทคนิค CG ดูสมจริง แม้พล็อตเรื่องดูอ่อน ๆ ไปแต่ใครจะสนใจประเด็นทางเทคโนโลยี ปีไหนนะที่มีดาวเทียมลงทุนกว่าแสนล้านดอลล่าร์ โดยจีน สหรัฐฯ และนานาชาติ ช่วยกันสร้างดาวเทียมเพื่อควบคุมสภาพอากาศ

159025567129

       The Day After Tomorrow (ภาพ : 20th Century Fox)

หนังประเภทธรรมชาติลงโทษหลายเรื่องไม่ได้อยู่ในโลกอนาคต หากเป็นโลกยุคปัจจุบัน ปีใกล้ ๆ นี่แหละที่จะเกิดน้ำท่วมโลกเช่น The Day After Tomorrow (2004) เมื่อโลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง ผสมกับน้ำท่วมโลก นิวยอร์กและเทพีเสรีภาพจมน้ำ เป็นภาพน่ากลัวที่ทำให้ชาวโลกแห่ไปดู จนหนังทำรายได้กว่า 552 ล้านยูเอส จากงบลงทุน 125 ล้านยูเอส 

159025612322

        น้ำท่วมลอนดอน ใน Flood (ภาพ : Liongates UK)

หนังอังกฤษแนวธรรมชาติลงโทษ ทำให้เกิดน้ำท่วมลอนดอนและยุโรปในเรื่อง Flood จากปี 2007 น้ำมหาศาลจากพายุส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดหายนะใหญ่ เข้าข่าย Disaster Film ไม่กี่ปีถัดไป ภาพยนตร์เรื่อง 2012 สร้างปี 2009 บอกว่าในปีนั้นจะเกิดภัยพิบัติครั้งร้ายแรง ตามคำทำนายของชาวมายัน ช่วงใกล้ปีนั้น ชาวโลกก็ตื่นตระหนกอยู่พักใหญ่ แต่เมื่อเป็นหนังที่ทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด เกิดสึนามิ ชนเผ่ามายันเขียนไว้อีกว่า ปีนี้จะเกิดเหตุดาวเคราะห์ชนโลกอีก ซึ่งส่งผลให้เกิดวันโลกาวินาศ คนเลยแห่ไปดูหนังเรื่องนี้ ทำรายได้กว่า 769 ล้านยูเอส ลงทุนค่าเอฟเฟกต์ไป 200 ล้านยูเอส

159025617467

      2012 (ภาพ : Columbia Pictures)

หนังโลกลงโทษอีกเรื่อง San Andreas (2015) แผ่นดินแยกที่รอยเลื่อน San Andreas อยู่ทางใต้แผ่นดินของรัฐแคลิฟอร์เนีย พระเอกก้ามปู Dwaye Johnson เป็นนักกู้ภัยอยู่แล้วต้องออกไปช่วยลูกสาวที่ประสบภัยพิบัติ หนังทำรายได้ 474 ล้านยูเอส ลงทุนไป 100 ล้านยูเอส

159025621290

         San Andreas (ภาพ : Warner Bros Pictures)

หนังประเภทภัยพิบัติ (Disaster) ยุคนี้ดูสมจริงมาก ราวกับหนังเขย่าขวัญสะเทือนประสาท ถ้าต้องไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น หรือเมื่อโลกเผชิญภัยพิบัติที่คร่าชีวิตผู้คนมากมาย แม้เป็นเรื่องสมมุติแต่เหตุการณ์เหล่านี้ก็เกิดขึ้นจริงอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันทั่วโลก แต่ควรคิดนะเพราะทุกวันนี้ภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้นทุกปี อากาศแปรปรวนหนักกว่าเดิม แม้นักวิทยาศาสตร์บอกว่า โลกยุคปัจจุบันก็ยังอยู่ในยุคน้ำแข็ง และแผ่นดินไหวก็เกิดขึ้นทุกวัน สึนามึก็ต้องมี น้ำท่วม ดินถล่ม เป็นเรื่องธรรมชาติ

         

แต่ธรรมชาติที่เกิดในศตวรรษก่อน ๆ ไม่ได้เกิดพร้อมกับชาวโลกที่มีมากกว่า 7,000 พันล้านคนในยุคนี้ ไม่มีเทพีเสรีภาพจมน้ำ ถ้าน้ำท่วมโลก หิมะถล่ม จากปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ต้องเกิดและเป็นไปในโลกไร้ผู้คน ดูแล้วก็คงไม่รู้สึกอะไร...