'ซิงเกิ้ล มอลต์' คุณภาพดีในราคาจับต้องได้

งาน Hong Kong Vinexpo 2020 งานแสดงไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เดิมกำหนดจัดวันที่ 27-29 พ.ค.ที่ผ่านมา ต้องเลื่อนกำหนดออกไปอีก...

หลังจาก 2 -3 ตอนที่แล้วได้นำเสนอเรื่องราวของไวน์ขาว-แดง ที่ราคาย่อมเยาแต่คุณภาพเกินราคา ก็ได้รับคำขอจากแฟน ๆ อยากให้แนะนำวิสกี้ประเภท ซิงเกิ้ล มอลต์ (Single Malt) ในรูปแบบเดียวกันบ้าง เนื่องจากปัจจุบันซิงเกิ้ล มอลต์ เข้ามาในตลาดบ้านเรามากขึ้น และส่วนใหญ่ราคาค่อนข้างสูงถึงสูง อาจจะสร้างปัญหาให้กับหลาย ๆ คน โดยเฉพาะมือใหม่

  หม้อกลั่น Pot still

ก่อนอื่นก็ต้องทำความเข้าใจกับคำว่า ซิงเกิ้ล มอลต์ (Single Malt) เสียก่อน โดยซิงเกิ้ล มอลต์นั้นมีทำกันทั่วโลก แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือสก็อตแลนด์ ดังนั้น ณ ที่นี้เราจะหมายถึง ซิงเกิ้ล มอลต์ สก็อตช์ วิสกี้ (Single Malt Scotch Whisky) ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก และมีข้อบังคับ คือ

1. เป็นวิสกี้ที่หมักและกลั่นจากมอลต์ของข้าวบาร์เลย์ (Malted Barley) หรือการเพาะข้าวบาร์เลย์ให้งอกเป็นมอลต์ล้วน ๆ ไม่มีข้าวอื่นมาผสมเด็ดขาด
2. ต้องกลั่นจากโรงกลั่นเดียวเท่านั้น ห้ามนำของโรงกลั่นอื่นมาผสมเด็ดขาด และกลั่นแบบสองครั้งหรือแบบกลั่นทับ (Pot still) อันเป็นวิธีกลั่นที่จะสงวนกลิ่นรสของข้าวมอลต์เอาไว้ได้ดีที่สุด (ก่อนบรรจุขวดสามารถแต่งสีด้วยคาราเมลได้)
3. ต้องบ่มในถังไม้โอ๊คอย่างน้อย 3 ปี (แต่ส่วนใหญ่บ่มนานกว่านี้) และถังโอ๊คนั้นต้องมีความจุเกิน 700 ลิตร หรือ 180 ยูเอส แกลลอน เป็นต้น

  5 เขตผลิตซิงเกิ้ลมอลต์ ในสก็อตแลนด์

อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือ กลิ่น รสชาติ และ ความยาวในตอนจบ  (Aroma, Flavour, Finish) โดยแต่ละเขตหรือภูมิภาค (Region) จะมีรสชาติ คุณลักษณะ (Character) และสไตล์ (Style) ต่างกัน ในสก็อตแลนด์มีเขตที่สำคัญ 5 เขต ที่มีกฎหมายคุ้มครองและปกป้องการผลิตวิสกี้อย่างเคร่งครัดคือ สเปย์ไซด์ (Speyside) ไอส์ลา (Isla) ไฮแลนด์ (Highlands) โลว์แลนด์ (Lowlands) แคมป์เบลทาวน์ (Campbeltown)

การดื่ม Single Malt ให้ได้อรรถรสอย่างแท้จริงนั้น กูรูแนะว่าควรดื่มแบบเพียว ๆ หรือใส่น้ำแข็งเล็กน้อย ไม่ควรเติมมิกเซอร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นน้ำเปล่าเพียงเล็กน้อย ถ้าได้น้ำแร่จะดีมาก ที่สำคัญการใส่น้ำสปาร์คกลิ้ง โซดา และโคคาโคลา ลงไปเป็นการทำลายรสชาติ Single Malt จนหมดสิ้น

Single Malt ต่อไปนี้ผมได้ชิมมามากกว่า 1 ครั้ง บางยี่ห้อมากกว่า 10 ครั้ง แล้วสรุปผลการชิมออกมาดังนี้

      Glengoyne 21 ปี

เกลนกอยน์ 21 ปี (Glengoyne 21 Year Old) : คอนเซปต์ของตัวนี้คือ “Sultanas and hazelnuts; dried fruits and rich spice” เคยได้รับเหรียญทองและรางวัลจากงานประกวดมากมาย เป็นเจ้าแรกในยุโรปที่บ่มในถังที่ผ่านการบ่มแชร์รี (ฟอร์ติไฟด์ ไวน์ของสเปน) 100 % สีเหลืองออกทองแดง หอมกลิ่นขนมปังอบค่อนข้างโดดเด่น ตามด้วยแอปเปิ้ลแดง เมลอนสุก ๆ บราวน์ชูการ์  เชอร์รี น้ำผึ้ง และเฮิร์บ หลังจากกลืนมีโอ๊ค ฮาเซลนัท วอลนัท เชอร์รี น้ำผึ้ง โกโก้ และอบเชย สไปซ่กรุ่น ๆ เมื่อเติมน้ำมีกลิ่นคาราเมล อบเชย และวานิลลา ฟูลบอดี้ คอมเพล็กซ์ จบยาวนานด้วยเชอร์รี อบเชย สไปซี่ แบบนุ่มนวลเนียน

     Glencadam 19 ปี     

เกลนคาดัม 19 ปี (Glencadam Highland Single Malt 19 Years Old) : ตัวนี้บ่มในถังโอ๊คที่ผ่านการบ่มโอโลโรโซ แชร์รี (Oloroso Sherry) ฟอร์ติไฟด์ ไวน์ ชื่อดังของสเปน บรรจุขวดโดยไม่ตกแต่งสี และไม่กรองเย็น แอลกอฮอล์ 46% ผลิตเพียง 6,000 ขวด และขวดนี้เป็นขวดที่ 3,237... ดมครั้งแรกหอมกลิ่นอบเชย กานพลู และบราวน์ ชูการ์ เป็นซิงเกิ้ล มอลต์ ที่ฟรุตตี้เยอะ เช่น เบอร์รี่ เชอร์รี ส้มฉ่ำๆ และลูกเกด โอ๊คกรุ่น ๆ สไปซี่เฮิร์บ ช็อกโกแลต เค้กผลไม้ เลมอน กลิ่นเบอร์เบิ้นกรุ่น ๆ และวานิลลา จบยาวด้วยครีมมี เมล็ดกาแฟคั่ว ช็อกโกแลต และสไปซี่

   Tomintoul 21 ปี       

โทมินทูล 21 ปี (Tomintoul 21 Years Old) : จากสเปย์ไซด์  เปิดตัวกลางปี 2017 บ่มในถังที่ผ่านการบ่มเบอร์เบิน ทำให้มีกลิ่นวานิลลาที่โดดเด่น เคยได้รางวัล Speyside Single Malt 19-25 yo – 2019 The Scotch Whisky Masters (The Spirits Business) แอลกอฮอล์ 40% หอมกลิ่นวานิลลา ผสานกับดอกไม้ ประเภทดอกส้ม ดอกกล้วยไม้ สตรอว์เบอร์รี โอ๊คกรุ่น ๆ มิเนอรัล เอิร์ธตี้ สไปซี่เปปเปอร์ ขนมปังกรอบ เนย ครีมมี น้ำผึ้งกรุ่น ๆ คาราเมล ท็อฟฟี่กาแฟ และใบชา จบยาวด้วยใบสนเขียว ๆ ยาสูบ วานิลลาหอมหวาน

         

   Glen Scotia 15 ปี

เกลน สโกเทีย 15 ปี (Glen Scotia 15 Year Old) : เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 ตรงกับรุ่น 15 Year Old พอดี บ่มในถังอเมริกันโอ๊ค  เป็นซิงเกิ้ล มอลต์ สไตล์ผลไม้นำ  (Fruit Forward) ผสานกับกลิ่นอายของชายฝั่งทะเล  บรรจุขวดโดยไม่ผ่านการกรอง  แอลกอฮอล์ 46%... สีเหลืองคล้าย ๆ น้ำผึ้ง หอมกลิ่นผลไม้  เช่น ซีทรัส แอพริคอท พลัม เปลือกส้ม แอปเปิ้ล แบล็คเชอร์รี และลูกเกด ควันไฟ วานิลลา สไปซีขิง อบเชย เปปเปอร์ โอ๊คกรุ่น ๆ น้ำผึ้ง เกลือทะเล สาหร่ายทะเล ที่แปลกคือมีกลิ่นตะไคร้กรุ่น ๆ และถ้าเติมน้ำลงไปเล็กน้อยจะมีกลิ่นคาราเมล จบด้วยผลไม้ พีชกรุ่น ๆ  และสไปซี่

         

   GlenFarclas 12 ปี

เกลนฟาร์กลัส ไฮจ์แลนด์ ซิงเกิ้ล มอลต์ สก็อต วิสกี้ 12 ปี (Glenfarclas Highland Single Malt Scotch Whisky 12 Years Old) : เป็นซิงเกิ้ล มอลต์ สไตล์ Rich & Fruity แอลกอฮอล์ 43 % ได้รับรางวัล "Best Sherried Whisky" จากงาน Single Malt World Cup ต่อมาในปี 2007 และ 2008 ก็ได้เหรียญทองจากงาน Stockholm Beer and Whisky Festival ...สีเหลืองอำพัน ดมครั้งแรกมีกลิ่นหอมสดชื่นของผลไม้ พร้อมด้วยแชร์รีโดดเด่นมาก ตามด้วยฟรุตเค้ก หญ้าสด สไปซีเฮิร์บ อบเชย ยี่หร่า หอมหวานคล้ายน้ำผึ้ง ควันไฟ ถ่านไม้ วอลนัท ยางสน มีเดียมบอดี้ จบยาวด้วยสไปซี่เฮิร์บ เชอร์รี และวานิลลา

   Aberfeldy 12 ปี

 อเบอร์เฟลดี ไฮจ์แลนด์ ซิงเกิ้ล มอลต์ สก็อตวิสกี้ 12 ปี (Aberfeldy Highland Single Malt Scotch Whisky 12 Years Old) : ตัวนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1998 โรงกลั่นตั้งอยู่ที่เมือง เพิร์ธเชียร์ (Perthshire) ทางตอนใต้ของไฮแลนด์ ขณะที่อเบอร์เฟลดี 12 ปีได้รับการขนานนามว่าเป็น “The Golden Dram” จากแหล่งน้ำที่ใช้ผลิตสินค้าอันอุดมไปด้วยแร่ธาตุทองคำที่มีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศสก็อตแลนด์  แคแรคเตอร์หลัก ๆ ของตัวนี้คือ  จันทน์เทศ  แอปเปิ้ล  เมลอน และน้ำผึ้ง

          

     Aultmore 12 ปี

อัลท์มอร์ สเปรย์ไซด์ ซิงเกิ้ล มอลต์ สก็อตวิสกี้ 12 ปี (Aultmore Speyside Single Malt Scotch Whisky 12 Years Old) : กำเนิดในปี 1897 ความพิเศษของตัวนี้คือการกลั่นจากแหล่งน้ำลึกลับที่ปกคลุมด้วยหมอกที่เรียกว่า Foggie Moss ทำให้มีรสสัมผัสของสมุนไพรที่โดดเด่น โดย Aultmore รุ่นต่าง ๆ ได้แนะนำสู่ท้องตลาดในปี 2014 แคแรคเตอร์หลัก ๆ ของรุ่น 12 ปีนี้คือ วานิลลา แพร์ แอปเปิ้ล และคัสตาร์ด ออกหวานนิด ๆ โดยแทบไม่มีกลิ่นควันไฟเลย

          

    Craigellachie 13 ปี

เครกเกลราชี 13 ปี (Craigellachie 13 Year Old) ถือกำเนิดในปี 1891 ด้วยวิสัยทัศน์การผลิตที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากหยินและหยาง เพื่อสร้างสมดุลในแบบฉบับการผลิตแบบดั้งเดิม และเทคโนโลยีปัจจุบัน อันทำให้สินค้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  Craigellachie  รุ่นต่าง ๆ แนะนำสู่ท้องตลาดในปี 2014 เป็นโรงกลั่นที่มีลักษณะ “Meaty character” แคแรคเตอร์หลัก ๆ ของรุ่นนี้คือมีกลิ่นและรสชาติของ สับปะรด มะม่วงสุก ควันไฟ กล่องไม้ขีด และเนื้อย่าง

      Malted barley

นั่นคือส่วนหนึ่งของ ซิงเกิ้ล มอลต์ คุณภาพในราคาที่สามารถจับต้องได้ ที่ผมได้ชิมเมื่อช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้มิได้มีเจตนาหรือตั้งใจชักชวนหรือเชิญชวนให้ดื่ม แต่ถ้าจะดื่มของให้ดื่มด้วยความรับผิดชอบ..!!

         

ประมูลไวน์ดังของคนดัง

เจมส์ ฮัลลิเดย์ (James Halliday) นักวิจารณ์ไวน์ชื่อดังและคัมภีร์ไวน์ชาวออสเตรเลีย นำไวน์ในเครือ ดีอาร์ซี (DRC) หรือโดเมน เดอ ลา โฮรมาเน กงติ (Domaine de la Romanée-Conti) จากเซลลาร์ส่วนตัวที่เขาสะสมไว้กว่า 30 ปี ออกมาประมูล ระหว่างวันที่ 30 พ.ค. - 28 มิ.ย. 63 โดยผ่านสถาบันแลงตันส์ (Langton’s) สถาบันประมูลชื่อดังของออสเตรเลีย

ไวน์ในเครือดีอาร์ซีที่นำมาประมูลครั้งนี้มีทั้งสิ้น 250 ขวด ซึ่งคาดว่าจะทำเงินได้กว่า 1,000,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยมีตัวเด็ด ๆ เช่น โดเมน เดอ ลา โฮรมาเน กงติ “ลา ตาช” 1973 (Romanée-Conti La Romanée-Conti “La Tâche” 1973 และ โดเมน เดอ ลา โฮรมาเน กงติ ”โฮรมาเน กงติ” 1973 (Domaine de la Romanée-Conti “Romanée-Conti” 1973) ที่คาดว่าจะทำเงินประมาณ 10,000-12,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ไวน์ทุกขวดที่ผ่านการประมูลจะมีใบรับของจากสถาบัน Langton’s พร้อมลายเซ็นต์ของเจมส์ ฮัลลิเดย์

 

วินเทจ คอนยัค ราคาแพง

สถาบันการประมูลโซธ์บีส์ (Sotheby’s) เปิดเผยว่าจากการประมูลทางออนไลน์เมื่อวันที่ 28 พ.ค.63 ที่ผ่านมา คอนยัค (Cognac) ยี่ห้อโกติเยร์ (Gautier) ปี 1762 ขนาด 70cl. ถูกประมูลไปด้วยราคา 118,580 ปอนด์ หรือประมาณ 144,525 ดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นวินเทจคอนยัคอายุเก่าแก่ที่สุดที่มีการประมูลที่นี่ โดยผู้ที่ประมูลได้เป็นชาวเอเชียที่ไม่เปิดเผยชื่อ