รู้จัก 'นิ้ง กุลสตรี' นางเอกดังแห่งยุค 90 พร้อมเช็คอาการป่วยล่าสุด

สำหรับคนที่อายุเข้าวัย 30+ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก “นิ้ง-กุลสตรี ศิริพงศ์ปรีดา” นางเอกสาวสวยมาแรงแห่งยุค 90 ที่มีผลงานในวงการบันเทิงไทยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนางแบบโฆษณา นางเอกมิวสิกวิดีโอ นักร้อง และนางเอกละครเรื่องดังหลายเรื่อง หลังจากนั้นก็ได้ผันตัวไปเป็นแอร์โฮสเตสสาวสวยของสายการบินแห่งหนึ่ง

แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับเธอในปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา เมื่อ “นิ้ง-กุลสตรี” เริ่มมีอาการป่วยแบบไม่ทราบสาเหตุ โดยมีลักษณะเป็นจ้ำเลือดสีเขียวคล้ำตามผิวหนังหลายแห่ง เจ้าตัวได้ไปตรวจหาสาเหตุอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดพบว่าตัวเองเป็น “โรคไขกระดูกบกพร่อง” และได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาลอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนกรกฎาคม  2562 เป็นต้นมา วันนี้ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ จะพาไปรู้จักจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่วงการบันเทิงของ “นิ้ง-กุลสตรี ศิริพงศ์ปรีดา” พร้อมชวนแฟนๆ ละครยุค 90 มาอัพเดทอาการป่วยล่าสุดของเธอ ช่วยกันส่งกำลังใจให้เธอหายจากโรคร้ายในเร็ววัน

1. “นิ้ง-กุลสตรี” สาวไทยเชื้อสายจีน

นิ้ง-กุลสตรี ศิริพงศ์ปรีดา หรือ กุลสตรี อินทรศักดิ์ เกิดในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น คณะนิเทศศาสตร์การโฆษณา และมหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะรัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง

2. เข้าวงการผ่านเวทีประกวด เมื่อปี 2535

เริ่มเข้าสู่วงการจากการประกวดมิสไทยแลนด์เวิร์ด ประจำปี พ.ศ. 2535 แต่ไม่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ในขณะนั้นเธอใช้ชื่อในการประกวดว่า "กีรติ เศรษฐกุลศิริ" หลังจากผ่านการประกวดไปได้ 2 ปี เธอได้เปิดตัวในฐานนักแสดงภายใต้สังกัด อาร์เอส โปรโมชั่น และได้ใช้ชื่อ “กุลสตรี ศิริพงษ์ปรีดา”  จนถึงปัจจุบัน

3. ผลงานที่สร้างชื่อในยุคแรก

ผลงานในวงการบันเทิงครั้งแรกของ “นิ้ง-กุลสตรี” ในประมาณปี พ.ศ. 2537 (ค.ศ.1994)  เริ่มจากการถ่ายโฆษณานมเปรียวโยโมสต์ โดยเดินทางไปถ่ายทำที่เมืองนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นก็ยังมีผลงานการเดินแบบครั้งแรก "ครบรอบ 10 ปี Fly Now" ที่ศูนย์การประชุมสิริกิติ์ , ถ่ายแบบแฟชั่นครั้งแรกให้กับนิตยสาร "พลอยแกรมเพชร" , ถ่ายภาพยนตร์เรื่องแรก "เกิดอีกทีต้องมีเธอ" (ถ่ายก่อนละครภูติพิศวาส แต่ละครออนแอร์ก่อน) เป็นต้น

4. ผลงานละครที่โด่งดังเป็นพลุแตก!

ส่วนผลงานละครที่เป็นที่น่าจดจำของ “นิ้ง-กุลสตรี” ได้แก่ ละครเรื่องภูตพิศวาส ทางช่อง 7 ออนแอร์ในปี พ.ศ. 2538 รับเล่นในบทบาท “ดาว” คู่กับพระเอก “ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง” และได้แสดงคู่กันอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง “เกิดอีกทีต้องมีเธอ” ในปีเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีผลงานละครเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ญาติกา, รัตนโกสินทร์, รักไร้อันดับ, จำเลยรัก, เมียแต่ง, หัวใจมีเงา, พริกกับเกลือ, แม่โขง, ไฟกามเทพ เป็นต้น   อีกทั้งในช่วงชีวิตมที่ยังทำงานในวงการบันเทิง เธอยังได้รับรางวัลมากมาย ได้แก่

- รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ครั้งที่ 21 ประจำปี 2540 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง ฝันติดไฟ หัวใจติดดิน

- รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ครั้งที่ 26 ประจำปี 2545 (รางวัลพิเศษ) สาขาศิลปินดีเด่นต่อต้านยาเสพติด

5. ความรักของ “นิ้ง-กุลสตรี”

“นิ้ง-กุลสตรี” เคยคบหากับทัช ณ ตะกั่วทุ่ง นักร้องร่วมค่าย ต่อมาได้เลิกรากับทัชหลังจากคบกันมานาน 7 ปี และผันตัวเองออกจากวงการบันเทิงไปเป็นลูกเรือหรือแอร์โฮสเตสของสายการบินไทยแอร์เอเชีย และต่อมาได้คบหากับ นาวาอากาศเอกไพรรัตน์ อินทรศักดิ์ ซึ่งเป็นกัปตันสายการบินเดียวกัน (ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น กัปตันพิตตินันท์ อินทรศักดิ์) และได้แต่งงานกันในวันที่ 30 ธันวาคม 2549

6. จุดเปลี่ยนจาก “นางเอก” สู่ “แอร์โฮสเตส”

หลังจากทำงานในวงการบันเทิงมานาน 10 กว่าปี จากนั้น “นิ้ง-กุลสตรี” ก็ตัสินใจออกจากวงการบันเทิงและผันตัวเองสู่สายอาชีพ “แอร์โฮสเตส” ของสายการบินแห่งหนึ่ง โดยเธอเคยได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างๆ ถึงเหตุผลของการออกจากวงการบันเทิงว่า เธอใฝ่ฝันอยากจะเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินมาตลอด แต่ไม่มีโอกาสได้สานฝันเพราะได้ทำงานในวงการบันเทิงก่อน

ต่อมาเมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมพอดี และอยากจะทำอาชีพที่มั่นคงในวัย 30-31 ปี ณ ขณะนั้น ประกอบกับเป็นโค้งสุดท้ายที่สายการบินเขาจะเปิดรับพนักงานต้องรับ ถ้าไม่รีบตัดสินใจก็จะพลาดโอกาสดังกล่าว เธอจึงตัดสินใจเบนเข็มสู่การเป็นแอร์โฮสเตสโดยไม่รีรออีกต่อไป

7. “นิ้ง-กุลสตรี” และอาการป่วยโรค “ไขกระดูกบกพร่อง”

เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา “นิ้ง กุลสตรี” เริ่มมีอาการป่วยประหลาด โดยมีลักษณะเป็นรอยช้ำสีเขียวคล้ำ โผล่ขึ้นมาที่ผิวหนังหลายจุดตามร่างกายแบบไม่ทราบสาเหตุ หลังจากนั้นเธอจึงเข้าพบแพทย์หลายครั้งเพื่อหาสาเหตุของอาการป่วย จนในที่สุดแพทย์ก็มีคำวินิจฉัยออกมาว่าเธอป่วยเป็น “โรคไขกระดูกบกพร่อง” เกิดจากร่างกายไม่สามารถสร้างเกล็ดเลือดด้วยตัวเองได้ ทำให้เธอต้องเข้า-ออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง โดยมีสามี แฟนคลับ และเพื่อนๆ ในวงการคอยให้กำลังใจอยู่เสมอ

ขั้นตอนการรักษาโรคนี้ค่อนข้างยาก และใช้เวลานาน โดยมีข้อมูลการรักษาคร่าวๆ ระบุว่าเธอต้องได้รับยาคีโม รวมถึงการให้ยากระตุ้นสร้างเม็ดเลือดต่างๆ ผ่านทางสายน้ำเกลืออีกหลายตัว ซึ่งเธอก็ใจสู้มาตลอดจน เมื่อต้นปี 2563 เธอก็มีอาการดีขึ้นจนสามารถกลับบ้านได้

แต่ล่าสุด.. เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 ปรากฎว่าเธอมีอาการทรุดลงจากการถ่ายเป็นเลือด จนต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง และแพทย์ได้ทำการรักษาและตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ จนพบว่ามีไวรัสแอบแฝงที่ลำไส้ใหญ่ ความยาวประมาณ 10 กว่าเซนติเมตร พบเป็นจุดแผลร้อยกว่าจุด ซึ่งไม่สามารถใช้เลเซอร์จี้รักษาได้ เนื่องจากผู้ป่วยไม่สบายมานานพอสมควร และได้รับยาคีโม (เคมีบำบัด) จึงทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งขณะนี้เธอก็ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาลต่อไป   

ในช่วงนี้เพื่อนๆ ในวงการ และแฟนละครต่างก็ร่วมส่งกำลังใจผ่านไอจีส่วนตัวของเธอกันอย่างล้นหลาม หากมีความเคลื่อนไหวอื่นๆ เพิ่มเติม เราจะนำมาอัพเดทในครั้งต่อไป

----------------------------

อ้างอิง: IG Kulsatrees, th.wikipedia.org