'Climate Festival' ชวนปลูกป่าที่ห้วยฮ่องไคร้
ภาวะโลกร้อนไม่ใช่ปัญหาไกลตัว ไฟไหม้ป่าที่ภาคเหนือก็ส่งผลกระทบถึงคนภาคใต้ โครงการ 'Climate Festival' จึงเกิดขึ้นเพื่อสร้างจิตสำนึกและรณรงค์ให้ทุกคนช่วยกันกอบกู้สภาพแวดล้อม โดยวิธีง่ายและรวดเร็วที่สุดคือ 'ปลูกต้นไม้'
Climate Festival หรือ โครงการเทศกาลสภาพภูมิอากาศ เป็นโครงการที่ใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการณรงค์ และสร้างจิตสำนึกรักษ์ป่า พร้อมผลักดันให้เกิดการลงมือทำจริงด้วยตนเอง จุดหมายคือช่วยกันกอบกู้สภาพแวดล้อม ป้องกันไฟป่า และฟื้นฟูธรรมชาติ ที่จะช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างเห็นผล ด้วยความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ผนึกกำลังจาก 4 ภาคส่วน ได้แก่ ชนเผ่า ชุมชน ประเทศ และโลก และใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการนำพาไปสู่ สังคมคาร์บอนต่ำ หรือ Low Carbon Lifestyle พร้อมรณรงค์ให้ร่วมกันปลูกต้นไม้ในทุก ๆ ที่ที่มีโอกาส เพื่อดูดซับคาร์บอนที่แต่ละคนใช้ในแต่ละปีให้ลดลง โดยมีเป้าหมายไปที่แต่ละบุคคลปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ หรือ Zero Emission
จากข้อมูลของเว็บไซต์ tenmilliontrees ระบุว่า ต้นไม้ใหญ่ 1 ต้น สูงราว 100 ฟุต หรือ 30 เมตร จะมีใบไม้ราว ๆ 200,000 ใบ สามารถคายน้ำสู่อากาศและลงผืนดินได้ 11,000 แกลลอน อีกทั้งต้นไม้ใหญ่ 1 ต้น สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ 48 ปอนด์ หรือ 9-15 กิโลกรัม ต่อปี และช่วยลดอุณหภูมิรอบ ๆ บ้านได้ 2-4 องศาเซลเซียส อีกทั้งปล่อยออกซิเจนสู่อากาศที่ช่วยให้มนุษย์หายใจได้ 2 ปี ร่มเงาของไม้ใหญ่ยังช่วยลดอุณหภูมิรอบบริเวณได้ 11-25 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับพื้นที่โล่งว่างที่ปราศจากต้นไม้
รัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
ดังนั้น สองมือมนุษย์สามารถช่วยลดคาร์บอนได้เพียงปลูกต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอก ไม้กระถาง ไม้ยืนต้น หรือต้นไม้ชนิดใดก็ได้ ซึ่งกิจกรรมแรกนั้นเริ่มต้นปลูกป่าที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ต่อด้วยกิจกรรมคอนเสิร์ตออนไลน์จาก 2 ศิลปินชื่อดัง วงลิปตา และ วงมายด์ เพื่อระดมทุนสนับสนุนการปฏิบัติงานของเครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่า และเครือข่ายแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ และ กิจกรรมสุดท้ายเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอดอยสะเด็ด จังหวัดเชียงใหม่
โครงการ Climate Festival ในครั้งที่ 3 นี้ ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐเเละเอกชน อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าภาคเหนือที่ 1 เชียงใหม่ บริษัท สยามนิสสัน เชียงใหม่ จำกัด Forest Heroes ผู้ใหญ่บ้าน ปรีชา ศิริ หนึ่งในห้าวีรบุรุษโลก ที่ได้รับรางวัลวีรบุรุษผู้ดูแลป่าจากองค์การสหประชาชาติ กฤษณ์ คุนผลิน ผู้บริหารโครงการ Climate Festival และเป็นอดีตผู้แทนศูนย์อวกาศและจรวดแห่งชาติสหรัฐฯ (NASA) พร้อมด้วย สื่อมวลชนและจิตอาสาในพื้นที่ และนักแสดงชื่อดัง แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย
นาย นพดล ภาคพรต รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “วิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจ โดยเฉพาะปัญหาจากขยะพลาสติก และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทั้งจากฝุ่นละอองและจากการเผาป่าที่ปัจจุบันทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้ โครงการเทศกาลสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Festival จึงเริ่มต้นที่เชียงใหม่เพื่อรณรงค์วิถีชีวิตคาร์บอนต่ำในการแก้ไขปัญหาหมอกควันและปลูกต้นไม้เพิ่มเติมเพื่อบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถเป็นเทศกาลเพื่อการท่องเที่ยวได้โดยการสร้างจิตสำนึกและผลักดันให้เกิดการลงมือทำจริงด้วยตนเอง โดยการปลูกต้นไม้ให้ได้ทุกคน และมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้มีการปลูกต้นไม้ 1 ร้อยล้านต้น ทั่วประเทศ พร้อมกับรณรงค์ให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำอย่างแพร่หลาย”
นาย รัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า "ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ทางจังหวัดเชียงใหม่ ได้มียุทธศาสตร์ในการจัดการมาโดยตลอด ถือเป็นสิ่งสําคัญที่เรามุ่งเป้าในการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาไฟป่า และปัญหาหมอกควันฝุ่นละออง PM 2.5 มีการสร้างการตระหนักรู้และความเข้าใจให้กับประชาชน ถึงความสําคัญของการอนุรักษ์พื้นที่ป่า กิจกรรมในวันนี้ ถือเป็นกิจกรรมที่จะช่วยส่งเสริมและสร้างจิตสํานึกในการดูแลธรรมชาติ พื้นที่ป่าและสภาพแวดล้อมที่ดี ให้กับจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการใช้ชีวิตอย่างรับผิดชอบต่อธรรมชาติ
ในแง่ของการท่องเที่ยว คนในพื้นที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้ป่าคงอยู่ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวก็มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูป่า จะเห็นว่าสภาพของห้วยฮ่องไคร้ด้านหนึ่งนั้นถูกไฟป่าทำลายไปไม่น้อย ประกอบกับอยู่ในช่วงสถานการ์โควิด-19 ที่ทำให้ประชาชนกังวลกับการระวังรักษาสุขภาพตัวเอง ป่าเลยไม่ได้ถูกฟื้นฟู ซึ่งไม่ว่าเป็นป่าภาคเหนือหรือที่ไหนล้วนสำคัญ เชียงใหม่ก็เป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนการป้องกันไฟป่า พร้อมกับฟื้นฟูพื้นที่ป่าให้กลับมาดีเหมือนเดิม”
คนไทยทุกคนมีหน้าที่ช่วยกันสร้างให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำ หรือ LOW CARBON LIFESTYLE แค่ปลูกต้นไม้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อสิ่งแวดล้อมของเรา ข้อมูลเพิ่มเติมที่ FB: Trip&Treat
