'ดาวหางนีโอไวส์' เหนือฟ้าเชียงใหม่ เข้าใกล้โลกมากที่สุดคืนนี้!

'ดาวหางนีโอไวส์' เหนือฟ้าเชียงใหม่ เข้าใกล้โลกมากที่สุดคืนนี้!

คืนนี้! "ดาวหางนีโอไวส์" (NEOWISE) เข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบเกือบ 7,000 ปี อวดโฉมเหนือฟ้าเชียงใหม่

เฟซบุ๊กแฟนเพจ  NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ  เปิดเผยว่า ช่วงเดือนกรกฎาคมนี้  “ดาวหางนีโอไวส์”  ขึ้นแท่นวัตถุท้องฟ้าที่นักดาราศาสตร์ต่างเฝ้าจับตามองในขณะนี้ เนื่องจากมีความสว่างจนสามารถมองเห็นด้วยได้ตาเปล่า ขณะนี้มีผู้ถ่ายภาพดาวหางดวงนี้ได้จากทั่วทุกมุมโลก สำหรับประเทศไทยก็สามารถสังเกตได้เช่นกัน แต่เนื่องจากตรงกับช่วงฤดูฝน อาจจะต้องลุ้นเมฆกันเสียหน่อย 

ดาวหางนีโอไวส์ หรือ C/2020 F3 (NEOWISE) เป็นดาวหางคาบยาว จากข้อมูลล่าสุดพบว่าโคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบใช้เวลาประมาณ 6,767 ปี ค้นพบโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศไวส์ (Wide-field Infrared Survey Explorer : WISE) ซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์ในช่วงคลื่นอินฟราเรด ในโครงการสำรวจประชากรดาวเคราะห์น้อยและวัตถุใกล้โลก ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2563 เคลื่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดเมื่อ 3 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ระยะห่าง 43 ล้านกิโลเมตร และจะเคลื่อนที่เข้าใกล้โลกที่สุด ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 ที่ระยะห่าง 103 ล้านกิโลเมตร

159550503142

ขณะนี้เราสามารถเฝ้าดูดาวหางดวงนี้ได้ในช่วงรุ่งเช้าก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ตำแหน่งปัจจุบันของดาวหางนีโอไวส์อยู่ในกลุ่มดาวสารถี (Auriga) หลังจากนี้ดาวหางจะเคลื่อนที่ขยับไปทางทิศเหนือผ่านกลุ่มดาวแมวป่า (Lynx) 

159550568160

ในวันนี้ (23 ก.ค.) เป็นช่วงที่ดาวหางเข้าใกล้โลกที่สุด  สามารถสังเกตได้ตั้งแต่หลังดวงอาทิตย์ตก ถึงประมาณสามทุ่ม หากฟ้าใส ไร้เมฆ สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า คืนดังกล่าวตรงกับคืนดวงจันทร์ขึ้น 2 ค่ำ อาจมีแสงจันทร์รบกวนเล็กน้อย ทั้งนี้ ประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูฝนที่มีเมฆมาก บริเวณใกล้ขอบฟ้ามีเมฆปกคลุมค่อนข้างหนา จึงเป็นอุปสรรคสำคัญในการสังเกตการณ์ดาวหางดังกล่าว และหลังจากนั้นความสว่างจะลดลงเรื่อย ๆ จนไม่สามารถสังเกตเห็นได้

159550502181

159550501566

สำหรับเทคนิคและทักษะสำคัญในการถ่ายภาพดาวหางนั้น นักล่าดาวหางจำเป็นต้องทราบข้อมูลเบื้องต้น เช่น ตำแหน่ง ทิศทางการเคลื่อนที่ ค่าความสว่าง และเทคนิคการถ่ายภาพและการเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม โดยมีเทคนิค 7 ข้อดังนี้

1. การติดตามข่าวสารจากเว็บไซต์ ที่ได้จากการเฝ้าสังเกตการณ์ของนักดาราศาสตร์ ซึ่งจะมีหอดูดาวสังเกตการณ์ตลอดทั้งปีและคอยอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับดาวหางที่อาจมีค่าความสว่างมากขึ้น จนสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น https://theskylive.com ซึ่งมีข้อมูลดาวหางแบบ Real Time และค่าความสว่าง ตำแหน่งดาวหางล่วงหน้าอย่างละเอียด

2. การหาตำแหน่งดาวหางจากโปรแกรม Stellarium ในการใช้โปรแกรมบางครั้งจำเป็นต้องอัพเดทโปรแกรมเวอร์ชั่นล่าสุด และสามารถดาวน์โหลดข้อมูลดาวหางลงไว้ในโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจสอบตำแหน่งดาวหางในแต่ละวันได้ ดังรายละเอียดตามลิงก์นี้ https://bit.ly/2CcgdPi

3. การวางแผนถ่ายภาพดาวหางในแต่ละวัน โดยสามารถใช้โปรแกรม Stellarium ในการแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของดาวหาง รวมทั้งการคาดการณ์ค่าความสว่างของดาวหางในแต่ละช่วงได้อีกด้วย นอกจากค่าความสว่างของดาวหางแล้ จำเป็นต้องตรวจสอบดวงจันทร์ที่อาจจะทำให้มีแสงรบกวนได้ โดยสามารถศึกษารายละเอียดตามลิงก์นี้ https://bit.ly/2ZOjqwW

4. อุปกรณ์สำหรับถ่ายภาพดาวหางสว่าง สำหรับอุปกรณ์ในการถ่ายภาพดาวหางสว่างนั้น มีเพียง A.กล้องดิจิทัล B.ขาตั้งกล้องที่มั่นคง C.เลนส์ไวแสง แต่สำหรับดาวหางนีโอไวส์ครั้งนี้ แนะนำเลนส์ที่ช่วงทางยาวโฟกัส 24-70 mm. หรือ 70 – 200 mm. เนื่องจากขนาดปรากฏของดาวหางมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก

5. การหามุมรับภาพ เพื่อให้เราสามารถวางแผนเลือกใช้เลนส์และอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการถ่ายภาพดาวหาง โดยสามารถใช้โปรแกรม Stellarium ในการหามุมรับภาพ ตามลิงก์นี้ https://bit.ly/2WydE1o แต่สำหรับคนที่อยากได้แบบใหญ่ ๆ ถ่ายเฉพาะตัวดาวหาง ก็สามารถใช้ทางยาวโฟกัสสูง แต่จำเป็นต้องถ่ายบนฐานตามดาวด้วย

6. การตั้งค่าถ่ายภาพดาวหาง เริ่มจากการใช้ค่ารูรับแสงกว้าง เช่น f/2.8 เพื่อให้กล้องไวแสงมากที่สุด, คำนวณค่าความเร็วชัตเตอร์จากสูตร 400/600 ให้สัมพันธ์กับช่วงทางยาวโฟกัสของเลนส์ที่เลือกใช้ รายละเอียดตามลิงก์นี้ https://bit.ly/2Cpsdxw, ตั้งค่าความไวแสง ISO โดยอาจเริ่มจาก ISO 800 ขึ้นไป และปรับเพิ่มขึ้นตามสภาพแสงของท้องฟ้า

7. การมองหาดาวหางด้วยตาเปล่า ระหว่างวันที่ 18-23 ก.ค.นี้ สามารถเริ่มต้นมองหาไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตั้งแต่เวลา 19.30 น.เป็นต้นไป และใช้การถ่ายภาพด้วยเลนส์มุมกว้างประกอบการค้นหา เนื่องจากกล้องถ่ายภาพสามารถรวมแสงวัตถุจาง ๆ ได้ดีกว่าตาเปล่า แล้วเช็คดูภาพที่หลังกล้อง หรืออาจใช้กล้องสองตาในการค้นหาด้วยเช่นกัน

ขอบคุณภาพและข้อมูล จาก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ