'Samsung' เปิดตัวนวัตกรรมสุดว้าว! บนสมาร์ทโฟน 'Galaxy Note 20' ซีรีส์
ทำความรู้จักก่อนใคร! กับมือถือเรือธงในตระกูล ‘Samsung Galaxy Note 20’ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสุดเจ๋ง โดดเด่นทั้งเรื่องเล่น เรื่องเรียน เรื่องงาน และการใช้ชีวิตสุดคูล
เป็นปกติของวงการ Smartphone ที่แต่ละปีแบรนด์มือถือแต่ละเจ้าจะส่ง มือถือเรือธง มาให้สาวกได้จับจอง และอีกนัยหนึ่งนอกจากส่วนแบ่งการตลาดแล้ว เจ้ามือถือเรือธงเหล่านี้คือสิ่งบ่งชี้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของแบรนด์นั้นๆ
อย่างล่าสุดที่ Samsung ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนตัวเทพจากซีรีส์ Galaxy Note ที่เดินทางมาถึง Samsung Galaxy Note 20 Ultra และ Samsung Galaxy Note 20 แล้ว
การเดินทางของ “Galaxy Note” นับว่ายาวไกลและมั่นคงมาก เพราะปีนี้คือการออกมาเป็นรุ่นที่ 10 แล้ว ตั้งแต่ Galaxy Note 1 ในปี 2011 จนถึงบัดนี้ ซึ่งการที่สินค้าสักรุ่นจะใช้ชื่อเดิมและอยู่มาได้นาน ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จุดแข็งของมือถือตระกูล Note ที่ใช้ในการทำงานและการเรียนรวมถึงงานสร้างสรรค์ คือเคล็ดไม่ลับที่ทำให้ยืนหยัดอยู่ได้
อะไรใหม่ใน Galaxy Note 20 Series
มาถอดรหัสกันทีละส่วนเลยว่า ปีนี้ “สมาร์ทโฟน Galaxy Note 20” มีอะไรใหม่ ที่คนที่ได้ลองสัมผัสแล้วต่างบอกว่า “ว้าว!” และอยากจับจองเป็นเจ้าของกันทั้งนั้น
- S Pen สุดเทพ เขียนได้เนียนเสมือนปากกาจริง
พูดถึงมือถือตระกูล Galaxy Note สิ่งแรกๆ ที่ user ต่างนึกถึง คือ ปากกา S Pen ซึ่งเจ้าปากกาสารพัดนึกนี้ ถูกพัฒนามาเรื่อยๆ ตั้งแต่รุ่นแรกๆ ที่ถึงจะเป็นของใหม่ในยุคนั้น แต่ความไม่เสถียร และไม่ละเอียดพอ ทำให้เคยกลายเป็นสิ่งกวนใจของหลายคน แต่แน่นอนว่า ปีนี้ S Pen ใน Galaxy Note 20 Series คือขั้นสุดของเทคโนโลยีปากกาของซัมซุง
ปากกาของ Note 20 ทำให้ความเป็น One of A Kind ของมือถือตระกูลนี้ชัดเจนขึ้นมาก เพราะ S Pen ไม่ได้ออกแบบมาแค่ขีดเขียน แต่เป็นเครื่องมือสำคัญของการใช้งานแบบ Remote Work ซึ่งในแง่การใช้งานกับหน้าจอมือถือ Samsung Galaxy Note 20 ทางซัมซุงได้เพิ่มความละเอียดจากเดิมใน Note 10 Series ที่ทำได้ที่ 42 ms ซึ่งก็ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว แต่ในรุ่นล่าสุดคือละเอียดถึง 9 ms จึงเขียนได้เหมือนเขียนปากกาบนกระดาษจริงๆ
นอกจากนี้ S Pen ยังใช้งานด้วย Air Action ต่างๆ ได้มากขึ้น และเพิ่ม 5 Gestures control คือ เหวี่ยงปากกาในท่าทางต่างๆ เพื่อใช้งานต่างๆ อาทิ การนำเสนอสไลด์พรีเซนต์งาน
- ทำงานเอกสารได้เต็มรูปแบบ
ในเรื่องการจดบันทึก ซัมซุงเพิ่มฟีเจอร์ให้ทั้งเขียนและพิมพ์ได้ไปพร้อมๆ กัน และเหนือชั้นไปกว่าเดิมตรงที่ จดไปพร้อมกับบันทึกเสียงด้วยในฟีเจอร์ Audio Bookmark มีข้อดีคือเก็บข้อมูลทุกอย่างได้โดยไม่พลาด ซึ่งเสียงกับสิ่งที่จดจะซิงค์กันในช่วงเวลาตามจริง
สำหรับคนที่ใช้งานเอกสารเป็นประจำ Galaxy Note 20 ทำงาน Powerpoint และจัดการไฟล์ PDF ได้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว โดย Import ไฟล์เข้ามาทำงานได้เลย
และเทรนด์การทำงานที่เปลี่ยนไปตาม New Normal คือคนทำงานทางไกลมากขึ้น มือถือรุ่นนี้ตอบโจทย์การทำงานทางไกลแต่ยังต้องทำงานร่วมกันเป็นทีม ด้วยฟีเจอร์ที่เรียกว่า Auto Sync คือการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับแทบเล็ตหรือ PC เพื่อให้ข้อมูลทุกอย่างที่ทำลงไป Live Sync ผ่าน Samsung Account ทุกคนจะเห็นในสิ่งเดียวกันไปพร้อมกัน
- ใช้งานพร้อมกันได้หลายอุปกรณ์
คนยุคนี้จำนวนไม่น้อยใช้งานแบบ Multi Device แต่การใช้งานหลายอุปกรณ์พร้อมกันอาจกลายเป็นภาระ Galaxy Note 20 จึงใส่ฟังก์ชัน Link to Window เพื่อให้เชื่อมต่อมือถือเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ โดยนำ Mobile App ทุกอย่างใส่ใน taskbar ได้เลย แล้วทำงานบน PC ได้โดยไม่ต้องสนใจมือถือ หรือจะใช้มือถือทำอย่างอื่นแบบ Multi App ไปพร้อมๆ กันได้มากถึง 6 หน้าจอ
- Samsung DeX แปลงร่างเป็น Wireless DeX
จากปีก่อนที่ Samsung DeX เป็นหนึ่งในพระเอกหน้าใหม่ของซัมซุง ปีนี้ได้พัฒนาเป็น Wireless DeX เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้หลากหลาย เช่น ในการทำงานหรือเรียนออนไลน์ Dual Mode ในฟีเจอร์นี้ ทำให้ใช้สองแอพได้พร้อมกัน ยกตัวอย่างเชื่อมต่อมือถือเข้ากับหน้าจอเพื่อดูการเรียนออนไลน์ ในขณะเดียวกันก็เปิดมือถือเพื่อจดบันทึกไปได้พร้อมกัน
- จัดเต็มเรื่องกล้อง
อีกกลุ่ม user หลักของ Galaxy Note 20 Series คือบรรดา Content Creator ทั้งถ่ายภาพนิ่ง, ทำคลิปวิดีโอ และขีดเขียน สมาร์ทโฟนเรือธงซีรีส์นี้จึงใส่ความสามารถของกล้องมาค่อนข้างสุด ทั้งวิดีโอและภาพนิ่ง
เริ่มที่วิดีโอ ใน Pro Video Mode ถ่ายได้ถึง 120 fps และถ่าย 8K ใน Galaxy Note 20 Ultra แถมด้วยอัตราส่วนภาพแบบ 21:9 ซึ่งเป็นอัตราส่วนภาพแบบเดียวกับที่ถ่ายภาพยนตร์กัน (Cinematic Film) เป็นตัวเลือกที่ต้องถูกใจนักทำวิดีโอแน่นอน
ไม่เพียงเท่านั้น ในการทำ Video Content ในมือถือรุ่นอื่นๆ เมื่อถ่ายในที่กลางแจ้งหรือที่มีคนเยอะๆ เสียงหลักที่ต้องการอาจถูกเสียงสภาพแวดล้อมกลบ ซัมซุงจึงพัฒนา Multi Mic Source เพื่อเลือกจับเสียงจากแหล่งหลักได้ดีมากขึ้น และเหนือไปอีกขั้นด้วยการใช้หูฟังของ Samsung หรือที่เรียกว่า Buds แทนไมค์ลอยได้เลย ซึ่งคุณภาพเสียงที่ได้คมชัดในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
มาที่ภาพนิ่งกันบ้าง กล้องหลังใน Note 20 Ultra มากับความละเอียด 108 MP ส่วน Note 20 ปกติมีความละเอียด 64 MP ซึ่งในตัว Note 20 Ultra มี Laser AF เป็นเทคโนโลยีการโฟกัสภาพที่น่าทึ่งมากทีเดียว ถ้าในสภาพแสงปกติจะจับออโต้โฟกัสได้ไวมากๆ และในสภาพแสงน้อยก็ช่วยให้จับออโต้โฟกัสได้ดียิ่งขึ้นกว่ากล้องในมือถือรุ่นอื่นๆ
- ปรับแต่งหน้าจออัตโนมัติให้รีเฟรชเรทเหมาะสมกับการใช้งานขณะนั้น
ด้วยความที่หน้าจอ 120 hz เป็นมาตรฐานของสมาร์ทโฟนเรือธงทุกแบรนด์ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาตามมาคือกินแบตมาก ซึ่งใน Galaxy Note 20 Ultra แก้ปัญหาด้วย HOP Technology ให้หน้าจอปรับ Refresh Rate ให้เข้ากับคอนเทนต์ที่กำลังดูอยู่ เช่น การดูหนังที่ไม่จำเป็นต้องใช้ Refresh Rate มากนักก็จะปรับ 24 hz ขณะที่ถ้าเล่นเกมก็จะปรับไปสูงสุดที่ 120 hz ตามข้อมูลฟีเจอร์นี้ทำให้ประหยัดแบตได้มากถึง 1.40 ชั่วโมง
โดยปกติแล้วการออกมือถือเรือธงรุ่นใหม่มักจะเน้นที่การอัพเกรดจุดนั้นจุดนี้ แต่กับสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy Note รุ่นล่าสุด เรากลับมองเห็นได้ว่าไม่ใช่แค่การเพิ่มประสิทธิภาพให้ของเดิม แต่เป็นการเติมสิ่งใหม่เข้าไป จนครอบคลุมการใช้งานของกลุ่มลูกค้าทั้งในแง่ Lifestyle และ Workstyle