เจาะลึก 'ต้นเทียนทะเล' ไม้หายาก ราคามหาโหด 'โทษ' ไม่เบา!
เจาะลึก 'ต้นเทียนทะเล' ไม้หายาก ที่นิยมนำไปทำเป็นบอนไซ และมีการซื้อขายในราคามหาโหด แพงสุดไปได้ถึงหลักล้าน ส่งผลให้ถูกลักลอบขุดกันเป็นล่ำเป็นสัน จนล่าสุดถูกประกาศ "โทษ" หากลักลอบขุดมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“เทียนทะเล” หนึ่งพันธุ์ไม้ที่หลายคนให้ความสนใจ เนื่องจากความสวยงามที่ทำให้ใครๆ ต้องสะดุดตา และนิยมนำไปทำเป็นบอนไซ ที่ผ่านมาพบมีการลักลอบตัดไม้ชนิดนี้มาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้ที่หายาก จึงมีการซื้อขายกันตั้งแต่หลักพันบาทไปจนถึงหลักล้านบาท
แต่ด้วยความที่ต้นไม้ชนิดนี้หายาก และเติบโตช้า เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ จึงทำให้เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่า ครั้งที่ 1/2563 ได้หารือประเด็นข้อกฎหมาย และการป้องกันและการลักลอบตัดไม้และค้าสัตว์ป่า รวมถึงต้นเทียนทะเลตามพื้นที่จังหวัดที่มีชายทะเลและโขดเขาที่มีต้นไม้ชนิดนี้ขึ้น อีกทั้งยังเตรียมขึ้นทะเบียนให้เป็น "ไม้หวงห้าม" และเสนอให้อยู่ในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์
นอกจากนี้ ล่าสุดเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ยังได้เผยแพร่คำสั่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เรื่องมาตรการคุ้มครองทรัพยากรไม้เทียนทะเล เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2563 เป็นการอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 3 ประกอบมาตรา 17 และ 27 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558 เพื่อคุ้มครองทรัพยากรไม้เทียนทะเลไม่ให้ได้รับความเสียหายจากการลักลอบขุด โดยผู้ที่ฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ
"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" จะพาไปทำความรู้จักกับต้นไม้หายาก “เทียนทะเล” มีความสำอย่างไร เหตุใดจึงเป็นที่ต้องการของตลาด ราคาซื้อขายอยู่ที่เท่าไหร่ และหลักแหล่งที่สามารถค้นพบได้ส่วนใหญ่อยู่ที่ไหน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- มีผลแล้ววันนี้! ลักลอบขุด 'ต้นเทียนทะเล' มีโทษหนัก ทั้งจำทั้งปรับ
- ทส. หารือช่อง กม.ป้องกันลักลอบตัดไม้เทียนทะเล
“เทียนทะเล” หรือชื่อที่เรียกกันในจังหวัดสุราษฎร์ธานีว่า “เทียนเล” มีชื่อวิทยาศาสตร์ Pemphis acidula J.R. & G.Forst. อยู่ในวงศ์ Lythraceae เป็นไม้ป่าชายหาดทั่วไป ลักษณะไม้ชนิดนี้จะเป็นไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ความสูงราว 3-10 เมตร เป็นไม้ไม่ผลัดใบ เรือนยอดพุ่มกลมเตี้ย ลำต้นสั้น กิ่งเป็นสีเทาในเขียว เปลือกสีเทาในดำหรือน้ำตาล แตกเป็นร่องตื้นตามยาวลำต้น ใบ และสามารถสังเกตเห็นข้อได้อย่างชัดเจน
ส่วนของใบนั้น จะมีลักษณะปลายแหลมมน หนาอวบน้ำ มีขนละเอียดสีเทาทั้งสองด้านของใบ ก้านใบมีสีแดง ดอกสีขาวมีกลิ่นหอม เกสรสีเหลือง เป็นดอกเดี่ยวออกตามซอกใบ มักจะออกดอกช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม และออกผลราวเดือนสิงหาคม-กันยายน โดยผลสดนั้น จะมีเนื้อและเมล็ดข้างในรูปร่างทรงรีหรือทรงไข่ สีเขียวอมแดง แต่เมื่อผลสุกจะมีสีน้ำตาล
ไม้ชนิดนี้พบบริเวณป่าชายฝั่งทะเลทั้งอ่าวไทยและอันดามัน มักขึ้นบริเวณเกาะ แก่ง และซอกหิน อย่างเช่น หาดแหลมเทียน จังหวัดชุมพร เป็นสถานที่หนึ่งที่มีลักษณะเป็นแหลมหินทำให้มีต้นเทียนทะเลขึ้นอยู่มาก ซึ่งที่ผ่านมานิยมนำไปปลูกเป็นไม้ประดับ และบอนไซ
โดยที่ผ่านมานิยมนำ “ต้นเทียนทะเล” ไปปลูกเป็นบอนไซ หรือการเพาะต้นไม้ลงกระถางขนาดเล็ก ซึ่งเป็นศิลปะแขนงหนึ่งของญี่ปุ่น ให้เหมือนราวการย่อส่วนต้นไม้ใหญ่ในป่าธรรมชาติให้มาอยู่ในกระถางต้นไม้ ซึ่งมีการดัด กิ่งก้านและรากตามความเหมาะสมและสวยงาม
ส่วนใหญ่นิยมนำเอารากของเทียนทะเลมากยึดเกาะกับหิน และจึงนำต้นมาตัดต่ออีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นจึงนำมาดัดกิ่งและจัดทรงต้นต่อไป
ด้วยความสวยงามของลวดลายลำต้น และความอึดถึกทน ทำให้ในหมู่นักสะสมได้มอบฉายาต้นเทียนทะเลว่าเป็น “ราชาแห่งบอนไซ” (King of Bonsai) ขณะเดียวกันจากปัจจัยสำคัญของความเป็นไม้หายาก และยากต่อการเพาะเลี้ยง จึงทำให้มีราคาซื้อขายค่อนข้างสูง จากการค้นหาในตลาดอีคอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดียของไทย พบว่ามีการซื้อขายต้นเทียนทะเลตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ ในราคาเฉียดร้อยบาทจนถึงต้นขนาดใหญ่ ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีกลุ่มที่สนใจซื้อจำนวนมาก
โดยประเภทต้นขนาดเล็กที่เกิดจากการเพาะเมล็ด มีราคาตั้งแต่หลัก 100 บาทต้นๆ รวมถึงต้นเทียนทะเลที่เพาะ แต่ติดซากหรือติดไม้โครงสร้าง มีการซื้อขายในราคาร้อยปลายๆ ไปจนถึงหมื่นบาท บางส่วนเป็นการนำตอของต้นเทียนทะเลมาปลูกต่อ ซึ่งอาจมีการเจียรรากบางส่วนเพื่อความสวยงาม หากยังไม่เห็นการแตกตาหรือแตกยอดจะมีการซื้อขายในราคาหลักร้อยปลายๆ หากเริ่มแตกตาหรือแตกยอด เห็นยอดสีเขียวอ่อนๆ ขึ้นมาแล้ว จะมีการนำซื้อขายเช่นกันในราคาหลักพันบาทขึ้นไป
นอกจากนี้ จากการสังเกตการณ์ ยังพบว่า ต้นที่มีลักษณะเป็นตรงทรงเดี่ยว หรือมีโคนเดียวนั้น จะมีราคาที่ดี โดยเฉพาะต้นที่ขึ้นตรงเป็นทรงสวย เนื่องจากมีการบิดลำต้นให้เป็นรูปทรง มีการแพร่กิ่งก้านออกไปสองด้านอย่างสวยงามจะมีราคาแพง อย่างเช่นมีการโพสต์ขายในโซเชียลมีเดีย เป็นทรงต้นตั้งขึ้นมาขนาดสองคนยก มีการประกาศราคาขายราว 50,000 บาท
ยิ่งเมื่อต้นมีขนาดใหญ่ขึ้น และเห็นรากอย่างชัดเจนสวยงาม ราคาก็จะพุ่งขึ้นไประดับหลักแสนบาท แต่หากต้นใดที่โตระดับหนึ่งและต้นเอียงไปด้านข้าง หรือมักเรียกกันว่าเทียนทะเลตกกระถาง จะมีราคาอยู่ราวๆ หลักพันบาท
นอกจากนี้ยังมีการซื้อไปถึงเลขเจ็ดหลัก จากข้อมูลของเว็บไซต์พลังเกษตร ได้เล่าถึงเรื่องราวของ “ต๋อง บอนไซ ชลบุรี” หนึ่งในนักเล่นบอนไซที่มีชื่อเสียงในไทย โดยมีตอนหนึ่งที่ระบุว่า สไตล์ไม้ที่นักเล่นในไทยนิยมส่วนใหญ่เป็นไม้ทรงต้น ทั้งทรงต้นเดี่ยว โคนคู่ และรากโหย่ง ซึ่งในส่วนของเขาเองมีการขายบอนไซเทียนทะเล ลักษณะกอใหญ่แบบป่ารากเดียว ในราคาสูงถึงต้นละ 2.5 ล้านบาท
สำหรับการดูแลนั้น หากมีเวลาด็สามารถรดน้ำได้วันละ 5 ครั้ง แต่หากไม่มีเวลาก็สามารถนำทั้งกระถางไปแช่น้ำไว้ได้ โดยต้นนี้สามารถเลี้ยงง่าย ใส่ปุ๋ยอะไรก็ได้ แต่เป็นไม้ที่โตช้า ซึ่งสามารถปลูกได้ทุกสภาพอากาศ ไม่เพียงแต่ต้องอยู่ใกล้ทะเลเท่านั้น
“เทียนทะเล” ไม้ต้นที่กำลังได้รับความนิยม ขณะเดียวกันก็กลายเป็นไม่หายาก ที่กำลังถูกผลักดันให้ขึ้นทะเบียนให้เป็นไม้หวงห้าม และเสนอให้อยู่ในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศต่อไป
ที่มา : rspg, jnto, palangkaset, bangkrod.blogspot, bonsaitearntalay,