'ฝนตก-รถติด-น้ำขังรอการระบาย' ทำเสียสุขภาพจิตขนาดไหน?

ภาพรถติดยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา ช่างเป็นภาพที่ทำให้มนุษย์ออฟฟิศหรือคนทำงานในเมืองทั้งหลายหดหู่ใจไปตามๆ กัน โดยเฉพาะในช่วงที่ฝนตกหนัก มีน้ำท่วมขังรอการระบายปริมาณมาก  ก็ยิ่งส่งผลให้รถติดหนึบแบบไม่ขยับ ไม่ว่าจะเผื่อเวลาออกเช้าขนาดไหน ก็มักจะถึงที่ทำงานเมื่อเลยเวลาเข้างานมาแล้วทั้งนั้น

• ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว?

ประเทศไทยนับได้ว่าเป็นประเทศที่รถติดมากที่สุดในโลก ในปี 2562 เว็บไซต์ www.tomtom.com ผู้พัฒนาแอพลิเคชั่นการเดินทาง รายงานเมืองที่มีการจราจรติดขัดมากที่สุด จาก 403 เมือง ใน 56 ประเทศ พบว่า กรุงเทพมหานคร ติดอันดับที่ 8 ซึ่งก่อนหน้านี้ กทม. ก็ติดอันดับประเทศที่มีการจราจรติดขัดมากที่สุดในโลกในทุกๆ ปี ไม่เปลี่ยนแปลง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :  

• รู้จัก 'ฝนราชการ' เพราะ 'ฝนตก' ตอนเลิกงาน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
• 7 วิธีป้องกัน 'น้ำกัดเท้า' โรคติดเชื้อที่เกิดบ่อยช่วง 'หน้าฝน'
• ฮาวทู 'ไบค์เกอร์' ขับขี่ปลอดภัยช่วง 'หน้าฝน'

ผลสำรวจในช่วงปลายปี 2561 ยังพบว่ากรุงเทพฯ ที่มีค่าเฉลี่ยคนใช้ชีวิตบนท้องถนนอยู่ที่ 64 ชั่วโมงต่อปี แต่ปัจจุบันมีการประเมินจากหน่วยงานต่างๆ ว่าคนกรุงเทพอาจใช้เวลาบนท้องถนนเฉลี่ย 68 ชั่วโมงต่อปี หรือคิดเป็นเกือบๆ 3 วัน/ปี ที่คนกรุงเทพต้องนั่งแช่บนรถ ซึ่งสรุปได้ว่าตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมาสถานการณ์รถติดในกรุงเทพมีแต่เพิ่มขึ้น ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย

ชีวิตดีๆ ที่ลงตัว โควทคำตรงสี่แยกอโศก ดูท่าจะใช้ไม่ได้กับสถานการณ์รถติด เพราะไม่ว่าฝนจะตกหรือไม่ตกรถก็ยังมีการจราจรหนาแน่นแทบไม่ขยับอยู่ดี โดนถนนที่มีอัตรารถหนาแน่นที่สุดจาก การสำรวจของ จส. 100 5 อันดับคือ

• ถนนพระราม 4 ตั้งแต่แยกถนนเจริญกรุง สามย่าน หัวลำโพง ไปบรรจบถนนสุขุมวิท
• ถนนศรีนครินทร์
• ถนนรามอินทรา ตั้งแต่สนามกีฬากองทัพ แยกคู้บอน ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
• ถนนสาทรใต้
• ทางด่วนด่านสุขุมวิท 62 พญาไทและต่างระดับมักกะสัน

• ผลลัพธ์รถติด

แต่งหน้า กินข้าว อ่าวข่าว เสพโซเชียล หรือกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ ที่เหล่า driver หามาทำรอระหว่างรถติด ดูเป็นเรื่องที่ดีในการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ซึ่งการกระทำเหล่านั้นสามารถเบี่ยงเบนความเครียดระหว่างรอรถติดได้แบบไม่รู้ตัว

ผลวิจัยจาก Sunny Joseph นักจิตวิทยาคลินิกยืนยันว่าคนที่เจอสถานการณ์รถติดบ่อยๆ หรือในทุกๆ วัน มักจะมีความเครียดสะสมที่รุนแรง ซึ่งความเครียดเหล่านี้แบ่งระดับได้ตั้งแต่การทำให้เกิดความวิตกกังวล ไม่สามารถควบคุมอาการหงุดหงิดได้ หรือในระดับรุนแรงอาจจะส่งผลให้การตอบสนองต่างๆ ลดลง

หากใครคิดว่าก็แค่เครียด หากิจกรรมอย่างอื่นก็หายเครียดนั้นขอเตือนว่าคุณอย่าดูถูกความเครียดที่เกิดขึ้น เพราะมันมักจะส่งผลเป็นเกมโดมิโน่ หากตัวแรกล้มหรือเริ่มสั่นคลอน ตัวต่อๆ ไปก็อาจจะล้มต่อไปได้เช่นกัน

ผลวิจัยจากนักจิตวิทยาระบุว่า ความเครียดสะสมจากภาวะรถติด มักจะส่งผลพ่วงไปให้ความดันเลือดสูงขึ้น อัตราการเต้นหัวใจ และการย่อยอาหารพังลงตาม รวมถึงโรคซึมเศร้า ปัญหาใหญ่ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังผลวิจัยหลายสถาบันยอมรับว่า การสัมผัสกับเสียงแตร หรือเสียงจราจรมากๆ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจเช่นความดันโลหิตสูง โรคหัวใจวายได้ และโรคเบาหวาน

• โรคทางตรง

ที่กล่าวไปข้างต้นคือผลลัพธ์ของภาวะรถติดที่ได้จากทางอ้อมเท่านั้น แต่ก็ยังมีปัญหาโรคต่างๆ ที่มักมาพร้อมภาวะรถติดในทางตรงเช่นกัน

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ การปวดปัสสาวะ ขณะที่นั่งอยู่บนรถท่ามกลางจราจรที่ติดขัด ทำให้ต้องอั้นปัสสาวะไว้ ไม่สามารถแวะเข้าปั๊มหรือหาห้องน้ำแถวนั้นได้เลย จึงต้องจำใจอดทนอดกลั้นอั้นปัสสาวะไว้ และหากทำบ่อยๆ เข้าโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบถามหาแน่นอน

ปวดคอ ปวดหลัง การนั่งขับรถอยู่ท่าเดิมๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน ประกอบกับการนั่งผิดท่าจะทำให้มีอาการปวดคอ ปวดหลังตามมา ซึ่งถ้าฟังดูเผินๆ แล้วก็แค่อาการปวด แต่จริงๆ แล้วถ้าปล่อยไว้จะกลายเป็นโรคกล้ามเนื้อคออักเสบ ต้องรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

หมอนรองกระดูกเสื่อม เป็นอีกหนึ่งโรคที่มีสาเหตุมาจากการนั่งท่าเดิมนานๆ หรือไม่มีการเปลี่ยนอิริยาบถเลย ซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรง เพราะนำมาซึ่งหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

• รถติด สู่ปัญหาครอบครัว

นอกจากด้านสุขภาพ ปัญหารถติดยังส่งผลต่อปัญหาสังคมอย่างต่อเนื่องได้เช่นกัน ผลวิเคราะห์จากการสำรวจการจราจรในเมืองลอสแองเจลิสซึ่งตีพิมพ์ในวารสารเศรษฐศาสตร์ ระบุว่า การจราจรที่ติดมากๆ มีนัยที่โยงถึงการเพิ่มความรุนแรงในครอบครัวมากถึง 9%

Louis-Philippe Beland นักเศรษฐศาสตร์จาก Louisiana State University สรุปไว้ว่า เมื่อเกิดความเครียดในคนคนหนึ่งมากๆ การส่งต่อความเครียดสู่คนในครอบครัว และเกิดปัญหาครอบครัวในที่สุด ไม่ใช่เรื่องเกินคาด

ปัญหาเรื่องรถติด เป็นปัญหาระดับชาติที่ทุกส่วนจะต้องช่วยกันแก้ไข เพราะการเดินทางเป็นเรื่องของทุกคน โปรดอย่าปล่อยให้การเดินทางในทุกๆ เช้ามาทำร้ายชีวิต และสภาพจิตใจเราเลย

--------------------

อ้างอิง :  

https://www.nytimes.com/

https://www.whiteswanfoundation.org/

https://pharmeasy.in/