'ชาโต เดอ ปัวตีฮรง' ไวน์ฝรั่งเศสขายดีในเมืองไทย
'บอร์กโดซ์' หรือ 'บอร์โดซ์' (Bordeaux) ชื่อนี้มีมนต์ขลังและสะกดผู้คนทั่วโลกในฐานะ “เมกกะแห่งการทำไวน์” ผู้ที่อยู่ในแวดวงไวน์จะต้องหาโอกาสไปเยือนเมืองในนี้สักครั้งในชีวิต ขณะที่ชาวไทยที่ดื่มไวน์ในจำนวนไวน์ฝรั่งเศสด้วยกัน แน่นอนไวน์บอร์กโดซ์มาอันดับแรก
บอร์กโดซ์ มีถิ่นไวน์ที่คณะกรมการ INAO (Institute National des Appellations d’Origine des Vins et Eaux-de-Vie) ผู้ดูแลคุณภาพไวน์ กำหนดพื้นที่เป็นเกรดระดับเอโอซี (AOC = Appellation d’Origine Contrôlée) กว่า 50 เอโอซี ทั้งหมดกระจายอยู่ใน 22 อำเภอ ที่รู้จักกันดีมี 5 อำเภอคือ เมด็อก (Médoc) ปอเมอฮรอล (Pomerol) แซง-เตมิยง (Saint-Emilion) กราฟส์ (Graves) และ โซแตร์น (Sauternes)
เขตผลิตไวน์ดังกล่าวแบ่งโดยแม่น้ำฌีฮรองด์ (Gironde) ความยาว 65 กิโลเมตร ฝั่งหนึ่งเรียกว่า ฝั่งซ้าย (Left Bank) ประกอบด้วยปูญาค (Pauillac) แซงเตสเตฟ (St-Estèphe) แซงต์ ฌูเลียง (St-Julien) มาร์โกซ์ (Margaux) ส่วน ฝั่งขวา (Right Bank) ประกอบด้วยดินแดนสำคัญคือปอเมอรอล (Pomerol) และแซงเตมิยง (Saint-Émilion) มีเขตเล็ก ๆ อีกหลายเขต ที่สำคัญคือบลาย (Blaye) ที่ส่งออกไวน์ไปต่างประเทศก่อนไวน์เมด็อก
โก๊ต เดอ บอร์กโดซ์ (Côtes de Bordeaux Appellation) หรือ เอโอซี โก๊ต เดอ บอร์กโดซ์ เป็นเขตควบคุมการผลิต หรือเอโอซีน้องใหม่ที่ได้รับการก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2009 นี่เอง และเป็นส่วนหนึ่งของบลาย (Blaye) ดังกล่าว โดยเกิดจากการนำเอา 4 เขต ในบอร์กโดซ์มาควบรวมกัน ประกอบด้วยเปรอะมิเยร์ โก๊ต เดอ บลาย (Premieres Côtes de Blaye) โก๊ต เดอ กาสติลยง (Côtes de Castillon) โก๊ต เดอ ฟรังซ์ (Côtes de Francs) และกาดิลแญก(Cadillac)
จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้ฉลากไวน์ของทั้ง 4 คอมมูน ต้องเปลี่ยนฉลากตามไปด้วยคือจากเดิมหลังวินเทจ 2009 เป็นต้นมา เช่น จาก Cotes de Castillon เป็น Castillon Cotes de Bordeaux จาก Cotes de Francs เป็น Francs Cotes de Bordeaux จาก Premieres Cotes de Blaye เป็น Blaye Cotes de Bordeaux จาก Premieres Cotes de Bordeaux Rouge เป็น Cadillac Cotes de Bordeaux เป็นต้น
ปัจจุบัน โก๊ต เดอ บอร์กโดซ์ เอโอซี มีพื้นที่ปลูกองุ่นประมาณ 12,653 เฮกตาร์ และมีเกษตรกรผู้ผลิตไวน์ประมาณ 1,500 ราย ในจำนวน 4 คอมมูนที่นำมารวมกันนั้น Cotes de Blaye มีพื้นที่ปลูกองุ่นมากที่สุดคือ 7,729 เฮกตาร์
โก๊ต เดอ บอร์กโดซ์ เอโอซี เป็นเขตผลิตไวน์ฝั่งขวา (Right Bank) อยู่ไม่ไกลจากตำบลแซง เตมิยง (St. Emilion) และได้รับอิทธิพลจาก 2 แม่น้ำคือดอร์ดอญ (Dordogne) และกาฮรอน (Garonne) แตร์ฮรัวร์ (Terroirs) จึงประกอบด้วยดินเหนียว หินกรวด และหินปูน คล้าย ๆ กับแซง เตมิยง (St. Emilion) และปอเมอฮรอล (Pomerol)
โก๊ต เดอ บอร์กโดซ์ ผลิตไวน์แดง 97% จากองุ่นแมร์โลต์ (Merlot) และกาแบร์เนต์ ฟรัง (Cabernet Franc) เป็นหลัก ขณะที่กาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) มาลเบค (Malbec) และเปตีต์ แวร์กโดซ์ (Petit Verdot) เป็นพระรอง ขณะที่ไวน์ขาวทำจากองุ่นหลัก ๆ คือโซวีญยง บลอง(Sauvignon Blanc) เซมิลยง (Semillon) มุสกาเดลล์ (Muscadelle) และโซวีญยง กรีส์ (Sauvignon Gris)
ชาโต เดอ ปัวตีฮรง (Chateau de Potiron) เป็นหนึ่งในไวน์จากเอโอซี โก๊ต เดอ บอร์กโดซ์ ที่ผมชิมของเขามาหลายครั้งแล้ว แต่คราวนี้พิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 17 ปี ของผู้นำเข้าคือบริษัท DZ Wine Thailand บริษัทเล็ก ๆ แต่อยู่มาถึงขนาดนี้ย่อมไม่ธรรมดา ที่สำคัญและเป็นสถิติที่ไม่น่าเชื่อ ชาโต เดอ ปัวตีฮรง ผลิตไวน์ประมาณ 2 แสนขวด ขายมากที่สุดคือในเมืองไทยนี่เอง !!
ชาโต เดอ ปัวตีฮรง เป็นของตระกูลชมิดท์ (Schmidt) จากประเทศเดนมาร์ก เริ่มจากยอร์เกน ชมิดท์ (Joergen Schmidt) ซื้อไร่แห่งนี้เมื่อปี 2001 ปัจจุบันมาลีน ชมิดท์ (Malene Schmidt) ลูกสาวของเขาเป็นผู้ดูแลกิจการ ด้วยพื้นที่ 20 เฮกตาร์ ปลูกองุ่นแดงคือ แมร์โลต์ (Merlot) กาแบร์เนต์ ฟรัง (Cabernet Franc) กาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) และเปตีต์ แวร์กโดซ์ (Petit Verdot) ขณะที่องุ่นที่ใช้ทำไวน์ขาวปลูกประมาณ 1 เฮกตาร์ ประกอบด้วย โซวีญยง บลอง(Sauvignon Blanc) เซมิลยง (Semillon) และโซวีญยง กรีส์ (Sauvignon Gris)
หลังจากปี 2005 เป็นต้นมาพวกเขาก็สามารถผลิตไวน์คุณภาพพร้อมรางวัลทุกปี ที่สำคัญผลิตไวน์ด้วยกรรมวิธีดั้งเดิม จากความเชื่อมั่นในสิ่งที่อยู่ใต้ผืนแผ่นดิน ขณะเดียวกันก็พยายามใช้สารเคมีให้น้อยที่สุด ที่จะส่งผลให้คุณภาพของไวน์
ผมชอบไวน์ขาวของเขาซึ่งวันที่ชิมนั้นมีอยู่ตัวเดียว เป็นบอร์กโดซ์ บลอง (Bordeaux Blanc) ซึ่งแน่นอนตามสไตล์ไวน์บอร์กโดซ์ เบลนด์ ทั้งขาวและแดงไม่ใช่องุ่นพันธุ์เดียวแน่นอน ต้องมี 2 พันธุ์ขึ้นไป โดยไวน์ขาวตัวนี้มีส่วนผสมขององุ่นโซวีญยง บลอง ((Sauvignon Blanc) โซวีญยง กรีส์ (Sauvignon Gris) และเซมิยง (Semilon)
ที่อยากจะพูดถึงก็คือ โซวีญยง กรีส์ (Sauvignon Gris) องุ่นเปลือกสีชมพูออกเทา ๆ เป็นองุ่นที่ใช้ทำไวน์ขาวในบอร์กโดซ์มานมนาน มีสาแหรกที่เกี่ยวพันกับโซวีญยง บลอง (Sauvignon Blanc) และเป็นที่ถกเถียงกันมาโดยตลอดว่าใครเกิดก่อน เหมือนไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันประมาณนั้น ที่ต่างกันแน่นอนคือโซวีญยง บลอง เป็นองุ่นเปลือกเขียว
ไวน์ขาวของชาโตดัง ๆ ในบอร์กโดซ์ใช้องุ่นพันธุ์นี้เป็นส่วนผสม เช่น ชาโต โอต์ บริอง (Chateau Haut Brion) ชาโต สมิธ โอต์ ลาฟิต (Chateau Smith Haut Lafitte) และชาโต ป๊าป เคลมองต์ (Chateau Pape Clement) ฯลฯ ซึ่งในบางพื้นที่เรียกว่าโซวีญยง โฮรเซ (Sauvignon Rosé) ส่วนในประเทศอื่นที่สามารถทำไวน์จากโซวีญยง กรีส์ได้ดีคือชิลี
สำหรับไวน์ที่ได้ชิมในโอกาสครบรอบ 17 ปีของบริษัท DZ Wine Thailandผู้นำเข้าชาโต เดอ ปัวติฮรง มีดังนี้
ชาโต เดอ ปัวติฮรง ลอร์ เดอ ปัวตีฮรง เอโอซี บอร์กโดซ์ บลอง 2019 (Chateau de Potiron L'or De Potiron AOC Bordeaux Blanc 2019) : ไวน์ขาวบอร์กโดซ์ เบลนด์ดังกล่าว วินเทจ 2019 เป็นวินเทจล่าสุดที่อยู่ในตลาดเมืองไทย กำลังสดชื่นทีเดียว สีเหลืองทองอ่อน ๆ แกมเขียวนิด ๆ หอมกลิ่นผลไม้ เช่น ซีทรัส พีช กูสเบอร์รี หญ้าสด ๆ ใบไม้เขียว ๆ มิเนอรัล ดอกไม้ น้ำผึ้งกรุ่น ๆ แอสิดค่อนข้างสูง แทนนินอ่อน ๆ ที่เกิดจากเปลือกของโซวีญยง กรีส์ จบปานกลางด้วยผลไม้ ดอกไม้ และแทนนินกรุ่น ๆ .....17/20 คะแนน
ชาโต เดอ ปัวติฮรง ลา ตราดียอง เอโอซี โก๊ต เดอ บอร์กโดซ์ 2013 (Chateau de Potiron La Tradition AOC Côtes de Bordeaux 2013) : เป็นไวน์สไตล์ดื่มง่าย ๆ สบาย ๆ แต่ได้อรรถรสค่อนข้างครบถ้วนและทำแบบดั้งเดิมจากแมร์โลต์ (Merlot) และกาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) สีแดงเข้มสดใส หอมกลิ่นผลไม้เปลือกดำ เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ พลัม และพุทราจีนแห้ง ๆ ดอกไม้ สไปซี โอ๊คกรุ่น ๆ ใบยาสูบ มิเนอรัล แอสิดสดชื่น แทนนินปานกลาง จบปานกลางด้วยผลไม้ และสไปซีเฮิร์บ....17.5/20 คะแนน
ชาโต เดอ ปัวติฮรง คูเว ปรีวีเลจ เอโอซี โก๊ต เดอ บอร์กโดซ์ 2012 (Chateau de Potiron Cuvée Privilege AOC Côtes de Bordeaux 2012) : ทำจากแมร์โลต์ (Merlot) 60% กาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) 25% และกาแบร์เนต์ ฟรัง (Cabernet Franc) 15% เป็นวินเทจที่กำลังพร้อมดื่ม สีแดงค่อนข้างเข้ม หอมกลิ่นผลไม้สุก เช่น พลัม แบล็คเบอร์รี ราสพ์เบอร์รี และแบล็คเคอร์แรนท์ ดอกไวโอเลต ไม้ซีดาร์ หนังสัตว์ โอ๊คกรุ่น ๆ มิเนอรัล สไปซีเฮิร์บ แทนนินนุ่มเนียน แอสิดสดชื่น จบยาวด้วยผลไม้ เฮิร์บ และโอ๊คกรุ่น ๆ รุ่นนี้เขามีขนาดแม็กนั่ม หรือ 1.5 ลิตรด้วย....19/20 คะแนน
ชาโต เดอ ปัวติฮรง คูเว เอ็กเซปตัวเนลล์ เอโอซี โก๊ต เดอ บอร์กโดซ์ 2012 (Chateau de Potiron Cuvée Exceptionelle AOC Côtes de Bordeaux 2012 ) : ทำจากแมร์โลต์ (Merlot) 60% และกาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) 40% สีแดงเข้ม หอมกลิ่นผลไม้สุกค่อนข้างฉ่ำคล้าย ๆ แยม เช่น แบล็คเคอร์แรนท์ พลัม แบล็คเบอร์รี ราสพ์เบอร์รี และพุทราจีนแห้ง ๆ สไปซี โอ๊คหอมกรุ่น ซีดาร์ หนังสัตว์ เอิร์ธตี้ มิเนอรัล ชะเอมเทศ แทนนินสุกนุ่มเนียน แอสิดปานกลาง จบยาวด้วยผลไม้สุก เฮิร์บชุ่มคอ เป็นวินเทจที่กำลังสุกพร้อมดื่ม.....18.5/20 คะแนน
ชาโต เดอ ปัวติฮรง คูเว เอ็กเซลลองซ์ เอโอซี โก๊ต เดอ บอร์กโดซ์ 2014 (Chateau de Potiron Cuvee Excellence AOC Côtes de Bordeaux 2014) : ทำจากแมร์โลต์ (Merlot) 60% ที่เหลือเป็นกาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) และกาแบร์เนต์ ฟรัง (Cabernet Franc) สีแดงเข้มสดใส วินเทจ 2014 นี้ยังไม่เปิดตัวเต็มที่นัก หอมกลิ่นผลไม้สุก เช่น แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ พลัม และราสพ์เบอร์รี มิเนอรัล ดอกไวโอเลต ซีดาร์ ควันไฟ สไปซี แบล็คเปเปอร์ เฮิร์บแห้ง ๆ แทนนินหนักแน่นแต่เริ่มนุ่ม แอสิดสดชื่น จบด้วยผลไม้ และสไปซี....18.5/20 คะแนน
ชาโต เดอ ปัวติฮรง คูเว ปาสซิยอง เอโอซี โก๊ต เดอ บอร์กโดซ์ 2014 (Chateau de Potiron Cuvée Passion AOC Côtes de Bordeaux 2014) : ทำจากแมร์โลต์ (Merlot) 60% ที่เหลือเป็นกาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) เป็นรุ่นที่ชิมแล้วค่อนข้างเซอร์ไพรซ์ เพราะมีความสมดุลทั้งด้านโครงสร้างและผลไม้ สีแดงเข้มสดใสและขอบม่วงนิด ๆ หอมกลิ่นผลไม้เปลือกดำสุก เช่น พลัม แบล็คเบอร์รี แบล็คเคอร์แรนท์ ราสพ์เบอร์รี และพรุน โอ๊คหอมกรุ่น ทรัฟเฟิลเบา ๆ ใบยาสูบ ซีดาร์ สไปซี เฮิร์บ จันทน์เทศ เอิร์ธตี้ แอสิดสดชื่น แทนนินยังแน่นแต่เริ่มนุ่ม จบยาวด้วยผลไม้ โอ๊คกรุ่น ๆ และสไปซีเฮิร์บ ยังไม่เปิดตัวเต็มที่นักแต่ดื่มตอนนี้ก็ได้แต่อีกสัก 3-4 ปีจะเปิดตัวมากกว่านี้ ...19/20 คะแนน
ชาโต เดอ ปัวติฮรง คูเว เอ็กเซปตัวเนลล์ เอโอซี โก๊ต เดอ บอร์กโดซ์ 2014 (Chateau de Potiron Cuvee Exceptionelle AOC Côtes de Bordeaux 2014) : เป็นรุ่นเดียวกับตัวที่ผ่านมาต่างกันที่วินเทจ ถ้าเป็นไวน์ได้อยากแนะนำให้ซื้อมาทั้ง 2 วินเทจแล้วชิมเปรียบเทียบกัน จะได้รู้ถึงความแตกต่าง ทำจากแมร์โลต์ (Merlot) 60% และกาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) 40% สีแดงเข้มสดใสและขอบมีสีม่วงแกมด้วย หอมกลิ่นผลไม้เปลือกดำ เช่น แบล็คเบอร์รี พลัม แบล็คเคอร์แรนท์ และราสพ์เบอร์รี ดอกไวโอเลต สโมคกี้โอ๊ค ซีดาร์ ยาสูบ เห็ดทรัฟเฟิลกรุ่น ๆ มิเนอรัล แอสิดปานกลาง แทนนินยังแน่แต่เริ่มนุ่ม จบยาวด้วยผลไม้ เฮิร์บ และโอ๊คหอมกรุ่น สามารถดื่มได้ในตอนนี้ แต่ถ้าจะให้ดีอีก 2-3 ปีจะดีกว่านี้ วินเทจนี้มีขวดแม็กนั่ม (1.5 ลิตร) แถมราคาดีซะด้วย.....18.5/20 คะแนน
นั่นคือส่วนหนึ่งของ ชาโต เดอ ปัวติฮรง ไวน์จากเขตโก๊ต เดอ บอร์กโดซ์ ที่ขายมากที่สุดในเมืองไทย เป็นข้อมูลเพื่อการศึกษาเรียนรู้ มิได้มีเจตนาชักชวนให้ดื่ม แต่ถ้าจะดื่มควร...ดื่มด้วยความรับผิดชอบ !