ยุคใหม่ของ ‘อาหารทางการแพทย์’ อร่อย ดี ครีเอทได้ การันตี by ‘เชฟป้อม’
ลบภาพจำของ "อาหารทางการแพทย์" ที่หลายคนคิดว่ากินยาก ไม่อร่อย และเหมาะกับผู้ป่วย ด้วยเมนูสุดสร้างสรรค์จากฝีมือนักโภชนาการ และยืนยันถึงรสชาติโดยโดย "เชฟป้อม"
“มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ” คงคุ้นเคยกับประโยคนี้กันมาบ้าง แต่นอกจากมื้อแรกของวันจะสำคัญ ในทุกมื้อก็ควรอุดมด้วยสารอาหารที่ครบถ้วนด้วยเช่นกัน
แต่ในความจริง รสนิยมการกิน ความเร่งรีบ รวมถึงสภาพสังคม มีผลต่อการเลือกเมนูอาหารที่จะกินเข้าไป บางคนเลือกความสะดวกรวดเร็วเป็นที่ตั้งจนสุดท้ายสิ่งที่ร่างกายได้รับกลายเป็นของไม่จำเป็น จนกระทั่งร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ
ปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตอาหารได้พัฒนาขึ้นมาก และจากปัญหาต่างๆ ด้าน ‘ทุพโภชนาการ’ ทำให้ "อาหารทางการแพทย์" ได้รับการค้นคว้าวิจัยให้กลายเป็นตัวช่วยในเรื่องดังกล่าว โดยไม่ใช่เพียงเป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยอีกต่อไป โดย เชฟป้อม - มล.ขวัญทิพย์ เทวกุล เชฟและนักโภชนาการชื่อดัง แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของ ‘วันซ์ คอมพลีท’ อาหารทางการแพทย์สูตรครบถ้วนผสมใยอาหาร เปิดเผยว่า ไม่ว่ามื้ออาหารใดก็ไม่ควรข้าม ควรกินให้ครบมื้อและครบหมู่
“คำว่าอาหารเสริมกับอาหารทางการแพทย์ ไม่เหมือนกันนะคะ อาหารทางการแพทย์มาเติมเต็มการกินของเราให้ครบหมู่ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าที่เรากินเข้าไปในข้าวจานหนึ่ง ปริมาณแป้ง โปรตีน และอื่นๆ อาจไม่สมดุลโดยที่ร่างกายเราไม่รู้ จะรู้ก็ต่อเมื่อร่างกายอุทธรณ์แล้ว”
เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นักโภชนาการและนักกำหนดอาหารจากทั่วประเทศได้มาร่วมพิสูจน์ว่าอาหารทางการแพทย์ยุคใหม่ดัดแปลงเป็นเมนูต่างๆ ได้จริงหรือไม่ และจะเนรมิตให้จากอาหารมื้อหนึ่ง กลายเป็นมื้อที่ครบถ้วนด้วยคุณประโยชน์จริงหรือไม่
เชฟป้อม อธิบายว่า ถ้าใช้อาหารทางการแพทย์เข้ามาอยู่ในอาหารได้ จะทำให้การกินมีประโยชน์ขึ้น ดีกว่าต้องกินไขมันส่วนเกินจากน้ำตาลทราย
“พอพูดว่าเป็นอาหารทางการแพทย์จะฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆ แล้ว นี่คือผลิตภัณฑ์ที่มีความสมดุลของสารอาหารและอร่อยได้ด้วย ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ เมื่อก่อนจำได้ไหมว่าถ้าใครพูดถึงเรื่องอาหารทางการแพทย์จะนึกถึงว่าไม่อร่อยมาก่อน และการแตกตัวก็ไม่ดีทำให้กินลำบาก อันนี้บอกได้เลยนะว่าตอนที่ชิมหนแรก เหมือนดื่มนมกลิ่นวานิลลา และถึงไม่เติมน้ำตาลทรายแต่มีความหวานจากธรรมชาติที่เป็นประโยชน์
โดยอาชีพ ดิฉันก็เลือกนะ ไม่ใช่ว่าอะไรก็ได้ แต่กับวันซ์ คอมพลีท มีสารอาหารครบถ้วน และรสชาติอร่อย โดยอาชีพดิฉันต้องกินอะไรอร่อยใช่ไหม จะกินของไม่อร่อยไม่ได้ เสียเวลากิน”
ด้วยโจทย์ที่ค่อนข้างเปิดกว้างคือใช้อาหารทางการแพทย์เป็นส่วนประกอบในการสร้างสรรค์เมนู เชฟป้อมบอกว่าการแข่งขันครั้งนี้จึงต้องคำนึงถึงว่า จะนำมาทำให้อาหารอร่อยเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมไหม และต้องไม่ลืมที่จะใส่ความคิดสร้างสรรค์เข้าไป ไม่ใช่เพียงว่าใส่ลงไปในมิลค์เชคซึ่งง่ายและขาดความคิดสร้างสรรค์
หลังจากคิดค้นเมนูสุดสร้างสรรค์เป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เผยโฉมผู้ที่รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันครั้งนี้ ได้แก่ ธนิยา อึงรัตนากร, นูรฉาม มาลินี, มารียา หมาดโต๊ะโช๊ะ จากกลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลสตูล จังหวัดสตูล ด้วยเมนู ‘มิกซ์เบอรี่ สมูทตี้ วันซ์คอมพลีท’
สำหรับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ สาธิดา เจรียงโรจน์, เมธาวี สุขวณิชนันท์, ฐิญานันท์ อัครสินพัฒนา จากแผนกโภชนบำบัด โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กรุงเทพมหานคร ด้วยเมนู ‘คาลูเป้จูสึ สมูทตี้’
และรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ ทัศนีย์ เพชรไทย จากฝ่ายโภชนาการ โรงพยาบาลกลาง กรุงเทพมหานคร ด้วยเมนู ‘ชะลอวัย ต้านโรค เอจเลส ดริ้งค์ (Ageless Drink)’
เชฟป้อมยังกล่าวถึงทิศทางของวงการอาหารที่อยู่ในมือของคนรุ่นใหม่ด้วยว่ามีอนาคตที่สดใส และกระแสกำลังมาแรงมาก
“เทรนด์มาทางการทำอาหารเยอะมาก หลายคนไม่เคยรู้ว่าตัวเองชอบทำอาหาร พอได้มาทำแล้วมันอาจเป็นพรสวรรค์ที่อยู่ในตัว และเมื่อเขาทำอร่อย รางวัลของคนทำอาหารคือคนกินแล้วอร่อย ดังนั้น วงการนี้เติบโตขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก เป็นเด็กรุ่นใหม่เยอะมาก ดิฉันชอบอย่างหนึ่งคือเด็กรุ่นใหม่เขากล้าที่จะลอง เขากล้าที่จะเปลี่ยน ซึ่งเชฟรุ่นเก่าอย่างพวกเรา บางครั้งจะติดอยู่กับหลักการที่เคยรู้มา เราจึงไม่กล้า แต่เด็กรุ่นใหม่เขากล้าที่จะก้าวออกไป ดิฉันถือว่าเป็นข้อดีที่จะทำให้เกิดวิวัฒนาการทางอาหารขึ้นได้”