ทำงานกับ 'คนไร้ตรรกะ'
เปิดวิธีการทำงานกับ "คนไร้ตรรกะ" ที่แม้จะมีไม่เยอะ แต่คนไร้ตรรกะคนเดียวก็อาจทำให้งานไม่เดินหน้า องค์กรพัง เพราะต้องเจอการก่อกวน ทำอย่างไรให้ไม่มีปัญหากัน สบายใจ และยังสามารถทำงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คงเป็นโชคดีมหาศาล ถ้าในชีวิตการงานไม่ต้องเจอะเจอกับนักกวนตัวฉกาจ เพราะนักกวนที่ไร้ตรรกะแค่คนเดียวก็สามารถทำให้ทั้งองค์กรไม่เป็นอันทำมาหากินกันอะไรได้เลย นักกวนทั้งหลายมักไม่ค่อยทำงานทำการจึงมีเวลาเหลือเฟือพอที่จะกวนไปหมดทุกเรื่อง กลายเป็นปราชญ์ในเรื่องไร้สาระ กลายเป็นนักกฎหมายที่อ่านกฎหมายตีความตามใจตนเอง
ซึ่งมีน้อยคนนักในโลกนี้ที่จะคุยกับคนไร้ตรรกะจนได้ข้อสรุปอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะนำไปสู่ความก้าวหน้าของการงาน ในทางตรงข้ามมีคนมากมายที่คุยแล้วเกิดเป็นเรื่องกับคนไร้ตรรกะเมื่อใดที่ตรรกะใช้ไม่ได้เมื่อนั้น การใช้กำลังก็จะตามมาคือเมื่อความเป็นเหตุเป็นผลใช้หาข้อสรุปไม่ได้ก็จะย้อนกลับไปเหมือนสมัยหิน คือการใช้กำลังเพื่อให้ได้ข้อสรุป
ระลึกไว้เสมอว่า คนไร้ตรรกะไม่จำเป็นต้องเป็นคนโง่ ส่วนใหญ่กลับเป็นคนฉลาดเพียงแต่สะกดจิตตนเองจนกระทั่งสามารถทำอะไรได้เหมือนคนไร้สติปัญญา ทุจริตจนถูกปลดออกจากงานแต่ยังกล้าบอกว่าตนเองยังมีสิทธิได้รับการสรรหาเป็นซีอีโอ คนเก่งสะกดจิตตนเองให้อยู่กับตรรกะวิบัติได้เพราะความรักที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
เหมือนที่โบราณบอกว่า ความรักทำให้ตาบอดนั่นเอง ถ้าไม่ใช่เพราะความรักก็เป็นเพราะความหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่งซึ่งมักเป็นความหวังจะมีอำนาจหวังจะเป็นใหญ่เป็นโตความหวังที่แรงกล้า ปกปิดตรรกะได้อย่างสมบูรณ์แบบเพียงหวังจะนั่งเก้าอี้คนใหญ่คนโต ในยามอายุช่วงไม้ใกล้ฝั่งปรมาจารย์อาจกลายเป็นคนตะแบงจนลูกศิษย์ตกตะลึงไปตามๆ กัน หรืออาจจะมาจากความศรัทธาอย่างสูงต่ออะไรสักอย่างหนึ่ง เชื่อจนกระทั่งมั่นใจว่า บางอย่างอยู่เหนือเหตุผลหรือหลักธรรมชาติได้ถ้าเป็นเรื่องที่ศรัทธาแล้วสามารถยกเว้นตรรกะทั้งปวงได้ คนเก่งที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของความรักความหวังและความศรัทธาเป็นคนไร้ตรรกะที่ทำงานด้วยได้ยากเย็นยิ่ง และไม่มีความหวังใดๆ ที่จะทำให้เขาเชื่อว่าที่เขากระทำอยู่นั้น มันเป็นการตะแบงที่ไร้หลักการ
กลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการร่วมงานกับคนไร้ตรรกะ คือ ไม่ร่วมงานกับคนไร้ตรรกะ หลีกเลี่ยง ไม่เจอะเจอกับคนไร้ตรรกะ ถ้าการงานไม่เกี่ยวข้องกันอย่าทำอะไรที่นำไปสู่การที่ต้องร่วมงานกับคนแบบนั้น ถ้าหลีกไม่เจอะเจอไม่ได้ แต่ยังดีหน่อยที่แค่เจอกันคุยกันไม่ต้องทำงานประสานอะไรกัน กรณีนี้ให้หลีกเลี่ยงการเป็นฝ่ายพูดให้ทำตนเป็นฝ่ายฟังเป็นหลักฟังแล้ว ถ้าอยากถกเถียงอะไรก็ขอให้เป็นเรื่องที่เราเป็นฝ่ายที่ได้ยินได้ฟังมาจากเขา คือ ถกเถียงเรื่องของเขาอย่าถกเถียง เรื่องของเราหากไม่ต้องการรำคาญการโต้เถียงแบบตะแบงจนหาตรรกะไม่เจอ
ถ้าจำเป็นต้องทำงานร่วมกับคนไร้ตรรกะ อย่าทำตัวสนิมสนมเกินไปจะสวยจะหล่อแค่ไหนก็ให้หยุดไว้แค่คนทำงานด้วยกันอีกคนหนึ่ง คนไร้ตรรกะเป็นมิตรที่เหมือนได้คืบต้องการเอาศอกเพราะไม่ค่อยจะใช้ตรรกะในคบค้ากับใครๆ จึงเป็นมิตรที่อาจสร้างความเจ็บปวดให้เราได้เสมอ ซึ่งถ้าไม่สนิทสนมอะไร เราก็จะไม่คาดหวังให้เขาคุยกับเรารู้เรื่องไม่ต้องหวังความมีเหตุมีผล ทนแค่วาทะกรรมประหลาดๆ ให้ได้ ขอแค่ให้เขายอมทำตามขั้นตอนการทำงานที่กำหนดไว้แล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรที่คนไร้ตรรกะที่เจอะเจอดูจะชำนาญเป็นพิเศษ ให้หลีกเลี่ยงการสนทนาในเรื่องนั้น
ถ้าการงานทำให้ต้องเจอะเจอคนไร้ตรรกะในหลากหลายโอกาส ให้พยายามทำเรื่องนั้น เรื่องนี้ หลายๆ เรื่อง จะได้ไม่มีเวลาเหลือสำหรับหงุดหงิดกับคนไร้ตรรกะ ถ้าคู่มือการทำงานดีพอ เราทำงานร่วมกันได้โดยระหว่างทำงานก็คุยกันเรื่องอื่นๆ แทนที่จะคุยเรื่องงานและควรเน้นการคุยในเรื่องของเขา ในเรื่องที่เขาสนใจ โดยไม่ต้องใส่ใจสาระอะไรจากการพูดคุย ขอเพียงแค่งานยังเดินไปได้โดยเราไม่เสียสติไปกับการสนทนา อย่างไรตรรกะที่เป็นตะแบงสนทนาเหตุที่เราไม่เสียสติจากตะแบงสนทนาเพราะเรามีหลายเรื่องที่ต้องใส่ใจ ส่งผลให้เรื่องน่ารำคาญจากตะแบงสนทนาดูเป็นเรื่องไม่ใหญ่ อย่าทำให้ทั้งชีวิตในขณะนั้นมีเฉพาะเรื่องของคนไร้ตรรกะอย่างเด็ดขาด
จัดการตนเองให้ห่างคนไร้ตรรกะได้สำเร็จแล้ว ก็อย่าลืมทบทวนตนเองด้วยว่าทุกวันนี้ตัวเราเองยังมีตรรกะหลงเหลืออยู่หรือไม่