Night @ Museum เนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จัด Night at Museum จิบน้ำชายามเย็น ชมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ พร้อมอุปกรณ์ (Wrist band)ติดตามตัวบนข้อมือเพื่อเก็บข้อมูลความสนใจของแต่ละคน ย้อนวันวานไปกับเครื่องมือไฮเทคกิจกรรมเนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย
สัปดาห์ที่ผ่านมา (16-18 กันยายน)ไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมเนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทยที่จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชนแห่งแรกขึ้นในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2417
โดยปีนี้ทางกรมศิลปากรจัดให้มีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง แต่ที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามได้แก่ การเชิญชวนแต่งกายย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 5-7 มาร่วมงานจิบน้ำชาย้อนรอยครั้งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ชมการแสดงและดนตรีจากสำนักการสังคีต เช่น การแสดงหุ่นวังหลวง หุ่นวังหน้า ดนตรีพระนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 30 บาทเป็นค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์เท่านั้น
ที่เคยสงสัยว่าหุ่นเคลื่อนไหวได้อย่างไรก็ได้เห็นในครั้งนี้(ภาพ : ทิพย์สุดา ศิริกุล)
แม้ว่างานจิบน้ำชาจะมีที่นั่งจำนวนจำกัด ทำให้มีผู้พลาดหวังเป็นจำนวนไม่น้อย แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับคณะผู้จัดการที่ได้ริเริ่มงานกิจกรรมที่น่าสนใจและนำคำติชมไปปรับใช้สำหรับการจัดงานครั้งต่อไป
ก่อนเล่าถึงบรรยากาศของงานจิบน้ำชา ขอเล่าถึงอุปกรณ์ไฮเทคบนข้อมือสักหน่อย เพราะถ้าไม่มี wrist band บนข้อมือคงคิดว่าได้หลงเข้าไปในอดีตเป็นแน่ๆ ไม่ว่าจะหันไปทางไหนล้วนแล้วแต่มีผู้คนแต่งกายด้วยชุดไทยที่สวยงามน่ามองไปทุกคน
เจ้าอุปกรณ์เล็กที่ผูกติดบนข้อมือให้กับผู้เข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครนี้มีความสำคัญอย่างไร ประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่าเป็นระบบจัดเก็บข้อมูลความต้องการของผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ เรียกว่า National Museum Public Base ซึ่งจะบันทึกและเก็บข้อมูลตามไปกับผู้เข้าชม ไม่ว่าจะแวะชมห้องแสดงใด ชมโบราณวัตถุชิ้นไหนนานเป็นพิเศษ เจ้าอุปกรณ์นี้จะนำไปประมวลผลเพื่อให้รู้ถึงความสนใจของผู้ชมแต่ละคน จากนั้นจะสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความสนใจแล้วส่งข้อมูลกับไปให้ตามช่องทางที่เจ้าตัวได้แจ้งไว้ มีทั้ง SMS อีเมล์ เป็นต้น
นอกจากนี้ระบบประมวลผลยังจะค้นหาข้อมูลโบราณวัตถุ หนังสือ บทความ รวมทั้งนิทรรศการครั้งต่อไปที่เกี่ยวเนื่องกับความสนใจส่งกลับไปให้อีกด้วย
ต่อไปนี้เวลาเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ผู้เข้าชมจะได้รับ Wrist band หลังจากซื้อบัตรเข้าชม แล้วนำมาคืนก่อนกลับบ้าน
คราวนี้มาชมการแสดงไฮไลต์ในงานจิบน้ำชายามเย็นกันค่ะ ความจริงแล้วทุกอย่างล้วนเป็นไฮไลต์เพราะว่าน่าสนใจทั้งหมด หากการได้ชมหุ่นหลวง หุ่นวังหน้า กล่าวได้ว่าเป็นความตระการตาจากที่เคยเห็นหุ่นในห้องจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์แล้วได้แต่จินตนาการการเคลื่อนไหวของหุ่น การได้เห็นการเคลื่อนไหวของหุ่นโดยมีผู้เชิดที่เคลื่อนไหวสอดประสานไปด้วยกัน ทำให้เข้าใจและประทับใจในความงดงามของการแสดงที่ประกอบด้วยศาสตร์และศิลปะไทยหลายสาขาเป็นที่สุด
พัดบรมราชาภิเษก ๒๔๖๘ และต้นฉบับภาพร่างฝีพระหัตถ์การออกแบบของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
นอกจากนี้การได้เข้าชมนิทรรศการพิเศษ ศิลปวิทยาการจากสาสน์สมเด็จ ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ยังได้เติมเต็มความในเรื่องราวของดนตรีพระนิพนธ์สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ได้เป็นอย่างดี ที่ดีมากๆ คือ การนำชมโดยนักวิชาการที่คอยอธิบายความหมาย ที่มา ความสำคัญของโบราณวัตถุที่จัดแสดงไว้ในทุกห้องของพิพิธภัณฑ์ ทำให้ช่วงเวลา 16.30 – 20.00 น. ดูจะไม่พอสำหรับการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ให้ครบถ้วนทุกห้องจัดแสดง
โต๊ะทรงพระอักษรของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ยังมีร่างจดหมายฉบับสุดท้ายที่ทรงมีถึงสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
อย่างไรก็ตาม นิทรรศการศิลปวิทยาการจากสาสน์สมเด็จ ที่ประมวลและถ่ายทอดองค์ความรู้จาก “สาส์นสมเด็จ” หนังสือรวบรวมจดหมายส่วนพระองค์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่มีเนื้อหาสะท้อนแง่มุมทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี พิพิธภัณฑสถาน วรรณกรรม ศิลปกรรม ดนตรี และนาฏศิลป์ จัดแสดงให้ชมจนถึง 19 พฤศจิกายน
ส่วนห้องจัดแสดงในหมู่พระวิมาน 12 ห้อง ที่เปิดให้ชมเมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้นกล่าวได้ว่าชมกันวันเดียวคงไม่พอเป็นแน่ จัดเวลาไว้ให้ดี
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เปิดให้เข้าชมเวลา 09.00-16.00 น. ทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ (ยกเว้นวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) อัตราค่าเข้าชม คนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท
