หน้าฝนต้องรู้ รวมเทคนิค "ดูแลรถยนต์" เมื่อต้อง "ขับรถลุยน้ำ"
รวมวิธีการดูแลรถยนต์ช่วงหน้าฝนที่จะสร้างความปลอดภัยให้กับตัวเอง และถนอมรถยนต์คู่ใจไปพร้อมๆกัน
เตรียมใจมาบ้างแล้วก็จริงที่จะต้องขับรถฝ่าสายฝนในช่วงฤดูฝนเช่นนี้ แต่เอาเข้าจริงก็ชักจะหวั่นๆ กังวลว่ารถยนต์คู่ใจจะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้อง “ขับรถลุยน้ำ” ท่ามกลางการจราจรติดขัด ในกรณีฝนตกหนักช่วงหลังเลิกงาน
ที่ต้องระวังเป็นพิเศษก็เพราะฝนตกหนักส่งผลให้สภาพถนนเปียกลื่น ทัศนวิสัยการขับขี่ไม่ค่อยนัก และอีกทางหนึ่งก็คงจะไม่ดีแน่ๆ หากรถยนต์คู่ใจเกิดขัดข้อง หรือมีอันเป็นไปบนถนนท่ามกลางชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งทั้งหมดนี้คือเหตุผลว่าทำไมเราต้องรวบรวมเทคนิค “ดูแลรถยนต์เมื่อต้องขับรถลุยน้ำ” ช่วงหน้าฝน
เบรคและยางรถยนต์
พูดอีกกี่ครั้งก็ยังถูกเสมอ เพราะระบบเบรคและยางรถยนต์ คือความจำเป็นแรกๆ ในการขับขี่หน้าฝนซึ่งสภาพถนนเปียกลื่น จนทำให้ระยะการเบรคยาวขึ้น
ในฤดูฝนนั้น ระบบเบรคนั้นควรตรวจเช็กสภาพให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด โดยปกติผ้าเบรกและน้ำมันเบรกควรเปลี่ยนที่ระยะทาง 40,000 -50,000 กม. หรือถ้าระยะทางไม่ถึงก็ควรคำนวณเอาว่าไม่ควรเกิน 2 ปี และควรเช็กระดับน้ำมันเบรกทุกสัปดาห์
จากนั้น พอระบบเบรคโอเคแล้วก็ต้องตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ และตามหลักแล้วสภาพการใช้ยางรถยนต์ไม่ควรเกิน 2 ปี หรือระยะทางประมาณ 40,000-50,000 กม.
ทั้งนี้เรายังควรสับเปลี่ยนยางรถยนต์ที่ระยะทาง 10,000 กม.พร้อมๆกับการสำรวจเนื้อยางซึ่งต้องไม่แข็ง ดอกยางต้องลึกมากกว่า 2 มม. และหมั่นตรวจเช็กลมยางอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่ต้อง “ขับรถลุยน้ำ”เป็นประจำเช่น
ที่ปัดน้ำฝน
สำคัญพอๆกับข้อแรกคือที่ปัดน้ำฝน ลองสำรวจการใช้งานของที่ปัดน้ำฝนรถของคุณให้ดี เพราะหากปัดแล้วมีคราบน้ำเป็นเส้น ไม่สะอาดใส หรือมีเสียงดังขณะใช้งานควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนทันที เพราะในกรณีที่ฝนตกหนักและใบปัดไม่สามารถรีดน้ำออกได้อาจเป็นอันตรายในการขับขี่ นอกจากนี้ควรตรวจเช็คสวิทช์ควบคุม อัตราความเร็วในการปัด หัวฉีดน้ำ และถังพักน้ำ ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
เช็คระบบไฟ
อีกสิ่งที่พลาดไมได้เลยสำหรับใครที่ต้องใช้รถหน้าฝน หรือต้อง “ขับรถลุยน้ำ” ท่ามกลางฝนตกหนัก นั่นคือเรื่องการตรวจเช็คระบบไฟส่องสว่างของรถยนต์
ในช่วงหน้าฝนที่ต้อง “ขับรถลุยน้ำ” นี้ สิ่งที่ควรทำอย่างเคร่งครัดคือการตรวจเช็คระบบไฟก่อนออกเดินทางตั้งแต่ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยวว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่ รวมทั้งทำความสะอาดคราบสกปรกออก หรือหากมีหลอดไฟดวงใดชำรุดก็ควรเปลี่ยนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานทุกดวง เพื่อความสว่างและเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้นและยังช่วยให้รถคันอื่นเห็นรถเราได้ชัดขึ้นอีกด้วย
สภาพเครื่องยนต์
อันที่จริง สภาพเครื่องยต์เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ต้องใส่ใจอยู่แล้ว แต่ในช่วงหน้าฝนหลายคนที่มีรถอาจจะต้องอยู่บนท้องถนนนานกว่าปกติ เราจึงต้องมีสภาพเครื่องยนต์ที่พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นในช่วงการขับรถหน้าฝนที่มีโอกาสลุยน้ำ เราต้องตรวจสอบสภาพรถให้ดี ไม่ว่าจะเป็น สภาพเครื่องยนต์, น้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเบรก, น้ำมันเกียร์, หม้อน้ำ, น้ำกลั่นแบตเตอรี่
นอกจากนี้ยังเตรียมอุปกรณ์จำเป็นสำหรับหน้าฝน ไม่ว่าจะเป็นร่ม เสื้อกันฝน ไฟฉาย อุปกรณ์ซ่อมฉุกเฉิน เช่น สเปรย์ไล่ความชื้น สายลากรถ สายพ่วงแบตเตอรี่ และเบอร์ประกันรถยนต์ของคุณ ติดรถไว้เผื่อยามจำเป็น
ทั้งหมดคือเทคนิคของการดูแลรถยนต์ช่วงหน้าฝน แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจของการขับขี่คือการ “ทำประกันรถยนต์” ซึ่งช่วยทำให้คุณอุ่นใจและใช้สิทธิการทำประกันรถยนต์ซึ่งครอบคลุมเหตุจากน้ำท่วมได้
สนใจทำประกันรถยนต์คลิก ที่นี่