‘Rain Tree Residence’ พักผ่อนสุดฟิน ณ ดินแดนแห่งจามจุรี

สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ปล่อยให้ธรรมชาติโอบกอดแนบแน่น ในดินแดนของการพักผ่อนกับการเรียนรู้ใต้ร่มจามจุรีที่ “เรนทรี เรสซิเดนส์”

จากบ้านหลังเกษียณของหัวเรือใหญ่ของ “นานมีบุ๊คส์” สู่อาณาจักรแห่งร่มไม้ใบหญ้า ที่เต็มไปด้วยการเรียนรู้และบรรยากาศของการพักผ่อนอันแสนสบายและเรียบง่ายเสียยิ่งกว่าอยู่บ้าน

พื้นที่ 42 ไร่กลางขุนเขาดงพญาเย็น จังหวัดนครราชสีมา ถูกเนรมิตเป็น Rain tree Residence & Go Genius Learning Center โรงแรมที่ควบรวมการเป็นสถานที่จัดค่าย สัมมนา ภายใต้คอนเซ็ปต์ Nature Learning Space นำจุดแข็งจากการเป็นผู้ผลิตหนังสือมาเป็นจุดเด่นของการตกแต่งห้องพัก โดยที่ทุกตารางนิ้วคือพื้นที่แห่งการเรียนรู้ และการพักผ่อนในแบบที่หาไม่ได้จากที่อื่น

เจน จงสถิตย์วัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ “เรนทรี” ว่า เกิดจากคุณพ่อคุณแม่ คือ สุวดี และ พิชิต จงสถิตย์วัฒนา ประธานกลุ่มบริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด ขับรถออกไปดูสถานที่ที่คิดจะสร้างบ้านเพื่ออยู่ด้วยกันหลังเกษียณ กระทั่งได้พบกับที่ผืนนี้

ก่อนที่นี่จะถูกเนรมิตเป็น “Rain Tree Residence” บริเวณนี้เป็นสวนลำไยและป่าหญ้าซึ่งมีต้นจามจุรี (Rain Tree) ขึ้นเป็นแนวสวยงาม นอกจากสร้างบ้านโดยยังรักษาต้นไม้และธรรมชาติเอาไว้ ยังได้ขยับขยายเป็นพื้นที่จัดอบรมสำหรับพนักงานนานมีบุ๊คส์รวมทั้งเป็นค่าย Go Genius Learning Center

“เริ่มจากเฟสแรกเป็นห้องสัมมนาและห้องพัก ตอนนั้นพักได้ประมาณ 70 คน พอลูกค้าที่เป็นทั้งโรงเรียนหรือบริษัทได้มาเห็น เขาก็อยากมาขอใช้สถานที่ ก็เลยเริ่มมีคนมาขอเช่าสถานที่ ลูกค้าก็บอกว่าน่าจะจุได้สัก 200 คนนะ เราก็เลยขยายเป็นเฟสสอง สร้างห้องประชุมที่ใหญ่ขึ้น และมาสร้างโซนการเรียนรู้

พอเราทำตรงนั้น ลูกค้าก็บอกอีกว่าตรงนี้เป็นเหมือนศูนย์เรียนรู้ แต่บางครั้งผู้บริหารมา เจ้าของบริษัทมา อยากนอนโรงแรม มีตรงไหนแนะนำไหม แล้วก็บอกทำไมเราไม่ทำให้เป็นโรงแรมด้วย ก็เลยขยายเป็นโรงแรมอีก ค่อยๆ ต่อยอดมาจากสถานการณ์และความต้องการของลูกค้า จนถึงตอนนี้โรงแรมเราเปิดมาได้จะ 4 ปีแล้วค่ะ”

160186058421

160186059456

160186057566

160186058748

“โรงแรมเรนทรี เรซิเดนซ์” ประกอบไปด้วยห้องพักเรนทรีเดอลุกซ์ (Rain Tree Deluxe) และเรนทรีสวีต (Rain Tree Suite) รวม 27 ห้อง ทุกห้องตกแต่งด้วยเรื่องราวและคำคมจากนักเขียนชื่อดังไม่ซ้ำกัน เช่น สุมาลี ผู้แปลวรรณกรรมชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์, งามพรรณ เวชชาชีวะ นักเขียนรางวัลซีไรต์, เปาโล คูเอลญู ผู้เขียนหนังสือขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า, ดร.ทอม อู๋ เจ้าของสูตรน้ำปั่นต้านโรค, โจฮันนา บาสฟอร์ด ผู้ริเริ่มหนังสือระบายสีสำหรับผู้ใหญ่, มั่วเหยียน นักเขียนรางวัลโนเบล รวมไปถึงห้องแว่นแก้ว ที่ตกแต่งด้วยพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยผู้เข้าพักจะได้อ่านหนังสือที่เขียนโดยนักเขียนผู้เป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่งห้องนั้นๆ

และเมื่อออกไปยังระเบียงห้องก็จะพบกับวิวของภูเขาอันเขียวชอุ่ม แมกไม้นานาพันธุ์ อีกทั้งยังมีห้องพักแบบดอร์ม (Dorm) 4 ยูนิต และห้องแฟมิลีรูม (Family Room) 20 ห้อง โดยได้แรงบันดาลใจจากเนื้อหาของหนังสือต่างๆ เช่น แฮร์รี่ พอตเตอร์ ไดโนเสาร์ อวกาศ เป็นต้น

“ตอนที่เราจะทำโรงแรมเราก็มองว่าจะแตกต่างจากโรงแรมอื่นๆ อย่างไร เราก็อยากให้เป็นคอนเซปต์ของนานมีบุ๊คส์อยู่ คือเรามีคอนเทนต์ เรามีหนังสือ ก็เป็นไอเดียของการพูดคุยกันแล้วคุณพ่อก็เสนอไอเดียมาว่าทำไมไม่ทำให้เป็นโรงแรมหนังสือไปเลย ทุกห้องตกแต่งไม่เหมือนกัน หน้าห้องมีข้อมูลเกี่ยวกับนักเขียน มีหนังสืออยู่ในห้องด้วย ก็ตั้งใจว่าให้มีห้องสมุดใหญ่ๆ ที่ปกติโรงแรมอาจจะไม่ให้ความสำคัญกับตรงนี้ นี่จึงเป็นโรงแรมที่ยังมีตัวตนของนานมีบุ๊คส์อยู่”

ตลอดหลายปีมานี้ ห้องพักธีมนักเขียนถูกปรับเปลี่ยนใหม่ตลอดเวลา เพราะนักเขียนในมือของสำนักพิมพ์นี้มีมากมายมหาศาล และแต่ละคนคือเอกอุในแนวทางของตน นอกจากนี้สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือการนำทรัพยากรที่มี ผืนดินที่อุดมสมบูรณ์มาพัฒนาต่อยอด เพื่อให้แขกไม่เพียงแต่อยู่ในห้องนอนหรือห้องประชุม

“ล่าสุดเราพัฒนาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา คือเราทำสวนผัก เรนทรี ออแกนิค ฟาร์ม เป็นไร่เกษตรอินทรีย์ ซึ่งเราก็ไม่เคยทำสวนมาก่อน เราก็เอาข้อมูลมาจากหนังสือของนานมีบุ๊คส์เหมือนกัน ตอนนั้นก็คิดว่าเราใช้ผักเยอะมากนะ เราปลูกอะไรเองได้ไหมที่จะมาเป็นวัตถุดิบทำอาหารให้ดูพิเศษ ก็เริ่มต้นจากตรงนั้น

ตรงกับช่วงโควิด-19 ด้วยค่ะ พอเราเริ่มปลูกมาเดือนกว่า ผลผลิตยังไม่ทันออก ก็มีเรื่องโควิด-19 เราก็ต้องปรับตัว จะทำอย่างไรกับพนักงานที่มีอยู่ จะหารายได้อย่างไร ก็มาขายผักด้วย พอตอนนที่โรงแรมกลับมาเปิดก็ตรงเป้าหมายของเรา คือเอาแปลงผักนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ลูกค้า มีจัดกิจกรรมปลูกผัก สอนเรื่องเกษตรอินทรีย์ได้”

160186059251

160186059175

160186061099

อีกอย่างที่เป็นอีกก้าวสำคัญของเรนทรีคือแนวทาง Go Green เพราะการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติยังไม่พอ แต่ต้องช่วยรักษาธรรมชาติ อยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างดี เป็นโจทย์ใหญ่ของโรงแรม จนได้เป็นการใช้ขวดแก้วใส่น้ำ และตู้กดน้ำดื่ม โดยโรงแรมนำขวดไปทำความสะอาดมาใช้ซ้ำได้เรื่อยๆ และมีของขวัญพิเศษให้ลูกค้าทุกคนคือกระบอกน้ำของโรงแรมให้ลูกค้าใช้ภายในโรงแรมและนำกลับบ้านเป็นที่ระลึกได้ด้วย

“พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินเขามีต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย แต่เราเลือกที่จะออกแบบอาคารให้รับกับพื้นที่โดยยังคงรักษาสภาพแวดล้อมให้คงเดิมมากที่สุด อีกทั้งยังอยู่ร่วมกับชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชน ที่เราร่วมบุกเบิกและสนับสนุนการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นในชุมชนหมู่บ้านซับใต้ หมู่บ้านเล็กๆ ในดงพญาเย็น ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติไว้มากที่สุดแห่งหนึ่ง

เราไปคุยผู้ใหญ่บ้านว่าอยากจะทำอะไรให้ชุมชน จนได้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวเดินป่าใกล้ๆ ถ้าเกิดลูกค้าสนใจก็จองล่วงหน้า เราก็จะโทรไปหาผู้ใหญ่บ้าน มีไกด์ท้องถิ่นพาลูกค้าไปเดินดูธรรมชาติ ดูถ้ำ ดูฝาย ดูภูมิปัญญาชาวบ้าน แล้วไปจบที่การไปกินข้าวที่บ้านของชาวบ้าน”

นอกจากนี้ภายในโรงแรมแทบทุกตารางนิ้วยังเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ทั้ง Indoor และ Outdoor อาทิ ห้องสมุดส่วนกลาง ที่มีหนังสือสำหรับทุกเพศและทุกวัยให้เลือกอ่านกว่า 1,000 เล่ม เส้นทางเรียนรู้ธรรมชาติ ประกอบไปด้วยศาลาปลาคาร์ป ทางเดินจามจุรี ลานหินล้านปี สถานีการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่ รอกสามระบบ จักรยานล้อสี่เหลี่ยม จักรยานเพิ่มออกซิเจนในน้ำ และเกลียวอาร์คิมีดีส ห้อง Kiddy Intelligence Center ศูนย์เสริมศักยภาพเด็กปฐมวัย รวมไปถึงพื้นที่ทำกิจกรรมนันทนาการร่วมกันที่ลานครึ่งวงกลมแอมฟิเทียเตอร์ (Amphitheatre) ลานกลิ้งสนุกเนินถั่วบราซิล และลานราตรี สำหรับกิจกรรมดาราศาสตร์ สมกับเป็นที่พักสำหรับคนรักหนังสือและการเรียนรู้อย่างแท้จริง

“หลังจากสถานการณ์โควิด-19 เราปรับตัวค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเรื่องการทำความสะอาด เพราะว่าเรามีพื้นที่ส่วนกลางค่อนข้างเยอะ เช่น ห้อง Kiddy Intelligence Center ที่ลูกๆ ของลูกค้าจะเข้าไปเล่น หรือห้องฟิตเนส หรือสระว่ายน้ำ พื้นที่เหล่านี้เราต้องทำความสะอาดทุกสองชั่วโมงเลย นี่เป็นส่วนหนึ่งที่เราตั้งใจทำเพื่อความปลอดภัยของทุกคน” เจน จงสถิตวัฒนา กล่าว