เซา มิเกล โด ซูล ข้ามาจากดินแดนแห่ง ‘คอร์ก'
‘อาเลนเตโจ’ (Alentejo) เป็นเขตผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดของโปรตุเกส มีคนบอกว่าไวน์จากอาเลนเตโจจะมีในบาร์และร้านอาหารแทบทุกแห่งในโปรตุเกส แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า อาเลนเตโจ ยังเป็นเขตที่ผลิต ‘คอร์ก’ (Cork) ที่มีชื่อเสียงที่สุดด้วย
ไวน์อาเลนเตโจ เป็นไวน์ที่เหมาะสมทั้งคุณภาพและราคา ชื่อนี้ตั้งตามแม่น้ำเตโจ (Tejo River) ที่ไหลผ่าแยกประเทศเป็นสองส่วนแล้วไปลงทะเลที่เมืองลิสบอน (Lisbon) ที่อยู่ทางตอนใต้ของโปรตุเกส ทางตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขาเซา มาเมดเด (São Mamede) ทิศตะวันออกติดประเทศสเปน ทิศใต้ติดกับอัลการ์ฟ (Algarve) อีกหนึ่งเขตผลิตไวน์ของโปรตุเกส ครอบคลุมพื้นที่ผลิตไวน์ 1 ใน 3 ของประเทศ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ สลับกับเนินเขาที่งดงาม มีต้นมะกอก และต้นโอ๊ค (Cork Oak) ที่ใช้ทำ ‘คอร์ก’ ขณะที่อากาศมีทั้งเยือกเย็นเป็นน้ำแข็งในหน้าหนาว จนถึงร้อนและแห้งจัดในหน้าร้อน ส่วนดินก็มีหลากหลาย ทำให้สามารถปลูกองุ่นได้หลากหลาย
สำหรับองุ่นที่เป็นแม่ย่านางประจำแคว้น เป็นองุ่นเขียวชื่อ อันเตา วาซ (Antão Vaz) เป็นองุ่นที่ฟรุตตี้และแอสิดจัดจ้าน จึงเหมาะกับไวน์ขาวที่บ่มในถังไม้โอ๊ค รองลงไปก็มี Arinto และ Roupeiro ขณะที่ Diagalves, Manteúdo, Perrum และ Rabo de Ovelha ใช้เบลนด์กับพันธุ์อื่น ส่วนองุ่นแดงที่ปลูกมากคืออาราโกเนซ (Aragonez) หรือ เทมปรานีลโย (Tempranillo) นอกนั้นก็มี Alicante Bouschet, Alfrocheiro, Castelão และ Trincadeira ขณะที่ Moreto, Tinta Caiada และ Tinta Grossa เป็นองุ่นเบลนด์ ไวน์แดงเป็นไวน์สไตล์หนักแน่นและฟรุตตี้ ดื่มง่าย ๆ สบาย ๆ ทำจากองุ่นหลากหลายพันธุ์
ในด้านการควบคุมการผลิตเป็น Alentejo DOC (Denominacao de Origem Controlada) จะระบุในฉลากเป็น วีโญ รีจีนอล อาเลนเตจาโน (Vinho Regional Alentejano) หรือรีจีนอล อาเลนเตโจ (Regional Alentejo) แต่ถ้าเขตย่อยลงไปซึ่งมี 8 เขตก็สามารถระบุเขตย่อยนั้นได้เลย ประกอบด้วยบอร์บา (Borba), เอะโวรา (Évora), เฮรเกงกอส (Reguengos), เฮรดองโด (Redondo), โมรา (Moura), วีดีเกรา(Vidigueira), กรันจา (Granja) และปอร์ตาเลเกร (Portalegre)
นอกจากองุ่นพื้นเมืองแล้วยังใช้องุ่นสายพันธุ์คลาสสิกอย่าง ซีราห์ (Syrah) และกาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) มาทำไวน์ประเภท Vinho Regional ด้วย ซึ่งปัจจุบันเขตนี้มีชื่อเสียงในการทำไวน์แดงเบลนด์ โดยใช้องุ่น 2 พันธุ์ดังกล่าว พันธุ์ใดพันธุ์หนึ่งหรือทั้งสองพันธุ์เป็นหลัก แล้วเบลนด์ด้วยองุ่นพื้นเมือง
Alentejo มีพื้นที่ 21,970 เฮกตาร์ ในจำนวนนี้ 11,371 เป็นเขตควบคุมการผลิต Alentejo DOC (Denominacao de Origem Controlada) ที่เหลือเป็น Vinho Region ผลผลิตไวน์ประมาณ 892,447 เฮกโตลิตร ในจำนวนนี้ประมาณ 394,053 มาจากเขต DOC
เมื่อมีไวน์แล้วก็ต้องมี จุกคอร์ก (Cork) สำหรับปิดขวดไวน์ ซึ่งมีผลต่อไวน์ในขวดในหลายด้าน ส่วนใหญ่คอร์กเป็นผลผลิตในแถบเมดิเตอร์เรเนียน โดยประเทศโปรตุเกสเป็นอันดับ 1 ของโลก คิดเป็น 52.5% นอกนั้นลดหลั่นกันไปคือ สเปน อิตาลี แอลจีเรีย โมร็อกโก เป็นต้น และพื้นที่ผลิตคอร์กชั้นดีของโปรตุเกสก็คืออาเลนเตโจนี่เอง
คอร์ก ทำมาจากเปลือกชั้นนอกของต้นโอ๊คชื่อ ควอกัส ซูเบอร์ (Quercus Suber) ที่เรียกกันว่า Cork Oak ที่เติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีแสงแดดจัด ฝนไม่ชุก และมีความชื้นสูง ความพิเศษของ Quercus Suber คือชั้นเนื้อไม้ที่ลอกออกมาประกอบไปด้วยเซลล์ขนาดเล็กที่รวมตัวกันในลักษณะรวงผึ้ง ทำให้มีน้ำหนักเบา และง่ายต่อการบีบอัด ขณะเดียวกันก็แข็งแรง จนของเหลวและก๊าซไม่สามารถซึมผ่านได้ สามารถปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิและความดันได้ดี กันความชื้นและเสียงได้ และยังทนไฟอีกด้วย
การเก็บเปลือก Quercus Suber จะทำได้ทุก ๆ 10 ปี โดยการลอกเปลือกนอกที่ตายแล้วออกจากต้น โดยต้นที่จะสามารถลอกเปลือกได้อย่างมีคุณภาพต้องมีอายุอย่างน้อย 15-20 ปี และ 1 ต้นสามารถลอกเปลือกได้ประมาณ 40 - 60 กิโลกรัม ต้นโอ๊คพวกนี้ลำต้นจะสูงไม่เกิน 15 เมตร แต่อายุยืนมากเฉลี่ย 300 - 400 ปี ผมเคยไปดูเขาทำจุกคอร์กไวน์ที่สเปน ตั้งแต่ในสวนที่ปลูก การลอกเปลือก จนถึงออกมาเป็นจุกคอร์กไวน์ ไม่ใช่ง่าย ๆ ต้องใช้ทักษะหลายอย่าง และต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน
เอาเป็นว่ามากินไวน์กันดีกว่า แต่ความพิเศษในครั้งนี้คือเป็นไวน์จากดินแดนที่มีผลผลิตคอร์กมากที่สุดในโลกนั่นคือโปรตุเกส และเป็นไวน์จากพื้นที่ทำคอร์กได้เยี่ยมที่สุดในโปรตุเกสนั่นคือ อาเลนเตโจ (Alentejo) เป็นไวน์ยี่ห้อ เซา มิเกล โด ซูล (São Miguel do Sul) เรียกสั้น ๆ ว่า ซูล (Sul) นำเข้ามาเมืองไทยเป็นครั้งแรกโดย บริษัท Rojratchai Cellar จำกัด
São Miguel do Sul ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งไวน์ที่ได้รับรางวัลแห่งความภาคภูมิใจในการใช้คอร์กธรรมชาติ เจ้าของคือตระกูล เฮรลวาส (Relvas) ดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อ กาซา เฮรลวาส (Casa Relvas) ที่ทำธุรกิจไวน์พร้อมกับการอนุรักษ์ผืนป่าธรรมชาติ ก่อตั้งเมื่อปี 2001 โดย อเล็กซานเดร เฮรลวาส (Alexandre Relvas) มีพื้นที่ปลูกองุ่น 350 เฮกตาร์ อีก 750 เฮกตาร์ เป็นสวนป่า Cork Oak และ 250 เฮกตาร์ เป็นมะกอก ผลผลิตไวน์ปีละ 5 ล้านขวด ในจำนวนนี้ 60% ส่งไปขายใน 30 ประเทศใน 4 ทวีป โดยมีแบรนด์หลักคือ Herdade São Miguel, Herdade da Pepper, Montinho São Miguel, Monte dos Amigos, Art.terra e Ocidente ซึ่งได้รับรางวัลมากกว่า 500 รางวัล ในการแข่งขันและนิตยสารระดับนานาชาติ
สำหรับไวน์ São Miguel do Sul ที่บริษัท Rojratchai Cellar นำเข้าและจัดจำหน่ายที่ผมได้ชิมมี 4 รุ่น ประกอบด้วยไวน์ขาว 1 โรเซ่ 1 และไวน์อีก 2 รุ่น ทุกรุ่นฉลากเป็นรูปคนนั่งพิงต้น Cork Oak มีพื้นหลังเป็นคอร์ก เป็นความภาคภูมิใจว่า...ข้ามาจากดินแดนแห่งคอร์ก...อย่างแท้จริง
เซา มิเกล โด ซูล วีโญ แบรนโก 2016 (São Miguel do Sul Vinho Branco 2016) : Branco คือขาวและออกเสียงตามภาษาโปรตุเกสกระเดียดไปทางแบรนโก เป็นไวน์ วีโญ รีจีนอล อาเลนเตจาโน (Vinho Regional Alentejano ทำจากองุ่นอันเตา วาซ (Antão Vaz) เอนกรูโซโด (Encruzodo) และวีออนเยร์ (Viognier) เก็บองุ่นกลางคืนหมักในถังสแตนเลส แล้วบ่มใน Inox Vat ...สีเหลืองสดใส หอมกลิ่นผลไม้ เช่น ซีทรัส กูสเบอร์รี แอพริคอท เลมอน มิเนอรัล ดอกไม้ เฮิร์บเขียว ๆ ที่แปลกคือมีกลิ่นช็อกโกแลตกรุ่น ๆ แอสิดปานกลาง จบด้วยผลไม้และมิเนอรัล เป็นไวน์ขาวสไตล์ดื่มง่าย ๆ สบาย ๆ ควรแช่ให้เย็นประมาณ 11-12 องศาเซลเซียส ผมลองเอาไปดื่มกับพวกก๋วยเตี๋ยว ก๋วยจั๊บ อร่อยดี
เซา มิเกล โด ซูล วีโญ โรเซ 2017 (São Miguel do Sul Vinho Rosé 2017) : เป็นโรเซสไตล์ Fresh & Fruity ทำจากองุ่น 3 พันธุ์คือ อาราโกเนซ (Aragonez) กาสเตลเลา (Castelão) และตูริกา นาซินาล (Touriga Nacional) สีชมพูออกไปทางแซลมอน หอมกลิ่นผลไม้ เช่น ทับทิม ซีทรัส สตรอว์เบอร์รี กูสเบอร์รี ฝรั่งสุกกรุ่น ๆ แฟสชั่นฟรุต ดอกไม้ แอสิดกำลังดื่มอร่อย จบด้วยความสดชื่นของผลไม้ และดอกไม้ เหมาะกับอาหารไทยเผ็ดนิด ๆ ผัดไทย และปิ้งย่าง
เซา มิเกล โด ซูล วีโญ ตินโต 2018 (São Miguel do Sul Vinho Tinto 2018 ) : ไวน์แดง (Vinho Tinto) ตัวแรกเป็นระดับ Regional Alentejano เบลนด์จากองุ่น 4 พันธุ์คือ อาราโกเนซ (Aragonez) 50% อาลิคานเชะ บูส์เชต์ (Alicante Bouschet) 30% ทรินกาเดรา (Trincadeira) 15% และกาแบร์เนต์ โซวีญยง (Cabernet Sauvignon) 5% โดย 10 % บ่มในถังโอ๊คขนาด 400 ลิตร เป็นไวน์สไตล์ Jouicy & Fruity…สีแดงทับทิมสดใส หอมกลิ่นผลไม้สุก ๆ ค่อนข้างฉ่ำ เช่น พลัม แบล็คเบอร์รี ราสพ์เบอร์รี และเชอร์รี ดอกไม้ ขนมปังปิ้ง โอ๊คกรุ่น ๆ สไปซี เฮิร์บแห้ง ๆ แทนนินสุกนุ่ม ๆ แอสิดปานกลาง จบด้วยผลไม้สุกฉ่ำ โอ๊ค และสไปซีเฮิร์บ เหมาะกับอาหารประเภทตุ๋น เช่น แกะตุ๋น พาสต้าราดด้วยแกะตุ๋นหรือไก่ตุ๋น ชีสที่กลิ่นไม่แรง
อาลิคานเชะ บูส์เชต์ (Alicante Bouschet) เป็นองุ่นแดงที่กำเนิดในตอนใต้ของฝรั่งเศส (ออกเสียงว่า..อาลิกองต์ บูส์เชต์) แถว ๆ แคว้นลองด็อก ฮรูสซิลยอง (Languedoc Roussillon) เมื่อปี 1866 โดยนายอองฮรี บูส์เชต์ (Henri Bouschet) ด้วยการครอสสายพันธุ์ระหว่างองุ่นแดง 2 สายพันธุ์คือเปติต์ บูส์เชต์ (Petit Bouschet) กับเกรอะนาช (Grenache) โดย Petit Bouschet นั้นพ่อของเขาก็คือหลุยส์ บูส์เชต์ (Louis Bouschet) เป็นผู้คิดขึ้นมา ณ ทางใต้ของฝรั่งเศส ด้วยการใช้องุ่นอาฮราม นัวร์ (Aramon Noir) กับตองตูฮรีเย ดู แชร์ (Teinturier du Cher)
ปัจจุบันโปรตุเกสปลูก Alicante Bouschet ถึง 62% โดยเฉพาะอาเลนเตโจ (Alentejo) ทำได้ดีและมีชื่อเสียงที่สุด ขณะที่ฝรั่งเศสปลูกเพียง 2% ซึ่งอยู่แถว ๆ แคว้นลองด็อกฯ ถิ่นกำเนิดของเขานั่นเอง และเมื่อข้ามไปยังประเทศสเปน Alicante Bouschet เกษตรกรจะเรียกว่าการ์นาชา ตินโตเรรา (Garnacha Tintorera)
เซา มิเกล โด ซูล วีโญ ตินโต พรีเมียม 2017 (São Miguel do Sul Vinho Tinto Premium 2017) : ตัวนี้เป็นรุ่นพรีเมียมของเขา เป็นเกรด IGP Premium ที่ขอบอกว่าต้องลิ้มลองให้ได้ เบลนด์จากองุ่น 3 พันธุ์คือ อาลิคานเชะ บูสเชต์ (Alicante Bouschet) อาราโกเนซ (Aragonez) และตอริกา นาซีนาล (Touriga Nacional) องุ่นแดงของเจ้าถิ่นที่มีแคแรกเตอร์คล้ายกาแบร์เนต์ โซวีญยง บ่ม 9 เดือนในถังโอ๊คเก่า....สีแดงค่อนข้างเข้ม หอมกลิ่นผลไม้สุกฉ่ำ เช่น แบล็คเบอร์รี พลัม ราสพ์เบอร์รี เรซิน และมัลเบอร์รี ดอกไม้ ช็อกโกแลต มะพร้าวคั่ว โอ๊คกรุ่นๆ ซีดาร์ ขนมปังปิ้ง สไปซีนิด ๆ แทนนินหนักแน่นแต่นุ่มเนียน แอสิดสดชื่น
นั่นคือส่วนหนึ่งของ เซา มิเกล โด ซูล…With Pride from the Land of Cork….ด้วยความภาคภูมิใจจากดินแดนแห่งคอร์ก...