กว่าจะเป็น‘บัณฑิต’เจ็บใหม่
ดูละคร ย้อนดูชีวิตตัวเอง กับหลากหลายเรื่องราว การแก้ปัญหาของแต่ละคน เพื่อนำมาปรับใช้กับชีวิตจริง
วัยรุ่นที่เพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นบัณฑิตจบใหม่ ต้องเผชิญกับความคาดหวังและแรงกดดันมากมายจากคนรอบข้าง รวมถึงความฝันของตัวเอง ถูกนำเสนอในรูปแบบซีรีส์ ทาง LINE TV ชื่อเรื่องว่า The Graduates บัณฑิตเจ็บใหม่ ออกอากาศวันแรกเมื่อ 7 ตุลาคม 2563 ส่งผลให้แฮชแท็ก #บัณฑิตเจ็บใหม่ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ตั้งแต่ EP แรก ด้วยความที่ตรงกับชีวิตจริงของเด็กจบใหม่หลายๆ คน
ซีรีส์คอมเมดี้ 10 ตอนจบ กับ 3 เรื่องราว 3 ชีวิตของเด็กจบใหม่ เรื่องของ ‘โอม’(มีน พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร) นักเรียนทุนวิศวคอมพิวเตอร์ ผู้ถูกแม่กดดันให้ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน โดมจึงเขียนอัลกอริทึ่มจีบสาวและพัฒนาไปเป็น Application เพื่อหานายทุน Start up ต่อด้วยเรื่องของ ‘เมษา’ (ธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์) Beauty Blogger สุดหยิ่ง อีโก้สูง อยากรวย อยากประสบความสำเร็จมากกว่าพี่ชาย แต่โดนลูกค้าเท จนต้องเบนเข็มไปสู่วงการ Livestreamer เพื่อความอยู่รอด ต่อด้วย ‘จ๊อบ’ (จูเนียร์ ปณชัย ศรีอาริยะรุ่งเรือง) อดีตนักเขียนรุ่นเยาว์โด่งดังจากนิยายแฟนตาซี หลังจากนั้นก็เขียนไม่ออกอีกเลย แฟนคลับหดหาย ต้องเปลี่ยนมาเขียนนิยายวาย โดยมีเพื่อนสนิทหนุ่มเป็นคู่จิ้นสร้างจินตนาการ
ทั้งสามได้มาพบกับ ‘โค้ชมิกซ์’ (กอล์ฟ พิชญะ นิธิไพศาลกุล) ไลฟ์โค้ชที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ แต่พร้อมช่วยเหลือให้เด็กจบใหม่ทุกคนให้รวยและประสบความสำเร็จ โค้ชมิกซ์ช่วยโอมก้าวเข้าสู่โลก Start Up ทำแอพพลิเคชั่นจีบหญิงที่ใช้งานได้ดีเยี่ยม ส่วนจ๊อบ โค้ชมิกซ์โน้มน้าวให้เขียนนิยายวาย จนเกิดกระแสคู่จิ้นกลับมามีแฟนคลับอีกครั้ง สำหรับเมษา โค้ชมิกซ์ได้พูดให้เธอเปิดใจยอมรับและเข้าสู่วงการ Live Streamer เพื่อความอยู่รอด
- เรื่องจริงที่อยากเล่าของคนรุ่นใหม่
“ทุกเรื่องมันเป็นเรื่องจริง เรานำเสนอในเชิงคอมเมดี้ โดยเนื้อหาเป็นสิ่งที่คนจบใหม่ทุกคนต้องเจอความกดดัน การไม่มีเงินหลังจากเรียนจบ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาจากคนรอบข้างจากคนในสังคม” มนิตย์ สนับแน่น ผู้กำกับและเขียนบท พูดถึงที่มาของซีรีส์ให้ฟัง
“ไอเดียมาจาก Bearcave Studio คุณ ปิ๊บโป้ (เปรมวิชช์ สีห์ชาติวงษ์) มีความรู้สึกว่าเด็กรุ่นใหม่ เรียนจบแล้วก็อยากจะประสบความสำเร็จเลย ด้วยอาชีพต่างๆ ที่เขาฝัน เราเลยนำเสนอมุมนี้ว่ามันเป็นไปได้ไหม มีช่องทาง มีวิธีการยังไง แล้วมีอะไรบ้างที่เด็กจบใหม่ จะได้เจอ”
ในตอนแรกนั้น เรื่องราวค่อนข้างจะเครียดและจริงจังมาก การนำเสนอจึงออกมาเป็นแนวคอมมาดี้
“นำเสนอหลุดโลกเป็นคอมมาดี้ไปเลย โอเวอร์แอ็คติ้งเหมือนดูการ์ตูน แต่ว่าเนื้อหาจริงจังซีเรียสมาก ผมอยากให้คนดูค้นพบไปเรื่อยๆ ข้อมูลที่เราอยากสื่อก็แทรกลงไป สิ่งที่เราต้องการนำเสนอคือ สิ่งที่บัณฑิตวัยรุ่นคนหนึ่งต้องเจอในสังคม จบมาแล้วคุณต้องเจออะไรบ้าง คุณจะฝ่าฟันแล้วคุณจะสู้มันไปถึงไหนมากกว่า ไม่ได้บอกว่าสังคมทำให้วัยรุ่นแย่ แต่อยากนำเสนอว่าสิ่งที่คุณต้องเจอ ต้องปรับตัว เพื่อจะสู้ต่อไป ต้องทำยังไง ในอนาคต”
ในส่วนของนักแสดง ก็ได้คัดเลือกจากความเหมาะสม
“ผมเคยเห็นกอล์ฟเล่นละครเวทีมิวสิคัล ก็คิดว่ากอล์ฟน่าจะแสดงได้ดี พอมาร่วมงานจริงๆ กอล์ฟรั่วมาก ฮามาก เอามุกมาขายผมทุกวันเลย บางมุกไม่มีในบท เขาเติมให้ เป็นคนตลกมาก แล้วภาษาอังกฤษก็ดีมาก ส่วนโอม ในบทเขียนว่าเป็นเด็กเนิร์ดๆ จีบใครก็ไม่ติด ไม่หล่อ แต่เราได้มาหล่อมากๆ แสดงเก่งมาก จำบทเก่งมาก ส่วนจูเนียร์เล่นเป็นจ๊อบนักเขียนที่เคยประสบความสำเร็จต้องมาปรับตัวเขียนนิยายวาย ถ้าไม่รู้จักจะดูขรึมๆ เท่ๆ การแสดงก็ดีมาก ส่วนธิชาค่อนข้างตรงกับคาแรคเตอร์ เพราะธิชาเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์อยู่แล้ว มีความสามารถในการแสดงมาก เล่นดราม่าก็ได้ คอมาดี้ก็ได้ เรื่องนี้มีนักแสดงรับเชิญเยอะมาก แตงโม, น้ำหวาน, ป๋าเทพ, พี่แอนนา, พี่จิ้ม ผมอยากให้มีเจนเก่า เจนกลาง เจนใหม่ อยู่ด้วยกัน”
สิ่งที่แตกต่างของซีรีส์เรื่องนี้กับละครช่องคือ การถ่ายทำที่ไม่มี Switching
“ซีรีส์กับละครช่อง ต่างกันตรงกลุ่มเป้าหมายและลูกค้าที่อยากให้เป็นแบบไหน ผมถ่ายทำแบบแยก กล้องสองตัว ไม่ใช่สวิทชชิ่ง คล้ายๆ ถ่ายหนัง ที่ต่างกันอีกอย่างคือเรื่องของเวลา ถ้าเป็นละครช่องจะ Fix เวลา 50 นาที 60 นาที แต่ซีรีส์มันสามารถเป็นไปได้อย่างที่เราให้เป็น ผมทำซีรีส์เพื่อความบันเทิง ถ้าเครียดจากเหตุการณ์โควิดหรือเหตุการณ์บ้านเมือง มาดูเรื่องนี้ได้หัวเราะแน่ๆ แล้วก็จะได้แรงบันดาลใจ ในการใช้ชีวิตสู้ชีวิตด้วยครับ” ผู้กำกับกล่าว
- เป็นบัณฑิต ต้องรู้จักตัวเอง
การออกไปต่อสู้กับโลกภายนอก หรือใช้ชีวิตในสังคม เราจำเป็นจะต้องรู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ อย่างที่ธิชามองเห็น
“การแก้ปัญหาของตัวละคร ถ้าเป็นชาจะไม่ทำอย่างนั้น เพราะชาเป็นคนดื้อ หนูไม่เลือกที่จะเชื่อใคร แล้วเอามาใช้กับชีวิตตัวเอง แต่ละปัญหา ทุกๆ อย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เราไม่มีสิ่งไหนสามารถแก้ได้ในวิธีเดียวหรอก แล้วก็ไม่มีปัญหาไหนที่ใช้วิธีแก้แบบเดียวกันไปได้ตลอด ทุกอย่างมันอยู่ที่สถานการณ์” ธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์ Beauty Blogger ผู้รับบทเป็น เมษา พูดถึงความแตกต่างของตัวจริงกับตัวละครให้ฟัง และว่าการคิดด้วยตัวเองน่าจะเป็นคำตอบที่ดี
“ถ้าชาเป็นเมษา ชาจะมองกลับไปว่า เรากำลังมีปัญหาอยู่กับเรื่องอะไร ที่ทำให้ฟันเฟืองในชีวิตเรามันผิดปกติ แล้วเราก็แก้ปัญหาที่ตรงนั้น อาจจะไปปรึกษาหรือเล่าให้คนใกล้ชิดฟัง แล้วเก็บของทุกคนมาพิจารณาวิเคราะห์ค่อยๆ แก้ไขไป มันอาจจะไม่ได้สำเร็จในทีแรกหรอก แต่ก็จะแก้อยู่อย่างนั้น จนกว่ามันจะเวิร์ค ครั้งหน้าถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้ก็มีืทางให้เลือกแล้วว่าจะแก้ยังไง ชาก็เรียนรู้ไปกับมัน” ธิชากล่าว
นอกจาก ความสนุก ความแปลกใหม่แล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ยังนำเสนอบางสิ่งบางอย่างให้รู้ว่า ทำไมคนนั้นถึงยอมทำแบบนั้น เพื่อได้แค่ยอดวิว
“มันเป็นมุมมองผ่านมนุษย์ที่ทำให้ได้รู้ว่า มนุษย์มีหลายแบบ บางทีความรู้สึกจริงๆ มันดูตลก ข้างในมันเสียใจ แต่สีหน้าบอกไม่เจ็บ เพราะว่าสังคมมันตีกรอบให้เราต้องทำแบบนั้น เพื่อความอยู่รอด สังคมสร้างมาตรฐานให้มนุษย์ต้องสร้างเกราะป้องกันขึ้นมา เป็นสิ่งที่เห็นได้จากตัวละครเรื่องนี้”
- เส้นทางชีวิต เราเลือกได้
ตัวละครในเรื่องที่เป็นนักเขียน แม้เคยประสบความสำเร็จมา แล้วล้มเหลว แต่ก็สามารถลุกขึ้นยืนอีกครั้งได้ เพราะมองหาทางเลือกใหม่ๆ
“บทที่ผมเล่นมีความคล้ายกับตัวเอง แต่ไม่ได้ตรงกัน 100 เปอร์เซ็นต์ มีหลายอย่างที่ตัวละครตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เพราะมีโค้ชมิกซ์ยุยงให้ทำ มันก็เลยระเบิดอารมณ์ออกมา แล้วทำบางอย่างไปโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง นี่คือตัวอย่างของเด็กจบใหม่สามคน ไม่ได้หมายความว่านี่คือสามทางออก แต่เป็นสามสถานการณ์ที่มีวิธีรับมือกันคนละแบบ
ถ้าเราเลือกทำแบบนี้ มันอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ หลักๆ คือ อยากให้เด็กจบใหม่ลองออกไป แล้วกล้าที่จะทำมัน เลิกกดดันตัวเองครับ อยากให้ทุกคนเข้ามาดูกันเยอะๆ สิ่งที่เล่าค่อนข้าง Touching กับเด็กรุ่นใหม่ แล้วให้ข้อคิดให้แรงบันดาลใจได้ในหลายๆ อย่าง อยากให้ทุกคนลองเปิดใจแล้วรับชมนะครับ ฝากด้วยครับ” จูเนียร์ ปณชัย ศรีอาริยะรุ่งเรือง ผู้รับบทเป็น จ๊อบ กล่าว
ขณะที่ กอล์ฟ พิชญะ นิธิไพศาลกุล ผู้รับบทเป็น โค้ชมิกซ์ บอกว่า บทบาทในเรื่องตรงข้ามกับชีวิตจริงที่ตัวเองเป็นอยู่
“ที่มาเล่นเรื่องนี้ เพราะเขาเห็นว่าเราผ่านอะไรมาเยอะ มีประสบการณ์มากพอที่คนจะเชื่อ เวลาเราเล่นเป็น life coach เป็นซีรีส์ dark comedy นิดนิด แฟนตาซีหน่อยๆ รับบทเป็นโค้ชมิกซ์ สอนคนด้วยการขโมย life quote จากอินเตอร์เน็ตมาสอนคน ต่างจากตัวจริงที่เป็นคนชอบดีไซน์ สร้างสรรค์งานใหม่ด้วยตัวเอง
ซีรีส์นี้ต้องการบอกว่า เวลาเราหลงทาง ให้เชื่อตัวเองดีที่สุด เชื่อมั่น และลองทำมัน ไม่ว่าจะลองผิดลองถูก มันคือประสบการณ์ที่จะสอนให้เราโตขึ้น ไม่ต้องไปฟังใคร ให้ลงมือทำ พร้อมการเตรียมตัว อยากทำอะไรต้องเรียนรู้และหัดทำ ให้เรา collect skill ในสายนั้นๆ ให้ได้ แล้วมุ่งหน้าไปตามเป้าหมาย”