พระวิหาร...วันเดียวไม่พอ

พระวิหาร...วันเดียวไม่พอ

เขาพระวิหารไม่ได้มีดีแค่ “ทะเลหมอก” ที่กำลังปังในโซเชียล แต่ยังมีหลายจุดเที่ยวที่ไปวันเดียวไม่มีทางพอ

ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ฮอตและฮิตเอามากๆ สำหรับ อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เพราะอยู่ดีๆ ก็ฮิตขึ้นมาจากการเป็น “จุดชมทะเลหมอก” ของอีสานล่างเสียอย่างนั้น แต่ก่อนทะเลหมอกก็คงจะมีมาแล้วแหละแต่คนไม่ได้สนใจ ตอนที่ปราสาทเขาพระวิหารยังเปิดให้ขึ้น คนก็มากันตอนสว่างแล้วมาถึงก็เดินขึ้นปราสาท อีกทั้งจุดชมทะเลหมอกก็อยู่ในแอ่งหุบเขาด้านตะวันออกซึ่งจะมีเนินเขาบังไว้ ทำให้คนที่มาในเส้นทางถนนมองไม่เห็น “ทะเลหมอกเขาพระวิหาร” จึงไม่เคยมีคนรู้ว่ามี ขนาดว่าช่างภาพในกรุงเทพเราก็ยังไม่ค่อยมีคนรู้เลย จวบจนยุคที่โซเชียลมีเดียนี่เองที่ทำให้ภาพทะเลหมอกเขาพระวิหารเผยแพร่ออกไป และนำมาสู่ปรากฏการณ์ใหม่คือ รถติดที่หน้าด่านเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานฯ

เหตุการณ์ปกติของหน้าด่านเก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติ หน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารจะเริ่มต้นตั้งแต่ตีสาม และจะพีคสุดๆ ช่วงตีห้า เพราะคนจะหลั่งไหลกันมาให้ทันพระอาทิต์ขึ้น ทั้งคนที่มาจากกรุงเทพตอนกลางคืน ก็จะมาพอดีเช้ามืดที่นี่ เริ่มต้นท่องเที่ยวได้เลย หรือใครที่มาแล้วไปพักโรงแรมทั้งในตัวเมืองศรีษะเกษ หรือที่ใกล้เข้ามาก็คือมาพักในตัวอำเภอกันทรลักษณ์ ก็จะต้องรีบตื่นแล้วมุ่งหน้ามาให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ “ผามออีแดง”  ยิ่งถ้าในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาววันไหน ที่ลมไม่มี หมอกไม่ฟุ้ง ก็เตรียมตัวดูพระอาทิตย์แหวกทะเลหมอกขึ้นมาได้เลย แล้วเป็นที่ยมรับกันว่า “ทะเลหมอกเขาพระวิหาร” นั้น สวยไม่แพ้ที่ใดในประเทศไทย ที่สำคัญ...เดินทางสะดวกมาก เพราะถนนลาดยางอย่างดีจนถึงลานจอดรถที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบนผามออีแดง แล้วเดินอีก 30-40 เมตรก็ได้ดูทะเลหมอกแล้ว แล้วแบบนี้มันจะไม่ฮิต ไม่ปังได้อย่างไร

160479584950

ทะเลหมอกเขาพระวิหาร / สวัสดิ์ ลุนผง : ภาพ

160479585034

ที่ที่คนมาล่าช้างบนฟ้ากัน / สวัสดิ์ ลุนผง : ภาพ

แต่นักท่องเที่ยวจะต้องรีบมาครับ จะมัวมาโอ้เอ้วิหารรายไม่ได้ ยิ่งโดยเฉพาะช่วงเทศกาลวันหยุดต่างๆ หรือแค่วันหยุดเสาร์อาทิตย์ธรรมดาก็ตาม เพราะมาช้าอาจจะไม่มีที่จอดรถ ลานจอดรถจะเต็ม ซึ่งนั่นหมายความว่าท่านจะต้องไปจอดรถริมถนนแทนแล้วจะต้องเดินมาไกลกว่าจะถึง “ผามออีแดง” ในเทศกาลวันหยุด ตรงหน้าด่านเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร รถจึงติดกันยาวเหยียดไกล ซึ่งถ้าท่านผู้อ่านมาจากที่อื่น ไม่ใช่คนย่านนี้ ผมว่าท่านมากางเต็นท์หรือมาใช้บริการบ้านพักที่ลานนับดาวของ “อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร” ดีกว่า

ลานนับดาวจะเป็นที่พักที่ใกล้ “ผามออีแดง” ที่สุด ห่างกันราวกิโลเศษๆ เป็นที่ที่ฝ่ายความมั่นคงเขาอนุญาตให้พักแรมได้ ซึ่งถ้ามาพักที่นี่ท่านยังออกมาดูดาว มาล่า “ทางช้างเผือก” ได้ด้วย ซึ่งที่ผามออีแดงนี่เหมาะกับการดูดาวเป็นที่สุด ซึ่งท่านผู้อ่านจองบ้านพัก จองลานกางเต็นท์ที่กรมอุทยานฯได้เลย “ลานกางเต็นท์” ของอุทยานแห่งชาติแต่ละแห่งนั้นขึ้นชื่ออยู่แล้วว่า สะอาด สงบและปลอดภัย ยิ่งที่นี่ด้วยแล้ว ธรรมชาติสุดๆ ส่วนบ้านพักของอุทยานฯยุคใหม่นั้น บอกเลยว่าดีกว่าแต่ก่อนเยอะมาก ดีและราคาถูก ทั้งสวนใหญ่จะอยู่ใกล้จุดท่องเที่ยวเสียแต่ว่ามีน้อยไปหน่อย จองกันไม่ค่อยทัน

นี่คือความฮอตของ “อุทยานเขาพระวิหาร” ในยามนี้...

160479605551

บรรยากาศแทบทุกเช้าในฤดูท่องเที่ยวบนผามออีแดง

160479605457

บ้านพักของอุทยานฯเขาพระวิหารในม่านหมอก

ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้คุณสวัสดิ์ ลุนผง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร คุณสวัสดิ์ซึ่งผมเรียกหัวหน้าหวัด เป็นคนที่มีทักษะทางการถ่ายภาพคนหนึ่ง เป็นคนที่เอาภาพ “ทะเลหมอก” “ทางช้างเผือก” และภาพดาวนับหมื่นนับแสนเต็มท้องฟ้าออกมาเผยแพร่ จนอุทยานเขาพระวิหารฮิตมาจนบัดนี้

คนจะหนาแน่นมากในช่วงตีห้าครึ่งไปจนราวเจ็ดโมงกว่าก็เริ่มเบาลงแล้ว ถ้าเป็นคนในท้องที่ก็จะเริ่มกลับบ้านไปกินข้าวกินปลาทำกิจวัตรประจำวัน เพราะบอกแล้วว่ามันมาง่าย มาใกล้ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาจากไกลๆ “อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร” เขาไม่ได้มีแค่ “ทะเลหมอกที่ผามออีแดง” สายขึ้นมาก็ลงไปดูภาพจำหลักใต้หินผา หรือไปยังฐานเสาธงชมปราสาทเขาพระวิหารได้จากไกลๆ แต่ถ้ายังไม่สะใจ จะเดินไปเที่ยวชมลานหินแกะสลักชื่อ หรือไปดูบันไดนาคใกล้ๆ จากฝั่งบ้านเราก็ได้ ซึ่งช่วงปลายฤดูฝน ดอกไม้ดินธรรมชาติ ออกดอกกันบานสะพรั่ง หรือจะเดินเที่ยวชมทุ่งดอกไม้บริเวณสระตราวก็ได้ แต่น้ำตกขุนศรีนี่ผมไม่แน่ใจว่าเขาเปิดเส้นทางหรือไม่ ต้องถามทางอุทยานแห่งชาติอีกที เหตุผลเรื่องความมั่นคงและอันตรายสำหรับนักท่องเที่ยวนี่ละครับ

160479614292

สถานีศึกษาธรรมชาติในเส้นทาง

แต่ที่อยากจะแนะนำคราวนี้คือ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติกล้วยไม้เขาพระวิหาร” ซึ่งถ้าลงจากผามออีแดงมาราว 2 กม.ก็อยู่ทางซ้ายมือ มีป้าย มีศาลาเห็นชัดเจน ท่านผู้อ่านเดินเองได้เลย ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง เพราะทางอุทยานฯเขาทำทางชัดเจน บางช่วงเป็นบันไดปูนอย่างดี ระยะทางแค่กิโลครึ่ง เดินชิลๆ ในป่าที่ร่มรื่น ในเส้นทางเขาจะมีสถานีศึกษาธรรมชาติเป็นจุดๆ อยู่ 8 สถานี มีป้ายบอก มีของจริงให้เห็น กล้วยไม้ก็จะมีทั้งกล้วยไม้ดิน พวกที่ขึ้นอยู่ในดินพวกนางอั๊วทั้งหลาย พวกที่เกาะอาศัยตามต้นไม้ และพวกที่เกาะอยู่ตามก้อนหิน ยิ่งถ้ามาในฤดูฝนนี่ ดอกไม้ดอกไร่ตามหิน เห็ดป่าสีสวยๆ มีให้ดูให้ถ่ายรูปตลอดทาง แต่ที่ผมว่าเป็นไฮไลท์ก็คือน้ำตก เส้นทางนี้จะผ่านน้ำตกสามครั้ง เป็นแก่งน้ำที่น้ำไหลหลากลงมาตามลานหิน ในบรรยากาศร่มรื่นมาก 2 แห่ง และอีกแห่ง จะเป็นน้ำตกไทรตะเคียน น้ำตกสูงไม่มากราว 4-5 เมตร ไหลตกลงมาจากชั้นหินแล้วหลากมาบนลานหิน เดินลงมาแค่ 400 เมตร ก็เจอน้ำตกแรกแล้ว ผมว่าในช่วงที่เขาอนุญาตให้เล่นน้ำได้แล้วน่ามาเล่นน้ำอย่างมาก ผูกเปลนอนเล่น ต้มกาแฟดื่ม ฟังเสียงน้ำตก เดินดูนก ดูเห็ดป่า ดูดอกไม้ บรรยากาศเหมาะที่สุด

160479618450

น้ำตกไทรตะเคียน ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติกล้วยไม้

160479618474

ปราสาทโดยตวน

ที่เอาเรื่องนี้มาบอกเพราะจะได้ไม่ต้องรีบลง รีบออกจากอุทยานฯเขา อุทยานฯเขาไม่ได้มีดีแค่ทะเลหมอก ผมไปเห็นคนมาซ้อมวิ่งขึ้น “ผามออีแดง” บ้าง วิ่งไป “ปราสาทโดนตวน” ซึ่งอยู่ใกล้ผามออีแดงบ้าง เพราะทางเขาดี ราดยางเรียบกริบ แล้วมีขึ้นเนิน ลงเนิน บรรดานักวิ่งเลยมาจอดรถแล้ววิ่งกัน หรือปั่นจักรยานผมก็ว่าน่าจะสนุก หรือจะขับรถไปเที่ยว “น้ำตกตาดไฮ” ก็ยังได้

“อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร” ฟังชื่อเหมือนอยู่ไกลและปราสาทปิดก็คงไม่มีอะไร แต่พอได้มาเห็น ผมว่าคืนเดียวอาจไม่พอ โดยเฉพาะคนที่ชอบกางเต็นท์ ที่อยากหาที่สวยๆ สงบๆ ที่นี่น่าจะตรงใจ และสะดวกทุกอย่าง ไฟฟ้า สัญญานโทรศัพท์ ห่างจากด่านตรวจของอุทยานฯไปราว 1 กิโลเมตรก็ถึงชุมชนบ้านภูมิซรอล แหล่งจับจ่ายซื้อของกิน ของใช้ เสบียงอาหาร ถ้าจะขาดก็คือหมูกระทะ ที่ไม่รู้ว่าโทรสั่งเขาจะขึ้นไปส่งไหม เท่านั้นเอง

เขาพระวิหาร ไม่ได้มีแค่ทะเลหมอกหรอกนะ...