‘เชียงราย’ อร่อยบนดอย ยิ่งสูงยิ่งสวย
ขึ้นดอย อร่อยไปกับอาหารชนเผ่า เข้าถึงความหลากหลายทางชาติพันธุ์ผ่านการเดินทางที่ ‘เชียงราย’
อากาศดีๆ สถานที่สวยๆ กับอาหารอร่อยๆ ล้วนเป็นของคู่กัน แต่นอกเหนือจากการท่องเที่ยวธรรมดา การได้ทำความรู้จักไปถึงรากเหง้าของสถานที่นั้นๆ ผ่านวิถี วัฒนธรรม และอาหาร จะยิ่งทำให้ทั้งฟินและอินสุดๆ ไปเลย
โดยเฉพาะฤดูหนาวที่ใครๆ ก็พร้อมเที่ยวแบบนี้ ที่ เชียงราย คือหมุดหมายที่มีความหลากหลายอันแสนอร่อยซ่อนอยู่
ว่ากันว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว แต่นอกจากหนาวแล้วยังสวยด้วย กับสารพัด “ดอย” ของ “เชียงราย”
เริ่มกันที่ ดอยแม่สลอง เรียกได้ว่าตั้งแต่ยุคที่โซเชียลมีเดียยังไม่ฮิต ดอยนี้ก็ติดลมบนสำหรับนักท่องเที่ยวกันแล้ว ยิ่งเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวจนถึงปลายหนาวต้นร้อน “ดอยแม่สลอง” ก็ยังเนื้อหอมพร้อมรับนักเดินทาง
เสน่ห์ของ “ดอยแม่สลอง” ที่หลายคนหลงรักคือคาแรคเตอร์คล้ายชนบทของประเทศจีน แน่นอนว่าที่เป็นอย่างนั้นเพราะเป็นอิทธิพลจากกลุ่มชาติพันธุ์ที่ลงหลักปักฐานบนนั้น อย่าง “จีนยูนนาน” หรือชาวจีนฮ่อแถบมณฑลยูนนานซึ่งอพยพมาตั้งแต่อดีต
ไม่เพียงบรรยากาศ แต่วัฒนธรรมจีนก็สะท้อนผ่านอาหารการกินด้วย จึงหา “อาหารจีนยูนนาน” กินได้ไม่ยากเมื่อมาเที่ยวที่ “ดอยแม่สลอง” แต่ถ้าต้องการความมั่นใจว่าร้านเดียวครบเมนูยูนนานดั้งเดิมและอร่อยถูกปาก “ร้านอาหารคุ้มนายพล” เป็นตัวเลือกที่ดี
เพราะที่ร้านนี้มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยการสู้รบของ “กองพล 93” ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 การลี้ภัยของผู้นำกองพล 93 ในคราวนั้นทำให้ลูกหลานชาวจีนยูนนานได้อยู่อาศัยบนผืนแผ่นดินไทยจนถึงทุกวันนี้
เมนูยอดนิยมเมื่อมา “ดอยแม่สลอง” ต้องเป็น “ขาหมูยูนนาน” เสิร์ฟพร้อมหมั่นโถว และยังมีเมนูอื่นๆ อีก ทั้งต้นตำรับและประยุกต์ อย่าง “ยำยอดชา” ที่นำยอดชาอ่อนๆ มาคลุกเคล้าน้ำยำรสจัดจ้าน ความเฝื่อนเล็กๆ ของใบชาเข้ากันได้ดีกับน้ำยำต้องหลายคนต้องขอเพิ่มอีกจาน
นอกจากลิ้มลอง “อาหารจีนยูนนาน” ขนานแท้ “ดอยแม่สลอง” ยังมีอีกแหล่งท่องเที่ยวห้ามพลาด คือ “พระบรมธาตุศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี” ตั้งอยู่จุดสูงสุดที่ความสูง 1,500 เมตร ซึ่งห่างจากหมู่บ้านขึ้นไปประมาณ 4 กิโลเมตร เส้นทางขึ้นคดเคี้ยว สูงชัน พระธาตุองค์นี้สร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า เป็นเจดีย์แบบล้านนาประยุกต์ บนฐานสี่เหลี่ยมลดชั้น สูงประมาณ 30 เมตร ประดับกระเบื้องสีเทา
บริเวณนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม โดยเฉพาะช่วงเย็น พระบรมธาตุเจดีย์แห่งนี้ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของ “ดอยแม่สลอง” อีกด้วย
ลงดอยหนึ่งไปต่ออีกดอยหนึ่ง ดอยผาหมี ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองแม่สายเพียงราวๆ 10 นาที และเดินทางค่อนข้างง่ายด้วยเส้นทางที่ดีกว่าอดีตมาก
“บ้านผาหมี” เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีชาวบ้านอาศัยประมาณ 300 กว่าครัวเรือน ชาวบ้านส่วนมากเป็นชาวไทยภูเขาชนเผ่าอาข่า บรรยากาศของ “ดอยผาหมี” จึงเป็นภาพของภูเขาเขียวขจี มีทิวเขาทรงสวย และอากาศเย็นสบาย ที่สำคัญคือมีชาวอาข่าเป็นองค์ประกอบหลักทำให้ “ผาหมี” มีเสน่ห์ในแบบเฉพาะ
ชาวบ้านที่นี่ส่วนมากประกอบอาชีพปลูกกาแฟ จึงมีร้านกาแฟขึ้นชื่ออยู่หลายร้าน แต่อีกสิ่งที่สะท้อนความเป็น “ผาหมี” และ “ชาวอาข่า” ได้อย่างสมบูรณ์ คือ “อาหารอาข่า”
“ร้านโอโซนผาหมี” น่าจะเป็นแถวหน้าของ “ร้านอาหารอาข่า” ที่นักท่องเที่ยวนึกถึงเมื่อมา “ผาหมี” แม้แต่ละเมนูจะดูประหลาดตา (สำหรับคนที่ยังไม่เคยลิ้มลอง) แต่รับรองว่าทุกเมนูกินได้ แถมยังอร่อยด้วย อาทิ น้ำพริกถั่วดิน, ตำอะลู (ตำมันฝรั่ง), ปลาส้มดอย ฯลฯ ทุกเมนูของร้านนี้จะเสิร์ฟมาในภาชนะที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น กลีบหัวปลี, กระบอกไม้ไผ่, ใบตอง ส่วนเรื่องรสชาตินั้นบางเมนูคุ้นลิ้นคนต่างถิ่น แต่ก็ต้องยอมรับว่าหลายเมนูต้องทำความเข้าใจรสชาติของชาวอาข่าสักหน่อย โดยเฉพาะการปรุงรสด้วยเกลือเพียงอย่างเดียว เน้นรสธรรมชาติของวัตถุดิบ แล้วชูรสด้วยสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “รากชู”
“รากชู” เป็นสมุนไพรที่พบได้มากทางภาคเหนือบางจังหวัดเท่านั้น เช่น เชียงราย เชียงใหม่ คุณสมบัติของสมุนไพรชนิดนี้คือช่วยให้อาหารรสกลมกล่อมมากขึ้น เป็นสิ่งชูรสจากธรรมชาติของแท้
ปิดท้ายด้วย ดอยสะโงะ หรือ ดอยสะโง้ หรือ ดอยสะโง๊ะ แล้วแต่จะเรียก เพราะแม้แต่ป้ายบอกทางก็ยังเขียนไม่เหมือนกัน ดอยนี้อยู่ในการดูแลของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงดอยสะโง๊ะ อ.เชียงแสน ที่นี่เป็นอีกดอยที่กลุ่มชาติพันธุ์อาข่ามาอยู่อาศัย จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของ “ชาวอาข่า”
การขึ้นไปยัง “ดอยสะโง้” ทำได้หลายวิธี หากรถไม่ได้โหลดเตี้ยก็ขับขึ้นเองได้ แต่ถ้าเอาชัวร์ก็ใช้บริการรถของชาวบ้านที่รอให้บริการอยู่ ซึ่งเป็นรถอีแต๊น หรือบางคนเรียกอีแต๊ก มีค่าบริการเพียงคนละ 50 บาท จ่ายครั้งเดียวได้ทั้งไปและกลับ
เมื่อขึ้นมาบนยอด “ดอยสะโง้” แล้ว ที่นี่ได้รับการปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นทั้งจุดชมวิวและสถานที่ท่องเที่ยว สำหรับจุดชมวิวบนนี้จะมองเห็นได้ถึง 3 ประเทศ คือ ไทย, ลาว และเมียนมา บนความสูง 709 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จึงมีมุมมองเกือบ 360 องศาเลยทีเดียว
เนื่องจากบน “ดอยสะโง้” เป็นแหล่งปลูกต้นเก๊กฮวย จึงมี “ทุ่งดอกเก๊กฮวย” สีเหลืองอร่ามให้ได้ชมกันในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ส่วนเดือนมกราคมมีดอกคาโมมายด์บานสะพรั่งทั่วทั้งดอย
หากขึ้นมาช่วงเย็น หรือบังเอิญดื่มด่ำบรรยากาศจนได้เวลาอาทิตย์อัสดง แนะนำให้ลิ้มลอง “อาหารอาข่าอู่โล้” บนดอยนี้เป็นมื้อเย็น แม้จะเป็นอาหารอาข่าเหมือนกันกับที่ผาหมี แต่มีข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง คือบางเมนูที่ต้องกินที่นี่ โดยจะเสิร์ฟมาในขันโตกขนาดมหึมา ประกอบด้วยอาหารสารพัดอย่าง เช่น เนื้อและหนังหมูหัน, น้ำพริกมะเขือยาว, ผักดองเกลือ, ลาบหมู, น้ำพริก ฯลฯ เป็นอีกหนึ่งมื้อที่อร่อยและหนักหน่วง
นอกจากอิ่มท้องแล้ว การแสดงของน้องๆ ชาวอาข่าที่มาร้องเล่นเต้นรำให้นักท่องเที่ยวได้อิ่มใจอีกด้วย
แต่ถ้ายังไม่หนำใจกับวิวบนยอด “ดอยสะโง้” ลองลงมาที่ “ร้านสตาร์ดอยคอฟฟี่&โฮมสเตย์” ร้านกาแฟที่มีจุดชมวิวทะเลหมอกและวิว 3 ประเทศ ในมุมมองแตกต่างจากบนยอดดอยพอสมควร ถึงจะสูงไม่เท่า ทว่าทำเลที่ตั้งก็ทำให้ชมวิวได้แบบเกือบ 360 องศาเช่นกัน อีกทั้งยังมีวิวที่องค์ประกอบงดงามมากทั้งทิวเขา, ผืนป่า, อาทิตย์ขึ้น และไอหมอก
หากหนาวนี้ยังไม่รู้จะเที่ยวไหนให้อิ่มกาย อิ่มใจ แถมยังได้รู้จักวิถีของชุมชนท้องถิ่น ลองขึ้นไปรับไอเย็นของยอดดอยแสนอร่อยของ “เชียงราย” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Delicious Destinations จาก อพท. นั่นเอง