นักจิตวิทยาชี้ 'สุขภาพจิต' อาจพัง เพราะฟังเพลงเทศกาลบ่อยไป

บรรยากาศและเสียงเพลงรับเทศกาลส่งท้ายปี รวมถึงคริสต์มาส เริ่มขึ้นแล้วในหลายพื้นที่ทั่วโลกและยากเกินกว่าจะหนีพ้น ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะได้ยินเพลงเทศกาลสุดคลาสสิกเล่นซ้ำ ๆ

เมื่อไม่นานนี้ สปอติฟาย (Spotify) รายงานว่า ความถี่ในการฟังเพลงบนแพลตฟอร์มสูงขึ้นในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ขณะที่เพลง “It’s Beginning To Look A Lot Like Christmas” ของ ไมเคิล บูเบล และ “All I Want for Christmas is You” ของ มารายห์ แครีย์ ทะยานติด 2 อันดับแรกเพลงที่คนเปิดฟังมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศไทยยังไม่มีการทำวิจัยเรื่่องนี้ แต่หากลองเดินตามห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่ต่าง ๆ ก็จะได้ยินเสียงเพลงฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าแทบทุกที่ ซึ่งรวมถึงเพลง “Jingle Bells” ด้วย

แต่รู้หรือไม่ว่า การฟังเพลงเทศกาลเหล่านี้ซ้ำ ๆ ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาเช่นกัน

บรรดานักวิจัยชี้ว่า แม้ในช่วงแรก เพลงเทศกาลอาจชวนให้คนฟังรำลึกถึงบรรยากาศอันแสนสุขช่วงเทศกาลในอดีต แต่การได้ยินเพลง Jingle Bells บ่อยถึง 1 ล้านครั้ง ก็อาจสร้างความรำคาญ ความเบื่อหน่าย และแม้แต่ความเครียดได้

นั่นเป็นเพราะสมองเกิดภาวะอิ่มตัวจนเกิดการตอบสนองเชิงลบต่อเพลงนั้น และหากคน ๆ นั้นมีความกังวลเกี่ยวกับเงินทอง หน้าที่การงาน หรือการไปพบครอบครัวช่วงวันหยุดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การได้ยินเพลงเทศกาลซ้ำ ๆ ต่อเนื่อง ก็อาจยิ่งทำให้เกิดความเครียดมากกว่าผ่อนคลาย

นอกจากนี้ การฟังเพลงเทศกาลถี่ ๆ ยังสร้างความรำคาญใจอย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลงานของลูกจ้างและทำให้ลูกค้าหงุดหงิด เคยมีผลสำรวจผู้บริโภคสหรัฐเมื่อปี 2554 พบว่า ชาวอเมริกัน 23% รู้สึกเข็ดขยาดกับเพลงเทศกาลเลยทีเดียว

ลินดา แบลร์ นักจิตวิทยาคลินิก บอกว่า เทศกาลคริสต์มาสอาจทำให้คนรู้สึกเพลียจิตได้

“คนที่ทำงานในร้านค้าจำเป็นต้องปิดเพลงคริสต์มาส เพราะหากไม่ปิด พวกเขาจะไม่มีสมาธิทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย” แบลร์กล่าว “คุณต้องใช้พลังงานที่มีทั้งหมด เพื่อพยายามไม่ฟังเพลงที่คุณได้ยินอยู่”

แล้วเราจะสร้างสมดุลเพื่อไม่ให้เพลงเทศกาลส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตอย่างไร?

สิ่งแรกที่ควรทำคือ “เปลี่ยนเพลง” เพื่อไม่ให้สมองรู้สึกเบื่อ การเล่นเพลงคริสต์มาสเพลงเดิมตลอดเทศกาลสร้างความเหนื่อยล้าทางจิตใจในระยะยาว

อีกอย่างคือ จัดระเบียบเพลย์ลิสต์ตัวเอง ด้วยการเลือกเพลงเทศกาลที่หลากหลายและไม่เปิดเพลงเสียงดังเกินไป

--------------

อ้างอิง: Business Insider