‘โควิด’ กับ ‘จังหวะหัวใจ’ ที่ตึกเอ็มไพร์สเตท
ตึกเอ็มไพร์สเตทเตรียมเปิดไฟสีแดงเป็นจังหวะการเต้นของหัวใจเพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตจาก "Covid-19" ขานรับปณิธานของ "โจ ไบเดน"
ตึกเอ็มไพร์สเตท ตึกระฟ้าที่มีความสูงถึง 1,454 ฟุต ในย่านมิดทาวน์แมนฮัตตัน เป็น "อาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก" ในปี 2564 เป็นวาระครบรอบ 90 ปีของตึกเอ็มไพร์สเตท ในฐานะแลนด์มาร์กใจกลางมหานคร “นิวยอร์ก” ขานรับปณิธานของ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ต้องการระลึกถึงชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากโรค “โควิด-19” ด้วยการเปิดไฟบน “ตึกเอ็มไพร์สเตท”
โดยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางห้วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของมหานครนิวยอร์ก ตึกเอ็มไพร์สเตทได้เปิดไฟเป็นจังหวะการเต้นของหัวใจเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและให้กำลังใจประชาชนหลายล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรด่านหน้าที่ได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มแรกและหนักหน่วงที่สุด
ความประทับใจหลายพันล้านครั้งทั่วโลกเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า “ตึกเอ็มไพร์สเตท” คือสัญลักษณ์อันเป็นสากลและแลนด์มาร์กของมหานครนิวยอร์ก ทุกค่ำคืนเวลา 21.00 น. ตึกเอ็มไพร์สเตทได้เปิดไฟประกอบเพลง "Empire State of Mind" ของ อลิเชีย คียส์ ที่เปิดผ่านสถานีวิทยุ Z100 ของ iHeartMedia และในวันที่ 19 มกราคม เวลา 17.30-02.00 น. ไฟสีแดงเป็นจังหวะการเต้นของหัวใจจะกลับมาอีกครั้ง พร้อมการแสดงแสงสีประกอบเพลงของอลิเชีย คียส์ ที่ฟังผ่านสถานีวิทยุ Z100 ของ iHeartMedia และแอพ iHeartRadio ณ เวลา 21.00 น. เพื่อขานรับปณิธานของ โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ต้องการจัดพิธีระลึกถึงผู้เสียชีวิตก่อนที่จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
โอกาสเดียวกันนี้ โบสถ์ต่างๆ จะลั่นระฆัง ขณะที่หอคอยและอาคารแลนด์มาร์กต่างๆ จะเปิดไฟสว่างไสวทั่วประเทศอย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อระลึกถึงชีวิตที่ต้องสูญเสียไป
"มหานครนิวยอร์กคือสัญลักษณ์ของความหวังและความสามารถในการฟื้นตัวของเมืองและประชาชน และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป เราจะกลับมาด้วยความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม และตึกเอ็มไพร์สเตทยังรอคอยต้อนรับทุกคนกลับมา" แอนโทนี อี มัลกิน ประธาน ประธานกรรมการ และซีอีโอของเอ็มไพร์ สเตท เรียลตี้ ทรัสต์ กล่าว
"หอชมวิวบนตึกเอ็มไพร์สเตทกลับมาเปิดให้บริการและต้อนรับผู้มาเยือนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เรายังคงทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ระดับชาติและระดับสากลที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการก้าวข้ามอุปสรรคทั้งปวง"