มนต์ภูเขาและ 'เลยดั้น' ตามหากันจนเจอ
ออกเดินทางตามหา "เลยดั้น" ลานหิน "กุมภลักษณ์" ที่ธรรมชาติสรรสร้างขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์
แม้จะเป็นคนเดินทาง และเคยผ่านไปทางนี้หลายครั้งแล้วก็ตามที แต่ผมยอมรับเลยว่าไม่รู้ว่า เลยดั้น มันอยู่ตรงไหน และ "เลยดั้น" มันคืออะไร เพิ่งเคยได้ยินชื่อด้วย ที่เคยได้ยินมาก่อนนี้ที่คล้ายกันก็คือชีผุด-ชีดั้น แม้จะเคยได้ยินชื่อแต่ก็ไม่เคยไปเห็น ได้แต่ฟังจากที่คนมาเล่าว่าเป็นต้นธารของแม่น้ำชีที่มันผุดขึ้นมา แต่สำหรับ “เลยดั้น” ก็อย่างที่บอก
ผมมักนิยมขับรถเที่ยวเล่นในเส้นทางจากแยกกกสะทอน ทางด้านหล่มเก่าต่อกับทางเมืองเลย แล้ว มาตามถนนหมายเลข 2216 ซึ่งปลายทางของถนนเส้นนี้จะไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 12 ที่แยกห้วยสนมทราย ถนนหมายเลข 12 นี้มาจากพิษณุโลกขึ้นเขาค้อ มาแยกหล่มสัก ผ่ากลางป่าน้ำหนาวไปชุมแพ ไปขอนแก่น ที่ชอบขับรถไปตามถนนหมายเลข 2216 โดยเฉพาะในฤดูฝนและต้นฤดูหนาว เพราะเป็นถนนที่ทอดตัวยาวมาตามภูเขา ที่ไม่คดโค้งมากนัก มีป่าสองฝั่งทาง และหมู่บ้านชนบทน่ารักๆ หลายแห่ง ที่สำคัญทิวทัศน์ระหว่างทางสวยจับใจ จะเป็นทิวทัศน์ของภูเขา โดยเฉพาะภูเขาเด่นๆ ของเพชรบูรณ์และเมืองเลย ซึ่งรูปทรงนั้นชวนหลงใหล เพราะเป็นภูเขาหลังตัดแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นภูหลวง ภูหอ ภูกระดึง หรือภูผาจิต ภูเหล่านี้จะโดดเด่น อยู่สองฝั่งทาง ทำให้บรรยากาศการขับรถเที่ยวนั้นมีจุดหมายในการเดินทางมากขึ้น
เส้นทางสายนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวอีกหลายอย่าง ซึ่งผมเคยเขียนถึงไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแคนย่อนน้ำหนาว น้ำตกตาดใหญ่ น้ำตกตาดฟ้า น้ำตกตาดทิดมี จุดชมวิวดงสะคร่าน น้ำตกตาดพรานบา รอยตีนไดโนเสาร์ (เขาติดป้ายใหญ่ไว้บนถนน แต่หาทางเข้าไม่จอ หลงทางสองครั้งแล้ว) หรือแม้กระทั่งถ้ำใหญ่น้ำหนาว หรือถ้าท่านผู้อ่านได้ไปช่วงที่นางพญาเสือโคร่งบนภูลมโลออกดอก ก็สามารถต่อไปที่กกสะทอน ขึ้นไปภูลมโลได้เลย ดังนั้นเส้นทางสายนี้ จึงเป็นเส้นทางท่องเที่ยวอีกเส้นทางหนึ่งที่อยากเชิญชวนบรรดานักเที่ยวธรรมชาติทั้งหลายให้มาลองดู เสียอยู่นิดเดียว ตรงที่ถนนสายนี้ไม่ค่อยมีหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ หรือลานกางเต็นท์ของอุทยานแห่งชาติไว้ให้บริการนัก แม้จะมีอุทยานแห่งชาติหลายแห่งที่มีพื้นที่ติดเส้นทาง อย่างอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว แต่ไม่มีหน่วยพิทักษ์ที่พออาศัยกางเต็นท์ได้ จะมีก็เป็นที่ของเอกชนและรีสอร์ทย่านอำเภอน้ำหนาว ซึ่งอาจไม่ค่อยถูกจริตชาวเต็นท์นัก แต่ก็พอแก้ขัดได้
ผมบรรยายได้เป็นช่องเป็นฉาก ก็เพื่อจะบอกว่าผมนั้นไปเส้นทางนี้จนแทบจะปรุ แต่ก็ไม่เคยรู้ว่า “เลยดั้น” นั้นมันอยู่แถวนี้ จนไปเห็นป้ายขนาดใหญ่ที่ติดคร่อมถนนสาย 2216 ว่า “เลยดั้น” เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานธรณีเพชรบูรณ์ ก็เลยจอดรถแล้วหาข้อมูลเอาจากในกูเกิล เพราะป้ายแบบนี้ของอุทยานธรณีเพชรบูรณ์ เคยทำเอาผมหลงทางมาสองครั้งกับการตามหารอยตีนไดโนเสาร์อาร์โคซอร์ ที่อำเภอน้ำหนาว ที่ติดป้ายเข้าทางเดียวกับไปตาดพรานบา แล้วมีป้ายแยกทางลำลองด้านในอีกป้ายหนึ่ง นอกนั้นเป็นไร่โล่งๆ ไม่มีป้ายบอกอะไร ไปครั้งที่สองนึกว่าเขาจะเพิ่มป้าย หลงทั้งสองครั้ง ไปไม่ถูกหรอกครับ ถ้าไม่มีคนพาไปก็ยากจะไปถูก การที่จะไป “เลยดั้น” โดยการเห็นแค่ป้ายบอกนี่ก็เช่นกัน ผมจึงต้องชั่งใจให้มากว่าจะยอมเข้าไปในที่ที่อาจหลงทางอีกไหม แต่พอได้ข้อมูลว่ามันอยู่ที่บ้านห้วยกะโปะ ต.หลักด่าน ในเขตอำเภอน้ำหนาว ทั้งเห็นรูปเส้นทางว่ามันเป็นทางลาดยางไม่ใช่ทางเข้าไร่ก็พอเบาใจ ยังไงไม่น่าจะติดหล่มหรือหลงกลางไร่
ทางเข้าไปบ้านห้วยกะโป๊ะนั้นง่ายมาก เพราะทางแยกเข้าจะอยู่เยื้องกับทางเข้าถ้ำใหญ่น้ำหนาวไม่น่าเกิน 100 เมตร ทางจะเป็นทางลาดยางแคบๆ ช่วงแรกๆ ยังเป็นหมู่บ้านหนาแน่น แต่หลังจากนั้นจะเป็นไร่ที่ในหน้าฝนดูเขียวสวยดี ทางบางช่วงมีขึ้นเขาชัน แต่อย่างที่บอกว่าเป็นทางลาดยางตลอด และจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เมื่อขึ้นไปถึงสันเขา น่าจะเป็นจุดที่ชมวิวภูเขาได้สวยที่สุดและเป็นจุดสูงสุดของทางเส้นนี้ ทิวทัศน์รายรอบสวยงาม สวยจนอยากกางเต็นท์นอนบนลานจอดรถริมทาง ภูเขาน้อยใหญ่เรียงรายที่โดดเด่นก็เห็นจะเป็นภูหลวงทางซ้ายมือสุด ที่ถ้าเพ่งมองดีๆ ภายใต้เงาแดด จะเห็นน้ำตกเลยหง่า ตกลงมาในป่าดงลึกของป่าภูหลวง ตรงกลางด้านหน้าคือภูหอ ที่เป็นภูเขาหลังตัดที่มีรูปทรงสวยงามที่สุด และมีหุบเขาด้านล่าง ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านกะโปะ ปลายทางของการเดินทางครั้งนี้ ส่วนไกลๆ ออกไปเป็นแนวยาวนั่นคือภูกระดึง ผมถึงบอกไงละครับว่าจุดนี้เป็นจุดชมวิวภูเขาที่สวยมาก
หลังจากนั้นก็เดินทางลงเขาไปตามทาง จนกระทั่งถึงบ้านห้วยกะโปะ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีไม่กี่ครัวเรือน ซ่อนตัวอยู่ในดงในหุบอย่างมิดชิด ไปถึงแล้วเลี้ยวขวาตรงแยกกลางหมู่บ้าน ขับไปตามทางนอกหมู่บ้านราว 2 กิโลเมตร ทางจะลงเนินไปยังลานจอดรถด้านล่าง ถึงแล้ว “เลยดั้น” ระยะทางจากทางแยกถนน 2216 ที่เยื้องทางเข้าถ้ำใหญ่น้ำหนาว ไม่น่าจะต่ำกว่า 10 กิโลเมตร ที่สำคัญหมู่บ้านซ่อนตัวในหุบเขาแทบจะมิดชิดเลยเชียว
ผมมาในฤดูฝน เลยเห็นความยิ่งใหญ่ของแม่น้ำเลย ซึ่งเป็นจุดแบ่งระหว่างเพชรบูรณ์และจังหวัดเลย แต่ข้ามแม่น้ำไปก็เป็นจังหวัดเลยแล้ว สายน้ำตรงที่ไหลผ่านบ้านห้วยกะโปะและที่ปรากฏตรงหน้าผมตอนนี้ มีสายน้ำที่ไหลรุนแรง ผ่านแก่งหินน้อยใหญ่ในลำห้วยที่กว้างไม่น้อยกว่า 50 เมตรนี้ ดูยิ่งใหญ่ น่าเกรงขามมา นี่หรือคือต้นธารของแม่น้ำเลย
ถ้าดูจากทำเลที่ตั้งแล้ว ก็คาดว่าแม่น้ำเลยน่าจะมีต้นธารมาจากป่าและภูเขาทั้งทางฝั่งเพชรบูรณ์และทางฝั่งเลย ที่ชัดเจนก็มาจากทางภูหลวงแน่นอน อย่างน้ำตกเลยหง่าที่เห็นจากไกลๆ นั่น ก็ไม่แคล้วไหลลงแม่น้ำเลยที่อยู่ก้นร่องหุบเหวนี้เป็นแน่ แม่น้ำนี้ไหลลงมาตามร่องเขา ชะดินหินจนถึงพื้นของลำห้วยที่เป็นหินทราย แล้วกระบวนการไหลของสายน้ำ พาให้เกิดเป็นหลุมกุมภลักษณ์หลากหลายนับพันๆ หลุมบนลานหินของแม่น้ำเลยในย่านนี้ ซึ่งเสียดายที่ผมมาหน้าฝน มาช่วงที่น้ำมาก จึงไม่เห็นกุมภลักษณ์ต่างๆ บนลานหินของแม่น้ำเลย แต่เสียงโครมครืนของสายน้ำที่ไหลลงกุมภลักษณ์ เอ่อล้นแล้วกระโจนลงยังชั้นหินต่างระดับนั้นก็บ่งบอกตัวตนของแม่น้ำเลยแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี และด้วยกุมภลักษณ์ที่มากมายนี่เอง ที่นี่จึงถูกรวมเข้าเป็นหนึ่งในอุทยานธรณีสตูล ความมหัศจรรย์ของธรณีบนแผ่นดินจังหวัดเพชรบูรณ์
นั่นนิด นี่หน่อย ของสองฝั่งทางถนนหมายเลข 2216 นี้คงทำให้การเดินทางท่องเที่ยว ออกท่องเที่ยว ดูมีคุณค่า และออกจะภูมิใจนิดๆ ที่ได้ไปจนถึงดินแดนที่แทบจะลึกลับ ลับหูลับตาคนภายนอก แต่เมื่อได้มาเห็นทิวทัศน์ระหว่างทางเดิน ก็รู้ว่าบ้านเมืองของเรานั้น มีที่เที่ยว ที่สวยๆ มากมาย ออกไปเห็น ออกไปทักทาย จะรักบ้านเมืองเรามากขึ้น เชิญชวนกันเลยครับ...