ผู้บริหาร 'Netflix Korea' เผยเคล็ดลับ ‘ทำไมคอนเทนต์เกาหลีถึงไปไกลระดับโลก’

ซีรีส์เกาหลี เพลงเกาหลีได้รับความนิยมในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลากว่าสิบปีแล้ว แต่ถ้าเป็นในระดับโลก โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันตกที่มีวัฒนธรรมค่อนข้างแตกต่างจากทางฝั่งเอเชีย คอนเทนต์จากประเทศเกาหลีใต้เพิ่งได้รับความนิยมในวงกว้าง (นอกกลุ่มคอซีรีส์ คอเพลงเกาหลี) เอาช่วงไม่กี่ปีมานี้เอง

โดยมีจุดพีคหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง ‘Parasite ชนชั้นปรสิต’ ไปคว้ารางวัลออสการ์มาครองได้ถึง 4 ตัวในปี 2020 จากสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Picture) ผู้กำกับยอดเยี่ยม (Best Director) บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม (Best Original Screenplay) และภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม (International Feature Film) 

ประกอบกับการที่วงเคป๊อปไอดอลอย่าง บีทีเอส (BTS) และ แบล็คพิงค์ (Blackpink) สามารถเจาะตลาดเพลงที่ใหญ่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลกอย่างสหรัฐอเมริกาได้เป็นผลสำเร็จ ความนิยมของคอนเทนต์เกาหลีในระดับนานาชาติจึงยิ่งขยายวงกว้างมากขึ้นไปอีก

ความสำเร็จที่เห็นกันโดยประจักษ์ของอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ทำให้เรามักจะได้ยินคำถามตามมาอยู่เสมอ ๆ ว่าทำไมประเทศไทยถึงทำไม่ได้แบบเกาหลี แล้วอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้คอนเทนต์เกาหลีก้าวเข้าสู่ความเป็นระดับโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ

วันนี้เราจะพาคุณไปฟังคำตอบจากคนที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง นั่นคือ คุณคิมมินยอง (Minyoung Kim) รองประธานด้านคอนเทนต์ของ Netflix เกาหลี, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวจากประเทศไทยได้สัมภาษณ์ผ่านจอภาพกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟเมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

คิมมินยอง รองประธานด้านคอนเทนต์ของ Netflix เกาหลี, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

Netflix (เน็ตฟลิกซ์) เป็นผู้ให้บริการสตรีมมิงความบันเทิงชั้นนำระดับโลกที่มีสมาชิกจ่ายเงินรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ทั้งซีรีส์ สารคดี และภาพยนตร์หลากหลายแนว หลากหลายภาษามากถึง 204 ล้านคนในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก และแน่นอนว่ารวมถึงประเทศไทยที่คอนเทนต์จากเกาหลีใต้ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ มาโดยตลอด และยังไม่มีท่าทีว่าจะแผ่วลงเลย

คุณคิมมินยอง รองประธานด้านคอนเทนต์ของ Netflix เกาหลี, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ให้ข้อมูลว่า ปี 2021 นี้เป็นปีที่คอนเทนต์เกาหลีได้รับความสนใจมากที่สุดอย่างไม่เคยมีมาก่อนจากกลุ่มผู้ชมในเอเชีย โดยเมื่อเทียบจากปี 2019 ถึงปี 2020 การรับชมคอนเทนต์เกาหลีบน Netflix ได้เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าเลยทีเดียว

แต่ถ้าจะให้ฟันธงว่าคอนเทนต์เกาหลีบน Netflix เรื่องใดได้รับความนิยมมากที่สุด คุณคิมมินยองกล่าวว่าตอบได้ยากเนื่องจากแต่ละคอนเทนต์มีความแตกต่างกันออกไป

“แต่ละคอนเทนต์ที่เรานำเสนอใน Netflix เราตัดสินใจด้วยความคาดหวังและปริมาณของผู้ชมที่แตกต่างกัน คอนเทนต์ในแต่ละหมวดหมู่ก็แตกต่างกันมาก สำหรับการวางกลยุทธ์ของเรา เนื้อหาหรือรายการจะเปิดตัวในเวลาที่แตกต่างกันมาก แล้วยังมีกรอบเวลาที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะเปรียบเทียบ”

แต่ถ้าจะให้ระบุชื่อคอนเทนต์เกาหลียอดนิยมทาง Netflix เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นก็ได้แก่ ซีรีส์แนวสัตว์ประหลาดเรื่อง Sweet Home ที่ลงสตรีมมิ่งไปเมื่อปลายปี 2020 มีสมาชิกรับชมถึง 22 ล้านคน ภายในเวลา 28 วัน ขณะที่ Crash Landing On You ก็เป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมตลอดทั้งปี 2020 โดยไร้ข้อกังขา รวมไปถึงหนังซอมบี้เกาหลีเรื่อง Alive ที่มีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี

• ‘ของแท้’ จะขายได้ด้วยตัวมันเอง

ด้วยความที่ Netflix เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่กลุ่มผู้ชมมีความหลากหลาย และแตกต่างกันออกไปทั้งในเรื่องของรสนิยม วัฒนธรรม ความเชื่อ แล้วการทำคอนเทนต์เกาหลีออกสู่สายตาชาวโลกจะมีโจทย์ที่ยากกว่าการทำคอนเทนต์เพื่อฉายให้คนในประเทศดูหรือไม่อย่างไร?

คุณคิมมินยองกล่าวว่าสำหรับการผลิตคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์เพื่อคนเกาหลีหรือคอนเทนต์ที่ผลิตให้คนทั่วโลกดู สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องแน่ใจว่าเราเล่าเรื่องที่มันจริงแท้ที่สุด (authentic) เท่าที่เราจะสามารถทำได้ โดยทางเน็ตฟลิกซ์มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า ‘คอนเทนต์ที่เป็นของแท้’ จะไปได้ด้วยดี แต่ขณะเดียวกันการเลือกสร้างเรื่องราวที่ดึงดูดความสนใจตลาดโดยรวมก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก

ส่วนเรื่องที่ผู้ชมของ Netflix มีรสนิยม ความเชื่อ และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมากนั้น ทางเน็ตฟลิกซ์แก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยการ ‘ทำให้คนดูมีข้อมูลมากพอ’ จะได้ตัดสินใจเลือกคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของพวกเขาจริงๆ เพราะไม่ได้หมายความว่าทุกคอนเทนต์จะเหมาะกับคนทุกคน

“เราต้องมั่นใจว่าเราทำผลงานให้กับกลุ่มคนดูที่ใช่ แล้วมอบเครื่องมือให้ผู้ชมของเราเป็นคนเลือกเอาเองว่างานชิ้นไหนที่พวกเขาจะสนุกกับมัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ เพราะคนดูของเราหลากหลายมาก แต่เราตั้งใจกันอย่างถึงที่สุด และมั่นใจว่าเราทำได้ดีค่ะ”

• ถ้าคนท้องถิ่นชอบ...ต่างชาติก็ชอบ

เป็นที่น่าสังเกตว่าคอนเทนต์เกาหลีที่ได้รับความนิยมในระดับสากลนั้นมีความเป็นท้องถิ่นสอดแทรกอยู่อย่างเข้มข้น เช่น Parasite ซึ่งนอกจากเนื้อหาจะมีความเป็นเกาหลีแบบสุดขั้วแล้วยังใช้แต่นักแสดงเกาหลี และพูดภาษาเกาหลีกันทั้งเรื่อง แต่ถึงกระนั้น ความเป็นท้องถิ่นเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับ 'พาราไซต์' ในการกลายเป็นหนังภาษาต่างประเทศเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ 92 ปีของออสการ์ที่คว้ารางวัล ‘ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม’ ไปครอง

ในขณะที่งาน original ของ Netflix Korea อย่าง Kingdom, Sweet Home, Alive ที่นำเรื่องสากลอย่าง ซอมบี้ สัตว์ประหลาดมาใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปจนเกิด genre ใหม่ของสัตว์ประหลาดอย่าง ซอมบี้เกาหลี หรือ K-zombie ขึ้นมากันเลยทีเดียว

แล้วอะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จในการผลิตคอนเทนต์ให้ถูกใจผู้ชมทั่วโลก?

คุณคิมมินยอนกล่าวว่าคอนเทนต์โลคอลที่เป็นของจริง และสามารถดึงดูดผู้ชมในประเทศได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะดึงดูดผู้ชมทั่วโลกได้เช่นกัน ซึ่งนั่นปรัชญาและความเชื่อของ Netflix เวลาที่ต้องไปทำคอนเทนต์ท้องถิ่นในประเทศต่างๆ แต่ขณะเดียวกันทางเน็ตฟลิกซ์ก็จะให้ ‘อิสระในการสร้างสรรค์ผลงาน’ กับผู้ผลิตเกาหลีเพื่อที่ว่าพวกเขาจะสามารถบอกเล่าเรื่องราวที่มีความหลากหลายยิ่งขึ้นให้ผู้ชมทั่วโลกได้ดูกัน

ยกตัวอย่างเช่น ซีรีส์อย่าง Crash Landing on You หรือ Start-up นั้นจะได้รับความสนใจจากผู้ชมที่เป็น ‘คอซีรีส์เกาหลี’ อยู่แล้ว ส่วนคอนเทนต์อย่าง Kingdom, Extracurriculars, Sweet Home จะมีเนื้อหาที่แตกต่างและเปิดกว้างมากขึ้นเพื่อให้คอซีรีส์เกาหลีได้รับชมเนื้อหาที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็จะสามารถ ‘ตก’ คนที่ไม่เคยดูคอนเทนต์เกาหลีมาก่อนได้ด้วย

“ฉันคิดว่าทั้งหมดนั้นเป็นไปได้เพราะคอนเทนต์เหล่านี้เป็นคอนเทนต์เกาหลีแท้ๆ ที่ดึงดูดผู้ชมชาวเกาหลี แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องราวที่ผู้ชมนอกเกาหลีชื่นชอบด้วย ฉันคิดว่าวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นกุญแจสำคัญของการชนะใจผู้ชมทั่วโลก”

• อนาคต ‘คอนเทนต์ไทย’ บน Netflix

ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญของภาพยนตร์ ซีรีส์ และเพลงเกาหลี แต่ original content จากประเทศไทยบน Netflix กลับมีค่อนข้างน้อย ทำให้เกิดความสงสัยว่าทาง Netflix มองตลาดไทย รวมไปถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกอย่างไร และมีแผนการผลิตคอนเทนต์โลเคชันในภูมิภาคนี้อย่างไรบ้าง?

คุณคิมมินยอง รองประธานด้านคอนเทนต์ของ Netflix เกาหลี, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญที่ทาง Netflix ต้องการเอาชนะใจผู้ชมท้องถิ่นให้ได้ โดยประเทศไทยผลิตเนื้อหาดีๆ ออกมาเยอะ ซึ่งทางเน็ตฟลิกซ์มีแผน และมีทีมที่คอยสรรหาเรื่องราวที่ผู้สร้างคอนเทนต์ไทยอยากจะถ่ายทอด แต่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ในระบบเดิมๆ ได้

“ฉันเป็นแฟนตัวยงของภาพยนตร์ไทยอย่าง ‘ฉลาดเกมส์โกง’ (Bad Genius) และซีรีส์ ‘เด็กใหม่’ (Girl From Nowhere) ฉันเชื่อว่าออริจินัล คอนเทนต์จากประเทศไทยอย่าง ‘เด็กใหม่’ หรือ Bangkok Breaking (ออริจินัลซีรีส์ไทยจากเน็ตฟลิกซ์เรื่องที่ 2 ที่กำลังถ่ายทำอยู่) เมื่อรวมกับแผนการที่เรามีสำหรับอนาคต จะช่วยให้เราชนะหัวใจของผู้ชมชาวไทย และนำเนื้อหาจากไทยออกสู่สายตาผู้ชมนอกประเทศได้

Netflix ในฐานะผู้ให้บริการจำเป็นต้องมีบทบาทในการให้อิสระในการสร้างสรรค์แก่ครีเอเตอร์ของเราในประเทศไทย และยังจัดให้มีการเผยแพร่ทั่วโลกเพื่อให้ผู้ชมของเราเข้าถึงเนื้อหาของไทยได้มากขึ้น สำหรับประเทศไทย เราต้องการสร้างคอนเทนต์ที่สะท้อนรสชาติแบบไทยได้มากที่สุด”