‘ชาโต เปตรุส 2000’ ไวน์บ่มในอวกาศ...กลับคืนสู่โลก
“ชาโต เปตรุส” จากบอร์กโดซ์ เป็นหนึ่งในไวน์แดงราคาแพงระดับแถวหน้าของโลก ได้ส่ง “ชาโต เปตรุส วินเทจ 2000” ขึ้นไปบ่มบนสถานีอวกาศนานาชาติ เป็นเวลา 14 เดือน บัดนี้..ได้เวลาที่ไวน์แดงจะกลับคืนสู่โลก
ศาตราจารย์ ฟีลิปป์ ดาร์แยต์ (Philippe Darriet) ประธานสถาบัน ISVV แห่งมหาวิทยาลัยบอร์กโดซ์ (Institute of the Sciences of Vine and Wine University of Bordeaux) ให้ความเห็นหลังจากชิม ชาโต เปตรุส (Château Pétrus) ที่นำขึ้นไปบ่มบนสถานีอวกาศ 14 เดือน เทียบกับขวดที่บ่มธรรมดาบนโลก ไว้ว่า
“Unanimously, the two wines were considered to be great wines, which means that despite the 14-month stay on the international space station, the “space wine” was very well evaluated sensorially.”
ชาโต เปตรุส แห่งตำบลปอเมอโฮรล (Pomerol) เมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux) ประเทศฝรั่งเศส ส่ง ชาโต เปตรุส วินเทจ 2000 จำนวน 1 ลัง (12 ขวด) ขึ้นไปบ่มบนสถานีอวกาศนานาชาติ (The International Space Station = ISS) เป็นเวลา 14 เดือน และไวน์ดังกล่าวได้ส่งกลับมายังโลกด้วยความปลอดภัยด้วยยานขนส่ง SpaceX “Dragon”
การชิม ชาโต เปตรุส ดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา ณ สถาบัน ISVV เมืองบอร์กโดซ์ มีผู้ได้รับเชิญเข้าร่วมชิม 12 คน ทั้งผู้เชี่ยวชาญไวน์ สื่อมวลชน และนักวิจารณ์ไวน์ ทุกคนจะได้รับชาโต เปตรุส ที่บ่มบนโลก และที่ถูกส่งกลับมาจากอวกาศ อย่างละ 30 มิลลิลิตร เพื่อชิมและให้ความเห็น แจน แอสตัน (Jane Anson) ผู้สื่อข่าวนิตยสาร ดีแคนเตอร์ (Decanter) แห่งเมือง บอร์กโดซ์ (Bordeaux) หนึ่งในผู้เข้าร่วมชิมบอกว่า
“ชาโต เปตรุส 2000 ขวดที่มาจากนอกโลกมีกลิ่นหอมของดอกไม้ แทนนินที่นุ่มกว่าเล็กน้อย รสชาติกลมกล่อมแต่ยังดิบอาจจะต้องบ่มต่ออีก 2-3 ปี เพื่อให้รสชาติพัฒนาขึ้น” ศาตราจารย์ ฟีลิปป์ ดาร์แยต์ ประธาน ISVV กล่าวว่า “ทุกคนลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า ไวน์ทั้ง 2 ตัวถือว่าเป็นไวน์ที่ยอดเยี่ยม นั่นหมายความว่าตลอด 14 เดือน ที่อยู่บนอวกาศนั้นถือว่าประสบความสำเร็จ..”
ชาโต เปตรุส วินเทจ 2000 ได้คะแนน 100 เต็ม จาก โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ นักชิมไวน์ระดับซือแป๋เรียกอาจารย์ ราคาที่บ่มบนโลกจะอยู่ที่ขวดละ 4,688 ปอนด์สเตอร์ลิง หรือประมาณ 6,488 ดอลลาร์สหรัฐ ยังไม่รวมภาษี ส่วนขวดที่ผ่านการบ่มบนสถานีอวกาศ ข่าวว่าราคาประมาณ 65,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ชาโต เปตรุส เป็นไวน์แดงที่แพงที่สุดรองจาก โรมาเน กงติ กำเนิดเมื่อปี ค.ศ.1873 มาโด่งดังตั้งแต่ปี 1945 เป็นต้นมา หลังจาก ฌอง ปิแอร์ มูอิกซ์ (Jean-Pierre Moueix) เข้ามาครอบครอง ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกองุ่น 11.4 เฮกตาร์ ผลิตเฉพาะไวน์แดงจากองุ่นแมร์โลต์ (Merlot) เดิมมีการเบลนด์จากพันธุ์อื่นบ้าง แต่หลังจากวินเทจ 2010 เป็นต้นมา ใช้แมร์โลต์ 100% อายุขององุ่นประมาณ 45 ปี และไม่ผลิตไวน์ฉลากสอง ผลผลิตปีละประมาณ 30,000 ขวด
ความแพงของชาโต แห่งนี้เกิดจากเคล็ดลับหลายประการ ที่ผู้เชี่ยวชาญไวน์ต่างประเทศวิเคราะห์เอาไว้ ประกอบด้วย “ฟ้าประทาน ผสานกับฝีมือมนุษย์” เช่น
ตาองุ่นของชาโต เปตรุส กำหนดให้มีเพียง 8 ตา แม้การมี 10 ตา จะทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มอีกถึง 25% แต่เขาไม่สน เพราะต้องให้องุ่นได้อาหารเพียงพอ เป็นการเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ
ปี 1956 แม่คะนิ้ง (Frost) ทำลายไร่องุ่นในบอร์กโดซ์เกือบหมด ฟรอสต์นี้จะทำลายเนื้อเยื่อตาองุ่นให้เน่าเสีย แต่ด้วยบังเอิญหรือพระเจ้าประทาน การมีตาน้อยทำให้ผลองุ่นของชาโต เปตรุส มีคุณภาพเยี่ยม
ชาโต เปตรุส ใช้กรรมวิธี Crop Thinning ตัดกิ่งที่งอกงามทิ้งในเดือนกรกฎาคม ขณะที่ชาวไร่ข้าง ๆ บอกว่า ท่าจะบ้า! ดันไปตัดของดีทิ้ง การทำเช่นนี้ทำให้กิ่งก้านที่เหลือดูดดื่มอาหารได้เต็มที่ เป็นการเค้นให้ผลองุ่นมีรสเข้มข้นยิ่งขึ้น
การเก็บเกี่ยวองุ่น ในเดือนตุลาคม จะใช้มืออาชีพ 180 คน ลงแขกเก็บองุ่นที่มีเพียง 11.4 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ = 6 ไร่ 1 งาน) รอให้น้ำค้างระเหยไปก่อน เริ่มเก็บเกี่ยวเวลาเที่ยงตรง และต้องให้เสร็จภายใน 4 ชั่วโมง ก่อนที่ความชื้นจะมาเกาะอีกตอนเย็น
กรรมวิธีการบีบ คั้นน้ำองุ่น และหมักบ่มเป็นสูตรลับเฉพาะ (ที่จริงมี แต่คงจะอธิบายกันยืดยาว) เมื่อผ่านกระบวนการมาโลแลคติก (Malolactic) แล้ว จะบ่ม 12–16 เดือน ในโอ๊คฝรั่งเศสเก่าและใหม่อย่างละครึ่ง ไวน์ที่ดีและราคาแพงในบอร์กโดซ์หรือเบอร์กันดี การบ่มในถังโอ๊คถือเป็นเคล็ดวิชาอย่างหนึ่ง บางชาโตบ่มเสร็จแล้วเผาถังทิ้งทันที ป้องกันเจ้าอื่นเอาไปใช้
ชั้นดินของชาโต เปตรุส เป็นดินหลังเต่า (ขณะที่ชั้นดินของเจ้าอื่นเป็นพื้นราบ) เป็นดินเหนียวผสมกรวดทราย เป็นเขตที่เรียกว่า ‘รูกระดุม’ (Button Hole Petrus boutonnière) ชั้นดินยิ่งลึกลงไป ดินจะเปลี่ยนสีมีแร่ธาตุเหล็กอุดมสมบูรณ์ เหมาะที่สุดกับการปลูกองุ่นแมร์โลต์ พื้นที่รูกระดุมแบบนี้ไม่มีที่ไหนในโลก เป็นเขตที่พระเจ้าประทานมาให้เฉพา เท่านั้น
นั่นคือส่วนหนึ่งของความพิเศษของ ชาโต เปตรุส ที่มีองค์ประกอบอย่างลงตัวของดิน ฟ้า อากาศ เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานมาให้ ผสานกับฝีมือมนุษย์..!